สันต์ สะตอแมน
ในเฟซบุ๊กเห็นข้อความ..
“ในหน้างานมีเรื่องราวให้คิดให้ทำให้ร่วมแรงร่วมใจตลอด ส่วนเรื่องหลังบ้านไม่เคยถามกัน แต่เรื่องหน้างานพวกเราสู้ไม่มีถอย…
ขออย่าอ่อนแอให้เขมรมันหัวเราะเรานะกัน …ทุกๆ กำลังใจสำคัญเสมอ”
ส่วนคำพูดจากนี้ไปเป็นการไลฟ์ของสองนักร้อง-นักแสดงพี่น้องแฝด “ฝันดี-ฝันเด่น จรรยาธนากร” ซึ่งผมขออนุญาตลอกมาจาก “ผู้จัดการออนไลน์” ที่ได้แกะมารายงานตามนี้..
“มีนักข่าวหลายสำนักโทร.หา ภาพรวมให้กำลังใจพี่กัน เพราะเราได้ปฏิบัติภารกิจทางชายแดน หรือหลายๆ เหตุการณ์ สต.. น้ำท่วม หรืออะไรมากมาย
อาจไม่เคยนัดทานข้าวกันจริงจัง อาจทานข้าวหน้างาน ที่เจอกันที่บ้านหนองจานไม่ได้นัดหมาย ต่างฝ่ายต่างไปปฏิบัติภารกิจแล้วเจอกันทักทายกัน ส่งกำลังใจให้กัน
สิ่งหนึ่งที่อยากพูด ความรู้สึกตอนกันพูดตรงหน้ากระทรวง ที่กันพูดถึงลูกสาว แล้วกันร้องไห้ ในมุมความเป็นพ่อ คนที่ออกไปลุยหน้างาน
ไม่อยากให้พูดว่าก็อยากไปเองจะมาร้องไห้ทำไม อยากไปเองจะมาตีบทเศร้าเล่าดรามาทำไม ไม่ใช่อย่างนั้น
หลายครั้งที่คนถามว่าการเป็นคนดี มันยากไหม เวลาไปบรรยายหรือสัมมนา เราแค่เป็นคนธรรมดา ที่อยากใช้เวลาที่มีอยู่ช่วยเหลือคนอื่นโดยการทำดี
คือทำให้คนเหล่านั้นที่ตกทุกข์ได้ยากรู้สึกดี แต่ไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดี มันคนละเรื่องกัน
เมื่อไหร่ที่เราบอกตัวเองเป็นคนดี หรือยอมรับคำคนอื่น ไม่เคยยินดีปรีดากับสิ่งเหล่านั้น เพราะไม่ใช่สิ่งตั้งต้นที่เราเอามาช่วยคน ไม่ได้อยู่ในจริต หรือกมลสันดาน
แค่โชคดี เมื่อไหร่คิดอยากทำ แล้วได้ทำ มันคือความสุข คิดแค่นั้น
ส่วนพวกใช้วาทกรรมคนดี ย.การันย์ บ้าบอคอแตก มันก็มีหลากหลายทางโซเชียลที่จะคิดได้ โลกใบนี้กว้างมาก
ยิ่งมีประชาธิปไตย มีความเท่าเทียมกันทุกคน มีเน็ตเติม มีช่องของตัวเอง มีเอนเกจฯ เยอะ มีเพื่อน ก็แล้วแต่จะสถาปนา บุญกรรมใครก็ไม่ว่ากัน
นักข่าวโทร.มาถาม เราไม่ใช่มูลนิธิ แค่อาสาสมัครมาเจอกัน เราไม่ได้กลัวการจดมูลนิธิ เพราะมีมูลนิธิเยอะอยู่แล้ว
เป้าหมายแค่อยากช่วยคน ไม่ได้อยากสร้างองค์กรให้เป็นบิ๊กเนม หรือดูแกรนด์ เพราะสุดท้ายทุกคนก็ตายกันหมด
ถ้าเราทำดี ชื่ออยู่ในมูลนิธิ เกิดคนอื่นทำแล้วไม่ดี ก็ถูกขุดขึ้นมาด่าอีก ฉะนั้นเกิดขึ้นแล้วดับไป ให้จบตามนั้นพอ
ยินดีทำในห้วงที่เรามีลมหายใจ ไม่ได้ทำเพราะกูเป็นคนดี มันคนละเรื่องกัน ตราบใดที่ยังเป็นคน รักโลภโกรธหลงปนเปอยู่แล้ว
วันนี้การแสดงความรู้สึกต่อกัน เราพูดในมุมที่เราได้เป็นอาสาที่อยู่ในพื้นที่หลายๆ เหตุการณ์บ่อยๆ บางคำพูดละเอียดอ่อนมากต่อใจ เราอาจดูแข็งแกร่งมาก ดูกล้าลุยน้ำลุยไฟ
แต่คำพูดง่ายๆ จากบางคนที่ไม่รู้จักก็ทำให้ทุกอย่างพังทลายลงในความรู้สึกเหมือนที่พี่กันบอกว่าเขาอาจพัก แต่มูลนิธิยังคงเดินต่อ
ผมก็คิดว่าเราจะขาดทรัพยากรบุคคลที่กำลังเดินหน้าต่อสู้ศัตรูประเทศไปด้วยเรื่องอะไรวะ
ภารกิจที่เราทำการส่งเสริมจากแนวหลังสู่แนวหน้าผ่านกันจอมพลังช่วยสู้ สร้างบังเกอร์ทำทางโน่นนี่นั่น
ถ้าผ่านระบบราชการ ต้องรอระบบ มีการเซ็น มีการตรวจสอบ กว่าจะจบเป็นสิ่งที่ชายแดนต้องการ มันจะทันพอที่จะกันการโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามได้ไหม
บางครั้งก็คิดในใจไม่มีเราเขาก็อยู่ได้ ไม่มีเราเขาก็ทำกันได้ แต่ถ้ามองอีกมุมนึง มีเรา มีทีม เติมเต็มกันได้ มันดีกว่าที่เราจะมาคิดแบบนั้นไหม
ก็จะไม่พูดอะไรมาก เพราะพูดไปบางคนบอกเดี๋ยวทัวร์ลง ก็ไม่รู้ ทุกวันนี้เดินทางมาถึงจุดที่ถ้าพูดแล้วไม่ถูกใจใคร ทัวร์ก็ลง
ก็ไม่ผิดต่อกฎหมาย ไม่ผิดต่อศีลธรรมอันดี จริยธรรมอันดีของประเทศ กูก็โอเคแล้ว แต่ไม่ถูกใจมึงก็แล้วแต่ จะแขวนก็ต้องทำใจ เอาประเทศชาติ เอาแผ่นดินเป็นที่ตั้งก่อน
อาจต้องยอมเสียใจ เสียความรู้สึกบ้าง แต่ไม่เสียดินแดนแน่นอน
ถ้าเมื่อไหร่ยังไม่สุดต่อขีดความสามารถประชาชนชาวไทย ต่อทหารที่จะป้องกันประเทศรักษาประเทศได้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่มึงจะมาเอาไป
ในส่วนรัฐบาล นักการเมืองจะเล่นอะไรก็เล่นไป แต่วันนี้ผมมองในมุมประชาชนคนนึง สิ่งที่เราจะทำได้คือดูแลประเทศชาติให้ดีที่สุดเท่าที่เราทำได้
ถ้าจะสุดแค่เอื้อม จะให้เพื่อนจับมือต่อไปให้ยืดยาวขึ้น ถ้ากูไปไม่ได้ ก็จะฝากคนที่เขาไปได้ต่อไป ไม่มีคำว่าหมดกำลังใจ ไม่มีคำว่าหมดสำหรับประเทศชาติ ตัวตายชาติยังอยู่”
ครับ..อ่านแล้วจะรู้สึกอย่างไรไม่อาจไปหยั่งรู้จิตใจใครได้ สำหรับผมอยากบอก..
ซาบซึ้งมาก..ไอ้น้อง!.

