15 กันยายน 2565-นางสาวธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ Tidarat Yingcharoen โฆษกพรรคไทยสร้างไทยกล่าวว่าจากการที่สภาผู้แทนราษฎรมีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.เงินให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา (กยศ.) ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯพิจารณาเสร็จแล้ว
โดยเป็นการลงมติในมาตรา 17 เรื่องการคิดดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นด้วยกับร่างของนายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ส.ส. ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธาน กมธ.ฯ ที่เสนอแก้ไขไม่ให้คิดดอกเบี้ย และเบี้ยปรับล่าช้าเงินกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาด้วยคะแนน 218 ต่อ 109 งดออกเสียง 53 และไม่ลงคะแนน 1 เสียงนั้น
ขอขอบคุณสมาชิกผู้แทนราษฎรทุกท่านที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการศึกษาและภาระของนักเรียนนักศึกษาที่ต้องเผชิญอยู่ จนนำมาสู่การยกเลิกดอกเบี้ยและเบี้ยปรับค้างชำระ กยศ. ซึ่งเราสามารถดันเพดานขึ้นไปได้อีกด้วยการยกหนี้ กยศ. และให้เรียนฟรีจนจบปริญญาตรี ซึ่งพรรคไทยสร้างไทยได้เตรียมแนวทางเอาไว้แล้ว
จากข้อมูลล่าสุดในปี 2565 ขณะนี้มีนักเรียนนักศึกษาที่ค้างชำระหนี้อยู่กับ กยศ. ราว 3,500,000 ราย คิดเป็นมูลค่าหนี้ค้างชำระประมาณ 340,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนไปกับทุนมนุษย์โดยตรงไปแล้ว และหากเงินส่วนนี้ถูกนำไปจับจ่ายใช้สอยหรือนำไปลงทุนกับเศรษฐกิจในภาคส่วนอื่นๆ
ผลตอบแทนที่ได้กลับมาจะมากกว่าเงิน 340,000 ล้านบาทนี้เป็นอย่างมาก ทำให้การยกเลิกหนี้ กยศ. นอกจะเป็นการแบ่งเบาภาระของนักเรียนนักศึกษาแล้ว เงินส่วนนี้จะถูกนำไปช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนผ่านการใช้จ่ายและการออมได้อีกเช่นกัน
ในเมื่อมีการยกเลิกดอกเบี้ยและเบี้ยปรับข้างชำระ กยศ. แล้ว พรรคไทยสร้างไทยจึงขอเสนอให้ขยับเพดานไปสู่ยกเลิกหนี้ กยศ. ทั้งหมด โดยพรรคไทยสร้างไทยออกแบบให้เริ่มกำหนดเวลาพักชำระหนี้ (Moratorium) ให้กับลูกหนี้ที่จ่ายตรงเวลา และขยับขยายช่วงเวลาพักชำระหนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นการปลดภาระหนี้จากผู้กู้โดยสมบูรณ์
ด้วยวิธีการดังกล่าวจะทำให้ กยศ. ไม่จำเป็นต้องบันทึกรับรู้การขาดทุนในทีเดียว และสามารถทยอยตัดจำหน่ายหนี้สูญทางบัญชีได้ โดยหากทยอยตัดหนี้สูญ 10 ปี หรือเฉลี่ยปีละ 34,000 ล้านบาท จะใกล้เคียงกับงบประมาณซื้ออาวุธของกองทัพไทยในปี 2565 ที่อนุมัติไปทั้งสิ้น 33,460 ล้านบาท
ซึ่งเท่ากับว่าการยกหนี้ กยศ. ไม่ได้ก่อให้เกิดภาระทางการคลังอย่างมีนัยยะสำคัญ หากมีการบริหารจัดการอย่างค่อยเป็นค่อยไป อีกทั้งยังเป็นการใช้จ่ายที่ได้ผลตอบแทนในรูปของคุณภาพประชากรและความสามารถในการหารายได้ที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
นางสาวธิดารัตน์กล่าวเสริมว่า “การขจัดคอรัปชั่นและการอุดรูรั่วทางการคลังจะช่วยให้เราได้งบประมาณที่ถูกใช้จ่ายอย่างไม่เหมาะสมกลับคืนมาใช้ลงทุนกับการศึกษาของประเทศ โดยเมื่อเปลี่ยนระบบได้สมบูรณ์ภายในไม่เกิน 4 ปี จะทำให้ไม่มีคนตัวเล็กราว 650,000 คน ที่ต้องกู้เงิน กยศ. เรียนถึงปีละ 37,000 ล้านบาทอีกต่อไป
หนี้ที่ค้างอยู่ก็จะยกเลิกได้หมด และอาจจะมีเงินเหลือเพียงพอสำหรับจัดการศึกษาจนถึงปริญญาตรี จนเด็กรุ่นต่อไปไม่จำเป็นต้องกู้เงินเรียนอีกต่อไป”