28 ธ.ค.63 เวลา 14.45 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ได้มีการหารือในแผนการดำเนินงานทั้งระยะสั้นและระยะยาว
รวมถึงการใช้จ่ายงบประมาณอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด
โดยที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือ การให้ SMEs ไปต่อได้ โดยอาจปรับเปลี่ยนรูปแบบในการลงทุน เพิ่มนวัตกรรม ผลักดันผลิตภัณฑ์สินค้าไทยเข้าสู่ตลาดมากขึ้น เร่งรัดหน่วยราชการ สามารถจัดซื้อวิสาหกิจชุมชนตามที่เคยปลดล็อกไปแล้ว
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงความคืบหน้าสถานการณ์โควิด-19 หากสามารถติดตามผู้ติดเชื้อในแต่ละวันให้เข้าระบบ รู้ที่มาของการติดเชื้อก็จะสามารถหาวิธีการป้องกันได้ ทั้งนี้ รัฐบาลมีหน้าที่ในการดูแล และป้องกันให้ประชาชนทุกคนปลอดภัย พร้อมเตือนให้ทุกคนใส่หน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และหลีกเลี่ยงสถานที่แออัด
โดยเฉพาะเทศกาลปีใหม่ที่จะมาถึง รวมถึงให้พิจารณาการเรียน online และมาตรการ Work from Home ดังที่เคยได้มีการปฏิบัติมาก่อนแล้ว
กรณีวัคซีนนั้น จะต้องผ่านการตรวจสอบจาก อย. ต้องมีการคัดกรองคุณภาพ ประสิทธิภาพจึงจะสามารถนำมาใช้ได้ รวมทั้งประเมินความเสี่ยง ติดตามผลข้างเคียงของวัคซีนที่จะเกิดขึ้นด้วย จึงจำเป็นต้องรับความคิดเห็นจากแพทย์และต้องให้สาธารณสุขรับรองเสียก่อน
ในส่วนของวัคซีนที่สั่งจองไปจำนวน 20 ล้านโดสมีข้อตกลงว่าสามารถนำมาวิจัยต่อยอดในประเทศได้ สามารถผลิตเองได้ ทำให้มั่นใจว่าจะเพียงพอต่อคนทั้งประเทศแน่นอน ในส่วนการส่งเสริมภายในประเทศรัฐบาลมีวงเงินงบประมาณที่ให้สถาบันวัคซีนเพื่อแจกจ่ายคณะทำงานในส่วนนี้ โดยกลุ่มที่จะได้รับงบประมาณจะต้องเข้าเกณฑ์ที่สถาบันวัคซีนกำหนด พร้อมกล่าวว่าได้เพิ่มวงเงินงบประมาณในส่วนนี้แล้ว
ช่วงหนึ่งของการให้สัมภาษณ์ นายกรัฐมนตรียังวอนคนทั้งประเทศร่วมมือร่วมใจกันผ่านปัญหาไปให้ได้ ไม่โทษกันเอง
ย้ำไม่เคยเอื้อประโยชน์พร้อมสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งสอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริงและลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องทุกราย หากพบการทุจริตสามารถส่งจดหมายถึงนายกรัฐมนตรีได้โดยตรง พร้อมขอบคุณสำหรับฉายาที่สื่อตั้งให้ ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกอะไรที่ได้รับฉายานี้