ผักกาดหอม
ราคาคุยเยอะจริงๆ…
ไม่มีพรรคไหนเก่งไปกว่าพรรคส้มแล้วครับ
ไม่ได้ประชด แต่ตามรูปการณ์มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
แต่ละวันตะบี้ตะบันปั่นคอนเทนต์ ทำให้ สส.เป็นยอดมนุษย์
ย้ำนะครับช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมเป็นเรื่องดี แต่อย่าหวังผลทางการเมืองมากจนเกินไป
น้ำท่วมหาดใหญ่ครั้งนี้ “หลายฝ่าย” ให้ความช่วยเหลือชาวบ้าน ทั้งออกหน้าและไม่ออกหน้า
ส่วนใหญ่น่าชื่นชมครับ
ไม่ว่าจะเป็น ภาคเอกชน มูลนิธิ ชาวบ้านด้วยกัน รวมไปถึงภาครัฐบางหน่วยงานซึ่งเข้าถึงพื้นที่น้ำท่วมได้ก่อน เช่นทหาร ตำรวจ
แทบไม่มีใครหวังผลอยากได้ชื่อเสียง หรือความนิยม มาด้วยใจจริงๆ
แต่พรรคการเมืองเป็นอีกอย่าง พรรคไหนไม่ไปถูกตัดหัวเสียบประจานในโลกโซเชียล ฉะนั้นแทบทุกพรรคมุ่งสู่หาดใหญ่
ส่วนใหญ่ต้องไป ถือว่าถูกต้องแล้วครับ แม้พรรคตัวเองจะไม่มี สส.ในพื้นที่ แต่การช่วยเหลือประชาชน จะไปใช้ทักษิณโมเดล จังหวัดไหนเลือกพรรคไทยรักไทย จะดูแลจังหวัดนั้นเป็นพิเศษไม่ได้
ต้องดูแล ต้องรับรู้ความเดือดร้อนของประชาชนทั้งประเทศ
เพียงแต่มีบางพรรคสร้างคอนเทนต์ได้ทุกวัน มีเรื่องให้แบ่งข้างด่ากันไปมาในโซเชียลทุกวัน
บางคนทำตัวราวเป็นเจ้าของหาดใหญ่
มันมากไป
เช่นกรณีของ “ลิซ่า ภคมน หนุนอนันต์” คนชอบก็แทบจะล้างตูดให้ คนไม่ชอบก็ด่าเช็ด จอมสร้างภาพ
คือ…เจ้าตัวควรรู้ว่าที่ทำอยู่มันเยอะไป
ราวกับว่า “ลิซ่า” กางแขนกางขาช่วยคนทั้งอำเภอหาดใหญ่ได้หมดในคราวเดียวกัน
อย่างที่บอก การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยถือเป็นเรื่องน่ายกย่องชื่นชม แต่ถ้าการช่วยนั้นหวังผลทางการเมืองจนมากเกินงาม มันก็ถูกการเมืองเล่นกลับ
ไอ้เรื่องน้ำท่วมคอแค่ข่าวไร้สาระครับ
แต่หลักๆ คือการช่วยเหลือที่ต่างคนต่างทำ เพราะยึดเอาว่าผลงานใครผลงานมัน แบบนี้คือการไปส่งเสริมความไร้ระบบในการบริหารจัดการ
วานนี้ (๒ ธันวาคม) “ลิซ่า” เธอโพสต์ข้อความแนะวิธีการแก้ปัญหาและเอาไปใช้ได้เลยไม่ต้อง กลัวเสียเชิง
“…พี่น้องประชาชนอ่านให้จบ สื่อมวลชนหากนำเสนอขอความเมตตาลงให้ครบเพื่อส่งต่อข้อเสนอคนหน้างานให้รัฐบาล!!!!!
สรุปมาให้ ข้อเสนอพื้นฐานเฉพาะหน้า แต่มีรายละเอียดที่มองเห็นปัญหา ที่ท่านนำไปใช้วางแผนและลงมือได้เลย เอาไปทำเลยไม่ต้องกลัวเสียเชิง
เห็นข่าว ผอ.ศป.กฉ. ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย ท่านภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรี เพิ่งมีการประชุมกับภาคประชาชน (มูลนิธิกระจกเงา) เรื่องการฟื้นฟูน้ำท่วมหาดใหญ่ ดังนั้นคิดว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่ท่านอาจจะยังมองไม่ออกถึงรายละเอียดของการฟื้นฟู
ดิฉันจะขอสรุปให้ และขีดเส้นว่า สิ่งเหล่านี้ควรเกิดขึ้นภายใน ๗ วัน นับตั้งแต่วันนี้ เพราะหากพ้น ๗ วัน ปัญหาที่สรุปไปจะกลายเป็นอีกระดับแล้ว
-น้ำและไฟฟ้า ทุกพื้นที่ ต้องใช้ได้ภายใน ๒ วัน
๑.สั่งปูพรมภารกิจ ‘Big Cleaning’ ทั้งเมือง อย่าทำแบบกระจัดกระจาย เพื่อเปิดเมืองรับปีใหม่ เรามีเวลาไม่มากค่ะ เศรษฐกิจหาดใหญ่ต้องฟื้นให้ทันช่วงปีใหม่ เพื่อรับนักท่องเที่ยวมาเลย์-สิงคโปร์
รัฐต้องระดมพล: ไม่ใช่แค่กวาดถนน แต่ต้องเข้าช่วย ‘ล้างบ้าน’ ตรวจเช็กวงจรไฟฟ้า ให้บ้านผู้สูงอายุและคนตัวเล็กตัวน้อยที่ทำเองไม่ไหว
เร่งเอารถใหญ่เข้ามาจัดการขยะพิษ // ขยะชิ้นใหญ่และขยะอันตรายต้องมีจุดทิ้งและรถขนเฉพาะกิจ อย่าปล่อยให้ชาวบ้านกองทิ้งไว้หน้าบ้านจนเกิดโรคและขนกันเอง เกิดปัญหาโรคภัยไข้เจ็บและจราจรติดขัดตามมา
๒.ขณะอีกปัญหาคือ ‘รถจมน้ำ’ ทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ มันเป็นวิกฤตขนส่งในเมืองหาดใหญ่ เพราะปกติก็ไม่มีขนส่งสาธารณะอยู่แล้ว คนรอบนอกเข้ามาทำมาหากินไม่ได้ มันเป็นวิกฤตคนจนเมือง คนหาดใหญ่จำนวนมาก ‘หมดทางทำมาหากิน’ เพราะมอเตอร์ไซค์และรถยนต์จมน้ำ
ตั้งหน่วยซ่อมเคลื่อนที่: รัฐต้องตั้งจุดบริการซ่อมฟรี! ทั้งรถและเครื่องใช้ไฟฟ้า ให้เขากลับมาใช้ชีวิตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเปราะบาง
ในหาดใหญ่และพื้นที่ใกล้เคียงมีสถาบันอาชีวะหลายแห่ง สามารถขอความร่วมมือระดมพลมา โดยการสนับสนุนทรัพยากรจากภาครัฐได้
รถโดยสารฟรีต้องมา: ระหว่างที่รถชาวบ้านพัง รัฐต้องจัดรถโดยสารสาธารณะวิ่งวนรับ-ส่งฟรี ในเขตเมืองและเชื่อมต่ออำเภอใกล้เคียงทันที
๓.รื้อระบบเยียวยา : จ่ายไว จ่ายจริง เลิกพิสูจน์ความจน ยกเลิกขั้นตอน เข้าใจว่าท่านก็ทำอยู่ซึ่งดีค่ะ!!!
เอาเทคโนโลยีมาใช้ เลิกให้ชาวบ้านถ่ายเอกสารบัตรประชาชนเปียกน้ำ ไปต่อแถวลงทะเบียน! ใช้ข้อมูลพิกัดมือถือ (Mobile Signal) หรือภาพถ่ายดาวเทียม GISTDA ซ้อนทับทะเบียนบ้าน แล้วโอนเงินเข้าบัญชีเลย
SMEs ต้องรอดูสภาพความเสียหายที่เกิดขึ้น พักหนี้ ๑ ล้านบาทมันน้อยไปสำหรับโรงงานและร้านค้า ต้องขยายเป็น ๕ ล้านบาท และต้องมีมาตรการ “Soft Loan” ดอกเบี้ยต่ำพิเศษ เพื่อให้ธุรกิจเดินต่อได้ ไม่ใช่ปล่อยให้เจ๊งแล้วเลิกจ้างคนงาน
เพิ่มเงินเยียวยา: ๙,๐๐๐ บาทไม่พอค่ะ! ต้องเพิ่มค่าล้างบ้าน ๑๐,๐๐๐+ ค่าเครื่องมือทำกิน ๑๒,๐๐๐ (หรือจะมากกว่านั้นท่านก็คำนวณดู + ค่าซ่อมบ้านตามจริง (เพดาน ๑ แสน) ด้วย
ย้ำว่า!!! นี่คือข้อเสนอจากประชาชนคนเล็กคนน้อย ที่ดิฉันรับฟังมาตลอดเวลาในพื้นที่เป็นเวลา ๙ วัน
๔.ฟื้นฟูสาธารณสุข และ ‘สังคายนา’ ข้อมูลผู้เสียชีวิต เร่งด่วนที่สุดซ่อม รพ.หาดใหญ่ และ รพ.สต. ต้องกลับมาให้ใช้งานได้ให้เร็วที่สุด
ปูพรมให้กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ต้องสั่งการให้ หน่วย MCATT (Mental Health Crisis Assessment and Treatment Team) ลงพื้นที่แบบเชิงรุก เพราะนี่คือทีมเฉพาะกิจด้านสุขภาพจิตที่จัดตั้งโดยกรมสุขภาพจิต มีหน้าที่ประเมิน ฟื้นฟู และดูแลผู้ประสบเหตุการณ์รุนแรงในระยะเร่งด่วน ขณะประชาชนจำนวนมากเกิดภาวะ PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder) หรือ ‘โรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง’
เปิดข้อมูลความตาย: รัฐต้องกล้าเปิดเผยตัวเลขผู้เสียชีวิตอย่างละเอียด แยกแยะเลยว่า จมน้ำตาย หรือตายเพราะไฟดับ-เครื่องมือแพทย์หยุดทำงาน และสาเหตุอื่นที่เกี่ยวเนื่องกัน เช่น ไฟชอร์ต อดอาหาร ไตวาย ฯลฯ
๕.ข้อนี้สำคัญที่สุด : ‘หยุดตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ’ ดิฉันขอส่งเสียงดังๆ ไปถึง นายก อบจ.สงขลา และผู้มีอำนาจ มีเงินเป็นพันๆ ล้าน เวลานี้การเอาแต่สร้างถนนอย่างเดียวไม่ใช่เรื่องหลักและเร่งด่วน แต่ชีวิตคนสำคัญที่สุด! เอาเงินมาอัดฉีดซ่อมโรงเรียน ซ่อมโรงพยาบาล ซ่อมวัด ซ่อมมัสยิด ให้กลับมาใช้งานได้ นี่คือสิ่งที่ผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ควรทำ!
***และสำคัญที่สุดจังหวัดสงขลาไม่ได้มีแค่ อ.หาดใหญ่ ขณะนี้อำเภอรอบนอก อย่าง อ.ระโนดยังท่วมอยู่ แบ่งทรัพยากรมาบริหารจัดการบรรเทาให้พวกเขาด้วย
หาดใหญ่เป็นเมืองศักยภาพสูงค่ะ ดิฉันเกิดที่นี่ เรียนที่นี่ เข้าใจบริบทเมืองและอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมตั้งแต่วันที่ ๒ ของเหตุการณ์ จนวันนี้เข้าสู่เฟสการฟื้นฟู หากท่านมีศักยภาพบริหารจัดการดีๆ เราฟื้นตัวได้เร็วแน่นอน
ข้อเสนอทั้งหมดดิฉันตั้งใจรวบรวมมาให้เกิดจากการลงมือทำจริงๆ ไม่ได้รับรายงานจากใคร ดิฉันและทีมอาสาลงมือทำเองเห็นกับตาสัมผัสด้วยหัวจิตหัวใจตัวเอง
ไม่ได้ต้องการจะเกทับใดๆ แต่เชื่อเถอะท่านไปไม่ถึงในพื้นที่ที่ดิฉันไปมาหรอก ท่านมองไม่ออกในรายละเอียดปลีกย่อยของปัญหาเหล่านี้
ย้ำ!! นำไปใช้ได้เลยไม่ต้องกลัวเสียเชิง เพื่อให้เกิดประโยชน์และผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ข้อเสนอ ดิฉันไม่ต้องมาเสียเวลานั่งพิมพ์เพื่อสื่อสารยาวๆ เลย ถ้าดิฉันมีอำนาจรัฐ ถ้าพรรคประชาชนเป็นรัฐบาล ดังนั้นรับไปทำเลยจะได้ลดเวลาไม่ต้องเรียกคุยทีละฝ่าย
ข้อมูลทั้งหมดคือข้อเท็จจริง ดิฉันได้อยู่ในพื้นที่ มีรัฐมนตรีติดต่อมาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า ๒ ท่านและดิฉันได้นำเสนอปัญหาไปและท่านก็เอาไปดำเนินการจนเกิดผลลัพธ์ที่พอบรรเทาและประทังชีวิตของพี่น้องประชาชนได้ ดังนั้นเชื่อใจดิฉันได้ค่ะ ว่าข้อมูลทั้งหมดนี้คือข้อเท็จจริงที่ฉันอยากเห็นผลลัพธ์มันเกิดขึ้นจริงและเร็วที่สุด…”
ครับ…ไม่ทราบว่า “ลิซ่า” ไปช่วยคนกี่ซอย เข้าไปลึกแค่ไหน ถึงจะลึกกว่าใครๆ แล้วบอกว่าไม่เกทับ มันก็เกทับนั่นแหละครับ
ทั้ง ๕ ข้อที่ว่ามาบางข้อทำไปแล้ว บางข้อกำลังจะทำ แต่ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของการมองจุดที่ประชาชนเดือดร้อนเพียงจุดเดียว ซอยเดียว แต่มองทั้งอำเภอ ทั้งภาคใต้
เอาไว้พรรคส้มเป็นรัฐบาล ถึงวันนั้นคงได้เห็นฝีมือ
แต่ให้ตายเถอะนึกภาพพรรคส้มเป็นรัฐบาลทีไรก็อดคิดถึงวันที่ สส.พรรคส้มถูกข้อหาบ้ากามไม่ได้
วันนั้นเงียบกันทั้งพรรค พวกปากดีหายเกลี้ยง.

