ผักกาดหอม
ชาวโซเชียลถึงกับยกให้เป็นวันโลกาวินาศกันเลยทีเดียว
อย่างที่ทราบกันครับ ๑๘ มิถุนายน มีหลายคดีสำคัญ ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาในวันเดียวกัน
๔ คดีใหญ่!
๑.อัยการนำตัว “นักโทษชายทักษิณ” ส่งฟ้องศาล
๒.ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณากฎหมายเลือก สว.เป็นโมฆะหรือไม่
๓.ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาจะถอดถอนนายกฯ เศรษฐาหรือไม่
และ ๔.ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล
แต่คดีที่น่าจับตามองที่สุดคือ อัยการนำตัว “นักโทษชายทักษิณ” ส่งฟ้องศาล คดี ม.๑๑๒
จะหนีอีกรอบหรือไม่? วิจารณ์กันขรม
ถ้าไม่หนี จะได้ประกันตัวหรือเปล่า
ช่างน่าสนใจจริงๆ
เพราะมีคนอยากเห็น “นักโทษชายทักษิณ” เข้าไปอยู่ในคุก
“จตุพร พรหมพันธุ์” อดีตลูกน้องเก่า ปัจจุบัน ไม่เผาผี ตามจิกมาตั้งแต่ยังเป็นนักโทษหนีคุก จนกลับมาเป็นนักโทษเทวดา
“…ผมท้าให้ทักษิณ ไปพบอัยการในวันที่ ๑๘ มิถุนายน ถ้าไม่ไปจะเสียภาวะผู้นำเลย แล้วต่อไปใครจะมาเรียกร้องให้กลับบ้านอีก
สิ่งสำคัญผู้นำต้องเป็นแบบอย่างในการต่อสู้
ดังนั้น ทักษิณ ควรไปตามนัดของอัยการเพื่อนำตัวไปฟ้องศาล ขอให้ไป แสดงความกล้าหน่อย ไปแบบสง่างาม แม้ไม่รู้ว่าจะได้ประกันตัวหรือไม่ก็ตาม…”
หากวัดเอาตามท่าทีของ “นักโทษชายทักษิณ” ที่บอกว่าไร้กังวล คดีไม่มีอะไรเลย แค่ถูกยัดคดีโดยคณะรัฐประหาร ก็ไม่มีเหตุผลอะไรต้องหนี
เมื่อไม่กังวลก็ไปศาลเท่านั้นเอง
คงยังไม่หนีไปไหนครับ เพราะการหนีรอบนี้จะไม่เหมือนรอบที่แล้ว
จะเป็นการหนีโดยไม่ได้กลับไทยอย่างถาวร
แต่ก็ยังเชื่อไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า “นักโทษชายทักษิณ” จะไม่หนี
นั่นเพราะยังมีความพยายามที่จะประวิงเวลาออกไป ด้วยการให้ทีมกฎหมายคัดค้านคำสั่งฟ้อง ร้องขอความเป็นธรรมว่า ในชั้นพนักงานสอบสวนมีการข่มขู่ บังคับ
แต่ดูท่าจะประสบความสำเร็จยาก เพราะคดีนี้ถูกจับจ้องเป็นตาสับปะรด
“ตระกูล วินิจนัยภาค อดีตอัยการสูงสุด โพสต์ข้อความดักคอไว้
“…To whom it may concern (โดยเฉพาะคนที่อยากจะร้องขอความเป็นธรรมไปเรื่อยๆ) ว่า เคยมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๒๗๘/๒๕๒๒ ไว้นานแล้วว่า
“เมื่ออธิบดีกรมอัยการชี้ขาดให้ฟ้องคดีตามความเห็นแย้งของอธิบดีกรมตำรวจแล้ว คำสั่งชี้ขาดให้ฟ้องคดีของอธิบดีกรมอัยการเป็นอันถึงที่สุด พนักงานอัยการต้องฟ้องไปตามนั้น
เมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ให้อำนาจอธิบดีกรมอัยการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาชี้ขาดใหม่ได้ อธิบดีกรมอัยการจึงไม่มีอำนาจที่จะชี้ขาดกลับคำสั่งของตนได้อีก…”
แม้ “อรรถพล ใหญ่สว่าง” อดีตอัยการสูงสุดอีกท่าน ดูเหมือนจะเห็นแย้ง แต่ก็ยังไม่ง่ายสำหรับ “นักโทษชายทักษิณ” อยู่ดี
“…ในคดีนอกราชอาณาจักร คนที่มีอำนาจว่าจะพิจารณาคำร้องขอความเป็นธรรมคืออัยการสูงสุดหรือผู้รักษาการแทนที่จะเป็นคนสั่งคดี แต่การร้องขอความเป็นธรรมก็จะมีขั้นตอนในการกลั่นกรองแล้วแต่ระเบียบในแต่ละเรื่อง และการร้องขอความเป็นธรรมแม้ฟ้องศาลไปแล้วก็ยังสามารถร้องเข้ามาได้
ยกตัวอย่างหากมีการยื่นฟ้องศาลไปแล้วมีพยานหลักฐานที่ได้มาใหม่ ซึ่งต้องยอมรับว่าเมื่อมีการฟ้องคดีสู่ศาลแล้วจะมีการหยุดการสอบสวนทันที แต่หากเกิดมีผู้หวังดีมีพยานหลักฐานที่แน่ชัด ซึ่งผมมองว่าคือพยานหลักฐานที่เป็นนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งพยานบุคคลก็สู้ไม่ได้ ก็สามารถจะร้องขอความเป็นธรรมได้…”
“…เเต่ในคดีนอกราชอาณาจักร อำนาจถอนฟ้องเป็นของอัยการสูงสุดหรือผู้รักษาการแทน ซึ่งที่ผ่านมาอัยการสูงสุดในอดีตก็เคยมีการถอนฟ้อง เช่นพิจารณาแล้วเป็นเรื่องความมั่นคงหรือประโยชน์สาธารณะ…”
เบื้องต้น “นักโทษชายทักษิณ” ร้องขอความเป็นธรรมได้ แต่ระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดระบุว่า ต้องไปแสดงตนต่อพนักงานอัยการในขณะยื่นหนังสือด้วย
ไปหรือเปล่า?
ถ้าไม่ไปถือว่าคำร้องนั้นผิดระเบียบฯ
และหากคดี ม.๑๑๒ ของ “นักโทษชายทักษิณ” ใช้ช่องทางตามที่ “อรรถพล ใหญ่สว่าง” ว่ามา คำให้สัมภาษณ์ของ “นักโทษชายทักษิณ” พยานหลักฐานที่เป็นนิติวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่ต้น แล้วจะหาหลักฐานใหม่ได้อย่างไร
หรือจะอ้างว่ามีการตัดต่อคำพูด
แต่คลิปฉบับเต็มมีการเผยแพร่ต่อสาธารณะไปนานแล้ว และยังคงอยู่ในระบบอินเทอร์เน็ต สามารถหาดูได้เป็นการทั่วไป
ถ้าจะอ้างว่าตัดต่อ คงต้องใช้ทีมทนายเทวดา อาจจะพอมีลุ้น
แต่ช่วงนี้มีข่าวแปลกๆ ในโซเชียล ทางฝั่งที่ยืนตรงข้าม “นักโทษชายทักษิณ” เขาโพสต์และแชร์กันสนั่นหวั่นไหว
โพสต์ของ “หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม” เรื่อง “ถุงขนมภาคสอง” อ่านแล้วเสียวครับ
งานใหญ่จริง!
เนื้อความโดยสรุปคือ..
หญิงสาวคนหนึ่งไปเที่ยวฮ่องกง ช่วงสงกรานต์ มีนัดหมายกับบริษัทกาสิโนที่ฮ่องกง เพื่อให้บริษัทนี้ทำหน้าที่เป็นเจ้าในการชำระเงินให้แก่ขบวนการถุงขนมที่จะเกิดขึ้นในประเทศสารขัณฑ์ โดยสายลับรายงานตัวเลขคร่าวๆ ว่า สูงถึง ๒,๐๐๐ ล้านบาท
เชื่อมโยง อัยการ ศาล ผู้ต้องหา การให้ประกันตัว ในประเทศสารขัณฑ์
ปิดจ๊อบเมื่อไหร่ให้ไปรับเงินที่บริษัทกาสิโนที่ฮ่องกง
ก็ไม่ทราบว่าเกี่ยวกับใคร อย่างไร แต่สถานการณ์ในประเทศไทย วันที่ ๑๘ มิถุนายน มันจะยิ่งกว่าภาวะโลกเดือด!
อีก ๓ คดีที่เหลืออยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ ก็ล้วนชี้ชะตาอนาคตการเมืองไทยทั้งสิ้น
หาก สว.ที่เลือกไปเป็นโมฆะ แผนดัน “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” คงต้องพับไปอีกระยะหนึ่ง
คดียุบพรรคก้าวไกล โอกาสรอดนั้นยาก แต่ก็มีโอกาส
ถ้าไม่รอด สส.งูเห่าจะมากกว่าเมื่อคราวยุบพรรคอนาคตใหม่
คดีนายกฯ เศรษฐา ก้ำกึ่ง ออกหน้าไหนก็ได้
แต่ที่ระบอบทักษิณต้องคิดหนักคือ การเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรม พ่วงคดี ม.๑๑๒ มีเค้าลางว่าจะเกิดพายุใหญ่นอกสภา
เพราะที่เว็บไซต์รัฐสภาเขาเปิดโหวต ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมประชาชน พ.ศ. … พบตัวเลขชวนให้ “นักโทษชายทักษิณ” ขนลุก
ขนาดฝั่งสีส้ม-แดง ระดมผ่านโซเชียลให้ช่วยกันโหวต แต่ผลที่ออกมา เห็นด้วยประมาณ ๓๕% ไม่เห็นด้วย ๖๕%
นี่คือสัญญาณเตือน หาก “นักโทษชายทักษิณ” จะรอได้อานิสงส์จากกฎหมายนิรโทษกรรม อาจเป็นการฝันค้าง
๑๘ มิถุนายน จึงได้ลุ้นระทึก!
ใครจะอยู่ ใครจะไป