สันต์ สะตอแมน
ไม่พูดพล่ามทำเพลง..
อดีตสส.คนงาม คุณเอ๋-ปารีณา ไกรคุปต์ โร่เข้าแจ้งความกับตำรวจ ก่อนโพสต์..”นอนไม่หลับ จริงๆ อยากจะพัก แต่มันทนไม่ไหวจริงๆ ยอมรับเคยชื่นชอบ
แต่การเอาเบื้องสูงมาหากิน คือสารเลว คืนนี้ปารีณามาดำเนินคดีไอ้จมูกโตตามมาตรา 112 ที่ สภ.โพธารามค่ะ ขอให้ศาลสูงพิพากษาจำคุก #ขอให้ศาลเตี้ยลงประชาทัณฑ์”
และที่คุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร แสดงทัศนะ.. “ถ้ามีการแจ้ง ม.112 กับคุณโน้ส อุดม จริง ผมว่ามันไปกันใหญ่แล้ว
และการกระทำในครั้งนี้ เป็นประจักษ์หลักฐานที่ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ม.112 นั้นมีปัญหาจริง
เพราะพฤติกรรมในลักษณะนี้ เข้าข่ายเป็นการใช้ความเห็นต่าง ที่เป็นปกติของทุกสังคมที่มีความแตกต่างหลากหลาย มาโยงใยกับสถาบัน
และใช้สถาบัน เป็นเครื่องมือ ในการตอบโต้เอาคืนคนเห็นต่าง ซึ่งไม่ใช่ใคร ก็เป็นประชาชนคนไทยด้วยกันทั้งนั้น
พฤติกรรมการใช้ ม.112 เป็นเครื่องมือเช่นนี้ ผมยืนยันว่า ไม่เป็นผลดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างสถาบัน และประชาชนเลย
แทนที่สถาบันจะเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนคนไทยในชาติกลับต้องถูกนำมาวางเอาไว้ท่ามกลางความขัดแย้ง
และถูกใช้เป็นเครื่องมือในการทำลายล้างระหว่างคนไทยด้วยกันเอง ถ้าประสงค์ดีต่อสถาบันจะไม่ทำแบบนี้” นั้น
ก็ถูก..แต่ถูกในมุมคิด-มุมมองของคุณวิโรจน์ ซึ่งคนอื่นอาจมองต่างและมีคำถาม..การนำประเด็น “พอเพียง” ที่รู้ทั้งรู้เป็น “ศาสตร์พระราชา”..
ที่คนส่วนใหญ่ได้น้อมนำไปใช้-ไปปฏิบัติได้จริง ไปแซะ-ไปพูดให้ดูตลกขบขันของคุณโน้ส เป็นความเห็นต่างอย่างนั้นหรือ?
คุณวิโรจน์มองม.112 มีปัญหามาโดยตลอด ด้วยเชื่อเอาว่า ทุกคนที่โดนคดีม.112 เป็นผู้ถูกกลั่นแกล้ง จะโดยอคติครอบ หรือจะด้วยไม่ยอมเปิดหู-เปิดตา-เปิดใจก็สุดแท้
ทั้งๆ ที่ ทุกคดีได้ดำเนินการไปตามขั้นตอนกฏหมาย ไม่ใช่ว่าคนที่ถูกแจ้งความแล้วจะต้องติดคุกไปหมดเสียทุกรายเสียที่ไหน?
อย่างคุณโน้ส ผมมองไม่เห็นว่าคุณปารีณาที่อยู่ระหว่างการไว้ทุกข์ที่เพิ่งสูญเสียคุณพ่อไป มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปกลั่นแกล้ง
คุณวิโรจน์รู้จักสุภาษิต “ไม่มีมูลหมาไม่ขี้” นี่ ถ้าคุณโน้สไม่นำเรื่อง “เศรษฐกิจพอเพียง” ไปพูดหน้าเวทีการแสดงให้เป็นเรื่องตลกขบขัน คุณปารีณาก็คงจะนอนหลับ พักผ่อนสบายๆ..
ไม่ต้องอดหลับอดนอน ไม่ต้องเดินไปขึ้นโรงพักให้เสียเวลา!
ที่จริง คุณวิโรจน์ไม่เห็นต้องเดือดร้อนใจ หรือวิตก “มันไปกันใหญ่” เพราะที่คุณปารีณาเข้าไปแจ้งความกับตำรวจ ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งมีความคิดเอาว่า..
คำพูดของคุณโน้สเข้าข่ายความผิดม.112?
ซึ่ง..จะเป็นผลดีหรือผลร้ายต่อความสัมพันธ์ระหว่างสถาบัน และประชาชนหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับทัศนะของแต่ละคน
คุณวิโรจน์มอง.. “ถ้าประสงค์ดีต่อสถาบันจะไม่ทำแบบนี้” แต่คุณปารีณาอาจมอง ที่ทำแบบนี้เพราะไม่ต้องการใครทำเป็นปากดี-ปากเก่ง..
นำเอาศาสตร์พระราชาไปพูด-ไปแซะหรือด้อยค่าให้เป็นที่ตลกโปกฮา ..ตรงนี้ต่างหากที่เป็นความเห็นที่แตกต่าง!
และที่คุณวิโรจน์ว่า.. “ใช้สถาบันเป็นเครื่องมือทำลายล้างระหว่างคนไทยด้วยกัน” นั้น ก็ดูจะเป็นการพูดที่ไกลเกินจริงไปสำหรับกรณีนี้
เพราะคุณปารีณาที่นอนไม่หลับ ก็คงแค่คิดฉับพลันทันด่วนขึ้นมาท่ามกลางความเครียดปนโกรธที่คุณโน้สพูด.. “กูไม่พอเพียง”..
กูต้องไปแจ้งความม.112 กับไอ้จมูกโต!
คุณปารีณาน่าจะไม่ได้คิดวางแผนลึกซึ้ง เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบกับสมองที่นึกขึ้นได้ตอนนั้น ส่วนจะได้ผล หมายถึงตำรวจจะดำเนินการต่อไปหรือไม่อย่างไร..
ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้รักษากฏหมาย ซึ่งก็อย่างที่บอก ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้ามันไม่เข้าข่ายทุกอย่างก็จบ..คุณโน้สก็สามารถพูดหาแดกหน้าเวทีต่อไปได้
และอนาคตใครก็จะได้ไม่ต้องไปแจ้งความ หากจะมีคนพูดในลักษณะอย่างนี้อีก!
นี่..ก็พอจะสรุปได้กระมังว่า ม.112 ไม่ได้มีปัญหา ไม่ได้มีอุปสรรค..
ไม่ต้องแก้ หรือยกเลิก!