ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
จากมือปราบสัมภเวสี..
ถ้าจะมอบ “มือปราบจิ้งเหลือง” ให้ “หมอปลา” หรือนายจีรพันธ์ เพชรขาว อีกฉายา ก็ไม่น่าจะมีใครขัดหรือประท้วง?
ด้วยหลายผลงานที่ผ่านตา พอจะเห็นได้ว่า “หมอปลา” นี่แหละ จะเป็นที่พึ่งให้ชาวพุทธได้พออุ่นใจในระดับหนึ่ง แม้ลำพังเขาคนเดียวจะไม่อาจควบคุม-ดูแลวัตรปฏิบัติของพระสงฆ์องคเจ้าได้ทุกวัด
แต่อย่างน้อยก็ทำให้พวกที่อาศัยผ้าเหลืองเกาะกินอยู่ตามวัด ได้เกิดความรู้สึกระแวง เกรงกลัวขึ้นมาบ้าง ไม่รู้ว่าวันไหนหมอปลาจะบุกมาเยือนถึงกุฏิ!
อย่างวันสองวันมานี้ ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ผมเห็นจะต้องขอปรบมือให้กับหมอปลา ที่ได้นำคณะสื่อ-ตำรวจและชาวบ้านบุกเข้าไปกระชากหน้ากาก “จิ้งเหลือง” ให้พุทธศาสนิกชนได้ประจักษ์
ว่า “เจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรก” ต.บางหญ้าแพรก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ที่กราบไหว้-ใส่บาตรกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั้น
แท้จริง..มันคือไอ้แก่ตัณหาที่อาศัยผ้าเหลืองคลุมกาย โดยมีวัตรปฏิบัติ..แดกข้าวฟรี ซดเหล้า แล้วก็ล่อหญิงบาป-ใจชั่วในกุฏิเป็นนิสัย!
ซึ่งถ้าไม่ได้หมอปลาไปปราบ-กระชากหน้ากากออกมา ก็ไม่รู้ว่าชาวบ้านต.บางหญ้าแพรกจะต้องคอยอุ้มชูดูแลข้าวปลาอาหารให้ “มารศาสนา” ตัวนี้ไปอีกนานแค่ไหน?
ก็..ขอบใจนะ “มือปราบจิ้งเหลือง”!
เออ..แล้วนี่จะขอบใจใครดีล่ะ? เอาเป็นว่าเรื่อง sexual assault ภายใน “พรรคโดมปฏิวัติ” มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่หลุดออกมานอกกำแพงในเวลานี้
ใครจะมอง-วิจารณ์อย่างไรก็ว่ากันไป สำหรับผม..นี่คือการ “ปฏิวัติ” ที่ตัว (อดีต) หัวหน้าพรรค ได้แสดงให้เห็นสอดรับกับชื่อพรรคอย่างสง่าผ่าเผย
ส่วนจะเอา-ไม่เอาเป็นแบบอย่าง นั่นขึ้นอยู่กับรสนิยมของลูกพรรคและสมาชิก ซึ่งการปฏิวัติที่ผมพูดถึงนี้ ก็จากข่าวที่ผู้จัดการออนไลน์รายงาน..
“ในโลกทวิตเตอร์ได้มีผู้ใช้รายหนึ่งเปิดประเด็นด้วยแฮชแท็ก #แฉนิวมธ ซึ่งกล่าวถึงพฤติกรรมของหัวหน้าพรรคโดมปฏิวัติ มีพฤติกรรมทางเพศในลักษณะใช้เล่ห์เหลี่ยม
ร้องขอให้อีกฝ่ายมีเพศสัมพันธ์แบบไม่สวมถุงยางอนามัย อ้างว่าไม่มีไซซ์ถุงยาง แพ้ถุงยาง โน้มน้าวกดดันต่างๆ โดยที่อีกฝ่ายไม่ยินยอม หลังเสร็จกิจปล่อยให้อีกฝ่ายต้องเครียดอยู่คนเดียว..”
เห็นมั้ย..หัวหน้าพรรค “เอาโดยไม่สวมถุงยาง” ผมมองเป็นการ “ปฏิวัติ” ตามความหมาย “หมุนกลับ” หรือ “เปลี่ยนแปลงทั้งหมดโดยฉับพลันทันที”เป๊ะ!
เพราะปัจจุบัน เหมือนจะเป็นประเพณีปฏิบัติ ผู้ชายร้อยทั้งร้อย ถ้าจะมีเพศสัมพันธ์กับหญิงอื่นที่ไม่ใช่แฟนหรือภรรยาของตัวเอง ก็จะต้องสวมถุงยางอนามัย
นอกจากเพื่อความปลอดภัยจากโรคร้ายทั้งตัวเองและผู้หญิงแล้ว ยังจะได้ไม่ต้องเป็นพ่อเด็กโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งเท่าที่ถามที่ฟังจากบรรดาเพื่อนพ้อง น้อยคนนักที่จะกล้า..
“ขี่ม้าไม่ใส่อาน” เหมือนอย่าง (อดีต) หัวหน้าพรรคโดมปฏิวัติ!
อย่างไรก็ตาม การปฏิวัตินี้ก็ถือเป็น “จุดจบ” ของอดีตหัวหน้าพรรค ที่ก็ไม่รู้ว่าจะถูกลงโทษทัณฑ์อย่างไรตามมา
แต่ที่รุ้ง ปนัสยาว่า.. “นอกจากกระบวนการลงโทษ พวกเรายังเชื่อในกระบวนการขัดเกลาทางสังคม ด้วยการเข้ารับการอบรมเรื่องสิทธิเหนือร่างกาย และความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ”..
อยากฝากรุ้ง ช่วยบอกหัวหน้าพรรคการเมืองคนนั้น..
ไปอบรมก่อนเป็นนายกฯ ด้วยนะ!