ฝีมือผู้มาก่อนกาล?-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

น้่ำตาจะเล็ด…

ดีใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะวานนี้ (๑๙ ธันวาคม) พรรคก้าวไกลออกมากะซวกนักโทษชายทักษิณ ให้เห็นอย่างเป็นทางการแล้ว

หันรีหันขวางมานาน “ชัยธวัช ตุลาธน” หัวหน้าพรรคก้าวไกล พูดเป็นการเป็นงาน สมศักดิ์ศรีผู้นำฝ่ายค้านก็คราวนี้แหละครับ

“…ประเด็นที่สังคมจับตาว่าเรามีปัญหาเรื่องกระบวนการยุติธรรมแบบ ๒ มาตรฐานมาโดยตลอด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองด้วย เราจึงคาดหวังว่าเป็นสิ่งที่จะไม่เกิดขึ้นอีก แต่เราปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้มีการตั้งคำถามเยอะ โดยเฉพาะกรณีคุณทักษิณ ซึ่งยังไม่ต้องพูดถึงระเบียบราชทัณฑ์ในการควบคุมตัวนอกเรือนจำ

ขณะนี้คุณทักษิณอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจจะครบ ๑๒๐ วันแล้ว มันก็เกิดคำถามว่าทำไมคุณทักษิณถึงได้รับการปฏิบัติที่ดูเหมือนมีอภิสิทธิ์เหนือกว่าผู้ต้องขังคนอื่น

เราเห็นด้วยว่าหากผู้ต้องขังมีปัญหาเรื่องสุขภาพ จำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาล โดยที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์มีศักยภาพไม่เพียงพอ เราเห็นด้วยว่าผู้ถูกคุมขังควรได้รับสิทธิ์ออกไปรักษาข้างนอกได้

แต่ที่ผ่านมามีผู้ต้องขังน้อยมากที่ได้รับสิทธิ์นี้ ผู้ต้องขังหลายคนมีปัญหาสุขภาพรุนแรง แต่ก็ไม่ได้รับสิทธิ์นี้ คนที่ได้รับสิทธิ์นี้ส่วนใหญ่เป็นผู้มีอิทธิพลทางการเมือง มีฐานะ แต่คนธรรมดาไม่เคยได้รับสิทธิ์นี้เลย จึงเกิดคำถามว่าทำไม คุณทักษิณได้รับสิทธิ์นี้เพียงคนเดียว รักษามา ๑๒๐ วันแล้ว ทำไมถึงได้รับสิทธิ์นี้อยู่ เรื่องนี้รัฐบาลไม่ควรปล่อยไว้ ควรตอบสังคมให้ชัดเจน

และเรื่องนี้ทำให้เกิดการตั้งคำถามกับระเบียบราชทัณฑ์ที่ออกมาใหม่ เพราะปรากฏการณ์นี้ทำให้คนจำนวนหนึ่งสงสัยว่า ระเบียบที่ออกมาใหม่จะเอื้อให้กับคุณทักษิณแบบ ๒ มาตรฐานอีกหรือไม่…”

แม้ “ชัยธวัช” มาช้า แต่ก็ยังดีกว่าไม่มา

เพราะประเด็นนี้ หลายฝ่าย ยกเว้นฝ่ายพรรคก้าวไกล พูดกันจนพรุนไปหมดแล้วก็ตาม แต่ก็ถือเป็นย่างก้าวที่สำคัญสำหรับพรรคก้าวไกล ว่าจะเดินพ้นเงาสายสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่าง “ทักษิณ-ธนาธร” หรือไม่

ฉะนั้น “ชัยธวัช” ต้องมีดอกที่สองตามมาหลังจากนี้

หากพูดแล้วก็จบกัน “ชัยธวัช” ก็แค่นักการเมืองดาดๆ ไม่สมราคาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร

การยิงคำถามเรื่องยุติธรรม ๒ มาตรฐาน ต้องมีความชัดเจนพอควรครับ โดยเฉพาะแนวทางในการแก้ปัญหาในฐานะ สส.และพรรคการเมืองที่มี สส.ในสังกัดมากที่สุด จะทำไงต่อ

เมื่อเห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า นักโทษชายทักษิณมีอภิสิทธิ์เหนือนักโทษทั้งปวง พรรคก้าวไกลจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างไร

มีแค่คำตอบห้วนๆ จาก “ชัยธวัช” ว่า “ฝ่ายค้านจะต้องตรวจสอบแน่นอน ผมคิดว่าฝ่ายบริหารควรตอบสังคมให้ได้ในเรื่องนี้ อย่าเงียบและคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก”

สรุปว่ายังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากเรียกร้องให้รัฐบาลเป็นคนชี้แจง

มีคนพูดแบบนี้มาตั้งแต่วันแรกที่นักโทษชายทักษิณไปนอนห้องวีไอพีชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจแล้วครับ และบางคนทำไปไกลกว่าพรรคก้าวไกลหลายช่วงตัวแล้ว

ดู “ศรีสุวรรณ จรรยา” เป็นตัวอย่าง

“พี่ศรี” นี่ อย่าไปบูลลี่แกว่าเป็นนักร้องเสียงทองเชียวนะครับ เพราะแกเป็นเช่นนั้นจริง พรรคอนาคตใหม่ ใครล่ะครับที่ไปร้องเอาผิดจนถูกยุบ

วันนี้ “ศรีสุวรรณ” ทำหน้าที่ของตัวเองอีกครั้ง โดยไม่ต้องมีเสียง สส.เป็นร้อย คอยให้การสนับสนุนแต่ประการใด

วันเดียวกันนี้เอง “พี่ศรี” ไปยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครอง

ฟ้องอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการ​เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ผู้อำนวยการ​โรงพยาบาล​ราชทัณฑ์ และนายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ ฐานใช้อำนาจโดยมิชอบ และละเลยต่อหน้าที่ กรณีร่วมกันเอื้อประโยชน์ให้ น.ช.ทักษิณ​ได้สิทธิพิเศษไปนอนในห้องหรู รพ.ตำรวจ

เพียงแต่คำร้องของ “พี่ศรี” อาจหลวมไปหน่อย

ไม่ว่าจะเป็นการออกระเบียบให้ผู้ต้องขังออกไปคุมขังที่บ้านได้ ทั้งๆ ที่กฎกระทรวงไม่เคยกำหนดให้สามารถออกไปคุมขังที่บ้านได้ ถือเป็นการใช้อำนาจเกินไปกว่าที่กฎหมายกำหนด

เอาเข้าจริงกลายเป็นกฎหมายสากลไปแล้ว การย้ายผู้ต้องขังออกไปควบคุมที่บ้านแทน มีใช้อยู่ในหลายประเทศ แต่เป็นการย้ายบนเงื่อนไขที่เข้มงวด

คดีคอร์รัปชัน ฆ่าคนตาย อาญาร้ายแรงทั้งหลาย ไม่น่าจะมี

แต่ในประเทศไทยอาจได้เห็นนักโทษคดีโกงได้กลับไปนอนตีพุงแอร์เย็นฉ่ำที่บ้านก่อนกำหนด

การอ้างถึง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ๒๕๖๐ มาตรา ๕๕ ที่ “พี่ศรี” บอกว่า ให้ผู้ต้องขังที่ป่วยไปรักษาตัวนอกเรือนจำได้นั้นจะต้องมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต หรือเป็นโรคติดต่อเท่านั้น ไม่ถูกต้องนัก

เพราะ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ๒๕๖๐ มาตรานี้บัญญัติว่า

“ในกรณีที่ผู้ต้องขังป่วย มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต หรือเป็นโรคติดต่อ ให้ผู้บัญชาการเรือนจําดําเนินการให้ผู้ต้องขังได้รับการตรวจจากแพทย์โดยเร็ว

หากผู้ต้องขังนั้นต้องได้รับการบําบัดรักษาเฉพาะด้าน หรือถ้าคงรักษาพยาบาลอยู่ในเรือนจําจะไม่ทุเลาดีขึ้น ให้ส่งตัวผู้ต้องขังดังกล่าวไปยังสถานบําบัดรักษาสําหรับโรคชนิดนั้นโดยเฉพาะ โรงพยาบาลหรือสถานบําบัดรักษาทางสุขภาพจิต นอกเรือนจําต่อไป”

ต้องแบ่งวรรคตอนให้ถูก ผู้ต้องขังป่วย ท่อนหนึ่ง มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต อีกท่อนหนึ่ง หรือเป็นโรคติดต่อ ก็อีกท่อนหนึ่ง

ฉะนั้นผู้ต้องขังป่วยก็สารพัดโรค

หากตีความอย่าง “พี่ศรี” นักโทษป่วยเบาหวาน ความดัน มะเร็ง โรคหัวใจ ที่เกินขีดความสามารถของสถานพยาบาลกรมราชทัณฑ์ มีหวังตายเรียบ!

แต่ถือว่า “พี่ศรี” มาถูกทางแล้ว

การที่ “น.ช.ทักษิณ” นอนรักษาตัวนอกเรือนจำในโรงพยาบาลตำรวจจนจะครบ ๑๒๐ วันแล้ว เป็นประเด็นสำคัญมากทีเดียว

ตราบใดที่ยังไม่มีระเบียบกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้กักขังนักโทษคดีโกงแทนคุกออกมา ก็ยังเป็นประเด็นที่ต้องพูดถึงกันอยู่

กฎกระทรวง การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.๒๕๖๓ ข้อ ๗ กรณีผู้ต้องขังต้องพักรักษาตัวที่สถานที่รักษาผู้ต้องขังเป็นเวลานาน ให้ผู้บัญชาการเรือนจำดำเนินการ ดังต่อไปนี้

(๑) พักรักษาตัวเกินกว่าสามสิบวัน ให้มีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดี พร้อมกับ ความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง

(๒) พักรักษาตัวเกินกว่าหกสิบวัน ให้มีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดี พร้อมกับ ความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง และรายงานให้ปลัดกระทรวงทราบ

(๓) พักรักษาตัวเกินกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบวัน ให้มีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดี พร้อมกับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง และรายงานให้รัฐมนตรีทราบ

ข้อ ๓ กฎกระทรวงเขียนว่า “พักรักษาตัวเกินกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบวัน” ก็หมายความว่า น.ช.ทักษิณสามารถนอนห้องวีไอพี ชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจเกิน ๑๒๐ วันได้ครับ แต่ต้องรายงานให้รัฐมนตรียุติธรรมทราบ

มองย้อนกลับไปปี ๒๕๖๓ การออกกฎกระทรวงนี้บังเอิญทำให้ “น.ช.ทักษิณ” ได้ประโยชน์ หรือเป็นฝีมือของผู้มาก่อนกาลกันแน่

เตรียมการเอาไว้ตั้งแต่ปี ๒๕๖๓ กันเลยหรือ

ทั่นสมศักดิ์ เทพสุทิน ช่วยเฉลยที

อยากรู้จริงๆ

0 replies on “ฝีมือผู้มาก่อนกาล?-ผักกาดหอม”