9 มิ.ย. 64 เวลา 19.00 น. ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงในประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 3 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณา พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ว่า
รัฐบาลมีแผนการกระจายวัคซีนและเร่งติดต่อจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม 150 ล้านโดส จากเดิมตั้งเป้าจัดหาวัคซีนในระยะแรก 65 ล้านโดส ขอให้ความมั่นใจว่า วัคซีนทุกชนิดจะต้องได้รับมาตรฐาน โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในการตรวจสอบคุณภาพ ขึ้นทะเบียน เพื่อความปลอดภัยของประชาชน พร้อมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถจัดซื้อจัดหาวัคซีนเองได้ เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและสำนักงานสาธารณสุขประจำจังหวัดเป็นผู้จัดสรรการฉีดวัคซีนแก่กลุ่มเสี่ยงตามที่ ศบค. กำหนด ซึ่งคาดว่า จะมีการจัดส่งวัคซีนเพิ่มเติมจาก Sinovac AstraZeneca Pfizer Johnson & Johnson Biontech Moderna Sputnik V ในไตรมาสที่ 3 นี้
นายกรัฐมนตรียังเผยว่า วานนี้มีการฉีดวัคซีนในประเทศไทยแล้วกว่า 400,000 โดส จากจำนวนวัคซีนที่มีอยู่ 500,000 โดส ซึ่งจำเป็นต้องมีการปรับแผนการกระจายวัคซีนทุกวัน ที่สำคัญ คือ ทุกจังหวัดจะต้องได้รับการกระจายวัคซีนตามสัดส่วนของประชากร หากพื้นที่ใดเป็นพื้นที่สีแดง มีคลัสเตอร์การแพร่ระบาดจำนวนมาก ก็จะได้รับการจัดสรรวัคซีนเพิ่มมากขึ้น
รวมถึงจังหวัดภูเก็ตที่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวจะต้องได้รับการจัดสรรวัคซีนเพิ่มเติม เพื่อรองรับการเปิดจังหวัดรับนักท่องเที่ยวภายในเดือนกรกฎาคม โดยมีเป้าหมายให้ประชากรในภูเก็ตได้รับการฉีดวัคซีนกว่าร้อยละ 60 – 70 ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคาดว่า ในระยะแรกจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามากว่าแสนคน รวมทั้งได้จัดเตรียมแผนการคัดกรองและ Passport Visa ไว้แล้ว