เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2566 เวลา 17.00 น. ที่อาคารอเนกประสงค์องค์การบริหารส่วนตำบลหนองรี อ.เมือง จ.ชลบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้นำทีมผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี พรรค รทสช. ทั้ง 10 เขต รวมถึง ‘น้องแยม’ นางสาวณภัสนันท์ อรินทคุณวงษ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 พรรค รทสช.เบอร์ 9 ขึ้นเวทีปราศรัยด้วยเพื่อกล่าวถึงนโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติที่ทำเพื่อพี่น้องประชาชน
ซึ่งมีการถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจของ สุชาติ ชมกลิ่น ด้วย โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีแฟนคลับของนายสุชาติและแฟนคลับของพรรคชาวชลบุรีคอยส่งดอกไม้ให้กำลังใจพร้อมรับฟังการปราศรัยเกือบ 3,000 คน เต็มพื้นที่อาคารอเนกประสงค์องค์การบริหารส่วนตำบลหนองรี
โดยในช่วงแรก นายสุชาติ ได้กล่าวถึงผลงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่สามารถนำพาประเทศให้รอดพ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มาได้ ซึ่งในช่วงปี 2563 ตนได้ลงพื้นที่ชลบุรีเพื่อร่วมฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโควิด พร้อมมอบสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคร่วมกับเจ้าหน้าที่ด้วยความห่วงใยในความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน
และในช่วงโควิดตนได้ร่วมแก้ไขสถานการณ์กับรัฐบาลลุงตู่ ไม่มีกระทรวงแรงงานใดในโลกนี้ที่นำวัคซีนมาตรา 33 เข้าไปฉีดให้กับพี่น้องผู้ใช้แรงงานในสถานประกอบการเพื่อประคับประคองให้ธุรกิจสามารถรักษาการจ้างงานต่อไปได้ จนทำให้องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้มาพบตนที่กระทรวงแรงงาน
ซึ่งได้ขอบคุณและชื่นชมที่กระทรวงแรงงานเป็นกระทรวงเดียวในโลกที่ลงมาแก้ไขปัญหาโควิดในโรงงาน ที่ได้ทำโครงการแฟคทอรี่แซนบ็อก ตนได้ให้สำนักงานประกันสังคมเจรจากับโรงพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคม จำนวน 245 แห่ง เพื่อนำฉีดวัคซีนโควิดจากกระทรวงสาธารณสุขไปฉีดให้พี่น้องผู้ใช้แรงงานในสถานประกอบการเพื่อไม่ต้องปิดโรงงาน
นอกจากนี้ ยังได้ลดเงินสมทบให้แก่ผู้ประกันตนเพื่อรักษาการจ้างงาน 12 ล้านคน รักษาธุรกิจให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ จ่ายเงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 40 เฉพาะที่จังหวัดชลบุรี กว่า 7 แสนคน คนละ 10,000 บาท คิดเป็นเม็ดเงินกว่า 7,000 ล้านบาท รัฐบาลให้เงิน SME หัวละ 3,000 บาท สามารถรักษาการจ้างงานไว้ 5.5 ล้านคน
“กรณีการเปิดประเทศฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียในรอบ 32 ปี ซึ่งไม่มีรัฐบาลใดทำสำเร็จมีเพียงในยุครัฐบาลที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ซึ่งได้ไปเปิดประเทศเพื่อส่งออกแรงงานไปทำงานในซาอุ และในส่วนการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้น โดยส่วนตัวซึ่งอยู่ในฝ่ายบริหารมองว่า ยังยึดมั่นในระบบไตรภาคี เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมของเศรษฐกิจภูมิภาค จีดีพีรายได้ต่อหัวแต่ละจังหวัดด้วย” นายสุชาติ กล่าว
นายสุชาติ ยังกล่าวถึงสิ่งที่พรรค รทสช.จะทำเพื่อพี่น้องผู้ใช้แรงงานและพี่น้องประชาชนเมื่อกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง อาทิเช่น บัตรสวัสดิการพลัส บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า บัตรลุงตู่ จากเดิมที่เคยให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยวงเงิน 300 – 400 บาท จะเพิ่มเป็น 1,000 บาทต่อเดือน การผลักดัน พ.ร.บ.ประกันสังคม 3 ขอ ให้แล้วเสร็จ เพื่อให้สามารถคืนเงินชราภาพผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 จำนวน 30 เปอร์เซ็นต์
ซึ่งเงินในส่วนนี้ไม่ใช่เงินของรัฐบาล แต่เป็นเงินของกองทุนประกันสังคม ให้ผู้ประกันตนได้นำไปใช้ก่อนได้ เพิ่มเงินชราภาพ อายุ 55 ปี เป็น 10,000 บาท รวมทั้งปรับเพิ่มเงินเลี้ยงดูแลบุตร จากเด็กแรกเกิดจนถึง 6 ขวบ จากเดิม 800 ปรับเป็น 1,000 บาท ผู้ประกันตนมีประมาณ 12 ล้านคน ตนจะเสนอให้มีโรงพยาบาลประกันสังคมเพื่อรักษาดูแลผู้ประกันตนยามเจ็บป่วย เป็นความภาคภูมิใจของผู้ใช้แรงงาน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นนโยบายที่สร้างรากฐานความมั่นคงให้กับพี่น้องผู้ใช้แรงงาน
“ตนและทีมเฮ้งพึ่งได้ยืนยันพร้อมเป็น ส.ส.ของชาวชลบุรีทั้งจังหวัด การเมืองของชาวชลบุรีเป็นการเมืองที่เสียสละของคนที่ต้องการเสียสละมาช่วยพี่น้องประชาชน การเป็นนักการเมืองต้องเอาตำแหน่งมาช่วยเหลือประชาชน คนที่เป็นนักการเมือง เวลาส่วนตัว เวลาครอบครัวหายไป สิ่งที่สำคัญที่สุดทุกสิ่งทุกอย่างกลับมา คือ หัวใจมีแต่ประชาชน ใครจะมาเป็นนักการเมืองต้องยอมเสียสละส่วนตัวทั้งหมด การเป็นนักการเมืองไม่ใช่เป็นเพื่อโก้หรู เป็นเพื่อเอาตำแหน่งไปข่มเหงรังแกประชาชน นักการเมือง คือ ผู้รับใช้ประชาชน” นายสุชาติ กล่าวท้ายสุด