ผักกาดหอม
ลมหนาวช่างเข้ากับปลายปีดีเหลือเกิน
ไม่ใช่อะไรครับ ความขี้เกียจมาเยือน
ช่วงปลายตุลา พฤศจิกา ธันวา ยันต้นมกรา มีความเนือยปรากฏให้เห็นเป็นการทั่วไป เป็นอย่างนี้แทบทุกปี
ยกเว้นบางปี เช่น ในปี ๒๕๕๔ ที่ช่วงเวลาเดียวกันนี้น้ำยังท่วมภาคกลาง กทม.และปริมณฑล เป็นบริเวณกว้างอยู่
รวมทั้งช่วง ๒-๓ ปีมานี้ เพราะโควิดระบาด ไปไหนมาไหนก็ยากลำบาก
ไม่อย่างนั้น จองตั๋วจองที่พัก เตรียมเที่ยวกันแล้วครับ
และปีนี้กลับสู่ภาวะปกติเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มแล้ว
ก็หมายความว่า เครื่องยนต์เศรษฐกิจเริ่มจะหมุนติ้วๆ แล้ว นักท่องเที่ยวกลับเข้ามาเกือบปีเต็ม
ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เริ่มมาตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔
ถัดจากนั้น ๑ ตุลาคม เปิดประเทศ เป็นไปตามแผนเพราะขณะนั้นประชาชนฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า ๗๐ ล้านโดส
แต่ก็มีเสียงด่าไล่หลังกันขรมทีเดียว
วัคซีนห่วย ฉีดน้ำเกลือ
รัฐบาลจะพาคนไปตาย โควิดยังไม่หายจะนำเข้าโควิด ให้คนไทยติดเพิ่มขึ้นอีก
รัฐบาลฆาตกร ไม่มีความเป็นคนเหลืออยู่แล้ว
ที่จริงอยากให้แต่ละคนลองย้อนกลับไปดูข้อความที่เคยเขียนไว้ในโซเชียล ไม่ว่าชมหรือด่า แล้วเปรียบเทียบกับปัจจุบัน สิ่งที่คิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง แตกต่างหรือเหมือนกันมากน้อยแค่ไหน
มีคนเกลียดรัฐบาลถึงกับยอมจ่ายเงินฉีดวัคซีนเอง ทั้งที่วัคซีนโควิดเป็นวัคซีนฉุกเฉิน ทั่วโลกดีลโดยรัฐบาลเท่านั้น เพราะมีเรื่องความรับผิดชอบตามกฎหมายจากความเสี่ยงในการใช้วัคซีนอยู่
โรงพยาบาลบางแห่ง หมอบางคน ตีมึนให้ความหวังคนอยากจ่ายตังค์ฉีดเอง ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าบริษัทผลิตวัคซีนไม่มีทางขายให้เอกชนโดยตรง
พอพลาดหวัง ก็หันไปด่ารัฐบาล
มาถึงวันนี้เป็นไงครับ ฉีดของฟรีไป ๓-๔ เข็ม เซฟเงินในกระเป๋ากันไปกี่บาท
๑ ปีเต็มกับการเปิดประเทศ เศรษฐกิจกระเตื้องอย่างที่เห็น
ผู้คนกลับมาทำงาน การท่องเที่ยวเริ่มกลับเข้าที่เข้าทาง ต่างชาติยังคงแห่มาไทย เพราะเป็นเป้าหมายหลักของเขา
นี่เพราะเราปรับตัวเป็นประเทศแรกๆ ของโลก
หากรัฐบาลกลัวเสียงด่า ไม่กล้าเปิดประเทศช่วงปลายปีที่แล้ว และเพิ่งจะมาเปิดช่วงนี้ เรายังไปกันไม่ถึงไหนครับ
อย่าลืมนะครับ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ คือต้นแบบที่หลายประเทศลอกการบ้านไป
ฉะนั้นถ้าจะเอาแต่ร้องครวญครางโหยหวนว่ารัฐบาลไม่มีผลงาน ไร้ค่า เมื่อไหร่จะไปเสียที ลองมองย้อนกลับไปปีสองปีที่แล้ว และลองเปรียบเทียบดูว่า สิ่งที่เคยด่า กับสิ่งที่เป็น ต่างกันแค่ไหน
เราได้การใช้ชีวิตปกติกลับคืนมาแล้วครับ แม้จะไม่เต็มร้อย เพราะบางสถานที่ยังต้องสวมหน้ากากอนามัยอยู่
ถึงค่าปรับกรณีไม่สวมหน้าการอนามัยจะยกเลิกไปแล้ว แต่พื้นที่ปิดอย่างไรเสียก็ยังมีคำแนะนำให้สวมหน้ากากอยู่
จากนี้ไปสถานการณ์เศรษฐกิจจะดีขึ้นครับ แม้ปีหน้าจะยังต้องเผชิญกับวิกฤตเงินเฟ้อที่มีปัญหาไปทั่วโลกอยู่
รัฐบาลหน้าจะได้อานิสงส์ไปมากทีเดียว เพราะเข้ามาในช่วงขาขึ้น
ก็คล้ายๆ กับยุคที่ “ทักษิณ” เข้ามาช่วงขาขึ้นจากวิกฤตต้มยำกุ้ง ที่รัฐบาลชวนเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวไว้ให้จนเกือบสะอาดหมดจดแล้ว
รัฐบาลถัดไปหลังจากนี้ต้องขอบคุณรัฐบาลประยุทธ์ครับ เพราะ ๘ ปีที่ผ่านมา วางรากฐานไว้ให้มากพอควร
คล้ายๆ กับยุค “ป๋าเปรม” วางรากฐานไว้ให้รัฐบาลชาติชาย นั่นก็คือ โครงการ อีสเทิร์นซีบอร์ด ที่ลูกหลานไทยได้เก็บกินจนถึงทุกวันนี้
รัฐบาลประยุทธ์ ทำอะไรไว้บ้าง
วานนี้ (๒๑ ตุลาคม) เห็นนักการเมืองรัฐบาลกับฝ่ายค้านเขาเถียงกันเรื่องผลงาน เรื่องมรดกบาป
รองโฆษกอ้น “ทิพานัน ศิริชนะ” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เอามากางให้เห็นว่า สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์สร้างไว้ มีแต่ “มรดกแห่งความเจริญรุ่งเรือง”
มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
โครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์
โครงการรถไฟฟ้าหลายสายที่กำลังทยอยเปิดใช้บริการ
โครงการรถไฟความเร็วสูง-ทางคู่
การยกระดับคมนาคมทางถนน-ทางราง
ยกระดับสนามบินภูมิภาค
ปรับปรุงคมนาคมทางน้ำ จนเกิดเป็นศูนย์กลางการเชื่อมการเดินทางแบบไร้รอยต่อของภูมิภาค
การขยายการลงทุนเดินหน้าเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
ยกระดับสวัสดิการสังคมด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
แก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายอย่างยั่งยืนทำให้สหภาพยุโรปปลดล็อกใบเหลือง IUU ประมงไทย แก้ปัญหาการค้ามนุษย์
จัดระเบียบแรงงานต่างด้าว
ปรับภูมิทัศน์ริมคลองเน่าหลายสายและสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อสร้างความมั่นคงและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน
ในเวทีระดับนานาชาติ ประเทศไทยยังได้รับการยอมรับติดอันดับโลกในหลายด้านหลากมิติ
ดัชนีการพัฒนามนุษย์ (Human Development Index-HDI) ของประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี ๒๕๕๖ จนถึงปัจจุบัน
การกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย ที่จะนำไปสู่ความร่วมมือหลายด้าน เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ และเพิ่มรายได้
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของตัวอย่างมรดกความเจริญที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลงมือทำไว้
ท่ามกลางวิกฤตซ้อนวิกฤตที่ต้องเผชิญกับปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ สงครามการค้าและผลกระทบด้านราคาพลังงานจากความขัดแย้งในยูเครนที่ส่งผลต่อค่าครองชีพประชาชน
ทำให้ที่ผ่านมารัฐบาลจำเป็นต้องกู้เงินมาให้การช่วยเหลือเยียวยาประชาชนและพยุงเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องผ่านโครงการต่างๆ เช่น
เราชนะ
คนละครึ่ง
ม.๓๓
เรารักกัน
เที่ยวด้วยกัน
เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตไปด้วยกันและยังสร้างโอกาสจากมาตรการต่างๆ ที่ทำให้รัฐบาลก้าวสู่รัฐบาลดิจิทัลตามนโยบายไทยแลนด์ ๔.๐ พัฒนาระบบพร้อมเพย์และอีเพย์เมนต์อย่างรวดเร็ว
รวมทั้งทำให้เกิดความสำเร็จจากการใช้แอป “เป๋าตัง” ขายสลากดิจิทัลที่นำมาแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา ๘๐ บาทได้ด้วย
ถามว่าเยอะไหมเป็นรัฐบาล ๘ ปีได้เท่านี้
คำตอบหลักๆ ให้ไปดูที่ EEC กับโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ
ประเทศที่พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแบบพลิกโฉม คือประเทศที่ถือแต้มต่อในการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน
๘ ปีที่ผ่านมาถือว่าไทยพลิกโฉมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
ทั้งคนที่ด่าและชมรัฐบาลประยุทธ์จะได้เก็บกินไปด้วยกันหลังจากนี้