“น้ำหมึก-ผลึกคน” – เปลว สีเงิน

www.plewseengern.com

เปลว สีเงิน

มองย้อนไป ๒๖ ปีที่แล้ว
๒๑ ตุลา.๓๙
ตอนนั้น “ไทยโพสต์” อาศัยอยู่อาคาร “สรชัย” เอกมัย ที่ก่อสร้างเสร็จเป็นบางส่วน “คุณสรดิษ วิญญรัตน์” ท่านเมตตา ให้ซุกอยู่ช่วงทำคลอด
“ฉบับแรก” คลอดที่โรงพิมพ์ “สยามกีฬา” เลยปากซอยสถานทูตจีนเข้าไปซักหน่อย คลอดตอน ๖ โมงเย็นกว่าๆ
ต้องบอกว่า หน้าตา “น่าเกลียด-น่าชัง”!

ผมยังเก็บไว้ ๓-๔ ฉบับ แต่ตอนนี้ เหลือง กรอบ พอจับก็ร่วงกราว เป็น “ผงอิทธิเจ”
ซักปีครึ่ง ผ่านไป ไทยโพสต์ พอคลานได้
“คุณระวิ โหลทอง” พี่ชายร่วมสายหมึกที่ต้องบันทึกจำจนตาย ทำสยามกีฬาร่ำรวยแล้ว ก็ขยับขยายจากห้องแถว ย่านคลองเตย
ไปสร้างโรงพิมพ์ใหม่ใหญ่โตโอฬาร ย่านนวลจันทร์

สำนักงานเดิมที่คลองเตย ก็ปล่อยทิ้งให้สุนัขขี้ ตามประสารวยแล้วสร้างใหม่

ผม “คนอยากรวยบ้าง” ก็เลยบอกว่า..พี่..พี่ เปลี่ยนจากให้สุนัขขี้ ให้ผมเข้าไปใช้ทำ “สำนักงาน” แทนก็แล้วกัน!
ราว กรกฏา.๔๑ ถ้าจำไม่ผิด

ก็หอบหิ้วกันจากอาคารสรชัย มาอยู่ห้องแถวสุดซอย ย่านคลองเตย ของคุณระวิ จนถึงทุกวันนี้

นึกว่าจะได้เชื้อรวยจากคุณระวิบ้าง….
ที่ไหนได้ กลับได้เชื้อ “ต้มยำกุ้ง” จากพ่อใหญ่จิ๋ว ก็ทู่ซี้อยู่นาน ขนาด “ท่านผู้อ่าน” ช่วยกันลงขัน คนละ ๓,๖๐๐ เพื่อซื้อกระดาษ สุดท้าย…ก็ไม่รอด

“ไทยโพสต์” น่ะ ยังไงก็รอด
แต่ผม…ที่เป็นเถ้าแก่ พะงาบๆ!

ต้อง “เซ็งลี้” กิจการ เชิง “ขอทาน” ให้ผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ช่วยรับเป็น “พ่อบุญธรรม” ค้ำชูไทยโพสต์ต่อ

อ้อนเขา ว่า…
“ผมอยากล้างตา ช่วยเป็นโปรโมเตอร์ให้อีกซักยกเถอะ ถ้าไม่รอด ขอแขวนนวม”

แล้วไปบอกเพื่อนเก่า “คุณกำพล ตันเลิศ” ซึ่งมีโรงพิมพ์อยู่แถวสุขุมวิท ว่าช่วยรับพิมพ์ให้ ลูกนก-ลูกกา ด้วยได้มั้ย? เพื่อนก็ดีใจหาย รับพิมพ์ต่อลมหายใจให้ จนถึงทุกวันนี้

จะว่าไป “นะหน้าด้าน” ของผมขมังอยู่เหมือนกัน
แต่ถ้าเป็นยุคนี้ คงไม่ต้องใช้นะหน้าด้าน
ต่อยคนดังๆ ซักเปรี้ยง แล้วแปะเบอร์บัญชี ทีเดียว ได้ตั้ง ๖ ล้าน ๗ ล้าน สบายไปทั้งเดือน!

แต่สุดท้าย ด้วย “บุญทำ-กรรมแต่ง” ไม่ต้องต่อยใคร หรือให้ใครมาต่อย
“ไทยโพสต์” ก็รอด
ไม่ต้องสงสัยว่า “รอดเพราะอะไร” เพราะแฟนๆ ไทยโพสต์ “ขาประจำ” นั่นแหละ ช่วยกันซื้อเหนียวแน่น ซึ่งผมต้องกราบก่อนนอนแทบทุกคืน

ซื้อไป..บ่นไป
มีเงินใช่ว่าจะซื้อได้ ซื้อทอง ยังหาง่ายกว่า หาซื้อไทยโพสต์ แหะๆ!

ก็จริงของท่าน ฉบับใหญ่ๆ ตั้งสูงเป็นภูเขาทอง แต่ไทยโพสต์เป็น “สินค้าใต้ดิน” ต้องกระซิบถามคนขาย ว่า…มีมั้ย?
เขาถึงจะหยิบจาก “ใต้แผง” ขึ้นมาให้….

ก็อยู่อย่างหยิ่งๆ นี่แหละ จนถึงวันนี้ ครบ ๒๖ ปี ขึ้นปีที่ ๒๗ ได้ยังไง ผมก็ยังงง อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน
แต่จะเป็น ๒๖ ปี “สุดท้าย” ที่อยู่ห้องแถว “ปลายซอย” ที่คลองเตย คราวนี้ไม่โม้แน่

ซักธันวา-มกรา.ชาวคณะไทยโพสต์เท่าที่กัดก้อนเกลือเหลืออยู่ จะย้ายจาก “ปลายซอย” คลองเตย
ไปอยู่ “สำนักงานใหม่” ชนิดแกะกล่อง ที่ปลายซอย ๔๖ ย่านประชาชื่น ขึ้นสู่ปีที่ ๒๗
เป็นไทยโพสต์ “หนุ่มใหญ่-ใจสปอร์ต- กทม.” ที่นั่น!

นอกจากสื่อกระดาษ คือหนังสือพิมพ์แล้ว แตกไลน์เป็นเว็บ เป็นทีวีออนไลน์ และอะไรๆ อีกบางรูปแบบ
เห็นเขาคร่ำเคร่งกันอยู่ ผม “คนตกรุ่น” แล้ว เก่าอยู่ส่วนเก่า เจียมเนื้อ-เจียมตัว ให้ส่วนใหม่เขาว่ากันไป ผมก็ “สิ้นสุดทางเลื่อน” แค่นี้แหละ

ความจริง คุย (โม้) กับคนมางานปีที่แล้วว่า ปีหน้า (คือปีนี้) ให้ไปฉลองครบรอบกัน ที่สำนักงานใหม่
สุดท้าย…ก็ แป๊ววววว!

ปีนี้ เลยจ๋อย หลบหน้าอาย ไม่มีพิธีการ-พิธีกรรมอะไร ใครมา ก็ซ่อนหน้า คารวะ…สวัสดี และกราบขอบพระคุณแบบเขินๆ
ค่าที่โม้ไว้มาก!

แต่ปีหน้า ไม่พลาดแน่ ได้ฉลองขึ้นปีที่ ๒๘ ไทยโพสต์กัน ที่สำนักงานใหม่ ซอย ๔๖ ย่านถนนประชาชื่น เหมาช่องคลับเฮาส์ไว้เฮได้เลย

ทั้งหมด-ทั้งปวง…….
มันเกิดจากความผิดพลาดโดยสุจริตและงมงายของผมเอง ด้านการก่อสร้าง จึงทำให้เสียเงิน เสียของ เสียคน และเสียเวลาเป็นปี

แต่ก็ยังพอมีวาสนาอยู่บ้าง ได้ศิลปินแห่งชาติ “ธีรพล นิยม” และอาจารย์ “ธีรยุทธ บุญมี” อนุเคราะห์
รู้ข่าว ผมซำเหมา บ้อท่าแล้ว จึงส่งผู้ชำนาญการมาช่วยดู และหาผู้รับเหมา มารื้อบางส่วนสร้างใหม่
ไม่งั้น ทั้งอาคาร กลายเป็นบ่อเลี้ยงปลาแหงๆ ในทันที ที่ฝนตก!

เอาละ วันนี้ ถือว่า “คนเก่าเล่าความหลัง” ละกัน ผมจำเฉพาะเรื่องดี มิตรสหายและผู้ใหญ่ดี-มีน้ำใจ มาเล่า
ส่วนเรื่อง “รากเลือด” ครั้งแล้ว-ครั้งเล่า ทั้งถูกกระทำ ทั้งกระทำกันเอง ผมลืมหมดแล้ว เพราะในหัวสมองของผม ไม่มีเซลล์บันทึกเรื่องเลว!

คนเราทุกคน แรกเกิด “จิตเดิมแท้” คือจิตประภัสสร
เหมือนผ้าขาวบริสุทธิ์ผืนหนึ่ง สะอาด ไม่มีมลทินใดๆ แปดเปื้อน คือไม่มีดี ไม่มีชั่ว ไม่มีรัก ไม่มีโลภ ไม่มีโกรธ ไม่มีหลง ใดๆ ทั้งสิ้น

ด้วยกิเลส ด้วยอารมณ์ต่างๆ ด้วยสิ่งแวดล้อมต่างๆ การอบรมบ่มเพาะต่างๆ นั่นแหละ ย้อมจิตคือผ้าขาวผืนนั้นให้แปดเปื้อนไป

ตา เห็นรูป, หู ได้ยินเสียง,จมูก ได้กลิ่น, ลิ้น ได้รส, กาย ได้สัมผัส และใจ กระทบธรรมารมณ์ คือ อารมรณ์ที่เกิดทางใจ
เหล่านี้แหละ….

จะทำ “จิตประภัสสร” นั้น ให้หยาบกระด้าง-อ่อนละเอียด ขาวหรือดำ เป็นคนดี, คนไม่ดี มันอยู่ตรงนี้แหละ
ไม่เกี่ยวกับ “รุ่นใหม่-รุ่นเก่า, เรียนมาก-เรียนน้อย”

คนจะดี-จะเลว ขึ้นอยู่กับการฝึกอบรมบ่มเพาะ และสิ่งแวดล้อมเป็นหลักใหญ่!
ในพื้นฐาน “คนกับสัตว์” จัดอยู่ในสกุลสัตว์เหมือนๆ กัน

แต่แยกประเภทเป็น “สัตว์มนุษย์” กับ “สัตว์เดรัจฉาน” ก็ตรง ผู้เกิดมาแล้ว ถูกปล่อยปละ ไม่ได้รับการฝึกอบรมทางกาย วาจา และใจ

จึงหยาบกระด้าง มีพฤติกรรมป่าเถื่อน ขาดสติยั้งคิดในการกระทำ และไม่มีสัมปชัญญะ คือไม่มีความรู้ตัวว่าที่ทำลงไปนั้น ผิด, ชอบ, ชั่ว, ดี อย่างไร ทั้งไม่รับรู้ในเหตุและผล

นี่คือสัตว์ ประเภท “สัตว์เดรัจฉาน”

ส่วนผู้มีกระทำตรงกันข้าม คือ เป็นผู้มีสติ-สัมปชัญญะแยกแยะ ผิด, ชอบ, ชั่ว, ดี ในการกระทำได้ เป็นผู้มีเหตุ-มีผลในการกระทำ มีจิตเมตตา สงสารต่อกัน

สัตว์ประเภทนี้ เรียกว่า “สัตว์มนุษย์”

ทำไมจึงเรียกว่ามนุษย์?
เพราะ “มนุษย์” มาจากคำว่า “มนะ” คือใจ สัตว์ผู้มีใจฝึกแล้วประเสริฐ จึงเป็นมนุษย์ นั่นอง

สังเกตง่ายๆ ว่าไหนมนุษย์ ไหนเดรัจฉาน?
เดรัจฉาน เป็นสัตว์ ไม่ต้องฝึก เกิดมาปุ๊บ ก็ดำรงอยู่ชีวิตอยู่ได้ตามธรรมชาติสัตว์แต่ละประเภท

ส่วนมนุษย์ เป็นสัตว์ ต้องฝึก ถ้าเกิดมา แล้วปล่อยให้มีชีวิตอยู่เอง เหมือน ลูกหมา ลูกแมว ตายทันที!
เพราะ ทารกต้องสอนให้ดูดนม สอนให้กินข้าว สอนให้เคี้ยว สอนให้คลาน สอนให้เดิน สอนให้พูด สอนให้รู้จัก พ่อ-แม่ สอนให้รู้แบบหไหนดี-แบบไหนไม่ดี

โตขึ้นมาอีกหน่อย ก็สอนให้รู้จัก บาป, บุญ, คุณ,โทษ โตมากขึ้น ก็พาไปเข้าโรงเรียนให้ครูสอน
หัดเรียน, เขียน, อ่าน ฝึกมรรยาทการอยู่ร่วมสังคม และบ่มเพาะศีลธรรมประจำจิต ตลอดจนให้รู้ในกิจศาสนาแห่งตน

เห็นมั้ย จริงๆ แล้ว ไม่ใช่แค่เห็นใคร “คอหยักๆ” ก็สักแต่ว่าคนไปทั้งหมด การจะเป็นคนหรือมนุษย์ได้นั้น
ต้องผ่านการฝึก-การสอน ให้มีความ “รู้สึก-นึก-คิด” และการทำ ต่างกว่าสัตว์เดรัจฉาน จึงจะเรียกว่ามนุษย์

ถ้าแย้งว่า ก็เห็นทนโท่อยู่ว่าเป็น “คน” แล้วจะบอกว่าไม่ใช่ “มนุษย์” ได้ไง?

ไม่เถียง แต่เขาจัดอยู่ในประเภท “มนุสสติรัจฉาโน” คือมนุษย์สัตว์เดรัจฉาน ขาวศีล-ขวางธรรม มีความหลง ไม่รู้จัก บาป, บุญ, คุณ, โทษ, ประโยชน์, มิใช่ประโยชน์

ไม่รู้จักคุณของผู้มีคุณ เช่น พระมหากษัตริย์ พ่อ-แม่ ครู-อาจารย์ เป็นต้น

แต่เดี๋ยวนี้ พวกครู-อาจารย์เอง ในบางสำนัก ก็เป็นประเภท “มนุสสติรัจฉาโน” เหมือนกัน!

อ้าว….
ชักเรื่อยเปื่อยซะแล้ว สรุปว่า “ไทยโพสต์” ๒๗ ปี สำนักงานแค่ “แมวดิ้นตาย” ยังไม่มีปัญญาสร้างให้เสร็จ

สู้รัฐบาล “ลุงตู่” ไม่ได้ …….
แค่ ๘ ปี แปลง “โกงมาแบ่งกัน” จากรัฐบาลก่อนๆ มาเป็น “สร้างสรรค์-พัฒนา” ไม่ว่าด้านคมนาคมรถ-เรือ-ราง
ด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรม “ทะลุมิติ” นวัตกรรม “ครบด้าน” จนชาวบ้าน-ชาวโลกอิจฉา

ฝากไว้คำ “เศรษฐกิจ” ลุงตู่ตั้งฐานดีแล้ว
แต่ด้าน “สังคมมนุษย์ไทย” กำลังล้มละลาย

ถ้า “ศีลธรรม” ไม่กลับมา “โลกาวินาศ” แน่!

เปลว สีเงิน
๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๕

 


Written By
More from plew
“ใบเสร็จ” ของกิ้งกือ – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน ชัดเจนกันไปซะที ว่าการเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ดี ให้แก้หรือยกเลิกกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ก็ดี ผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๙ วรรคหนึ่ง...
Read More
0 replies on ““น้ำหมึก-ผลึกคน” – เปลว สีเงิน”