ผักกาดหอม
ตามไม่ค่อยทัน
เห็นคุยกันเรื่อง “เดี่ยว ๑๓” เรื่อง นักบิน เรื่อง ภารโรง
อีกวันมีการตอบโต้เรื่อง พระขับจานบิน
ก็เลยกลับไปดูต้นตอ ต้องร้องอ๋อ…อย่างนี้นี่เอง
เดี๋ยวนี้คนพูดเอามันมีเยอะครับ อยู่ในยุคเสรีภาพแห่งการด่า ก็ยิ่งมันกว่าเดิม
ผมรู้สึกเฉยๆ ที่ โน้ส-อุดม แต้พานิช เดี่ยวไมโครโฟน วิจารณ์รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะสังคมประชาธิปไตย การวิพากษ์วิจารณ์ถือเป็นการแสดงออกขั้นพื้นฐาน
จะด่า จะชม ธรรมดามาก
แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง
ถ้าบิดเบือน ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย มีการฟ้องร้อง ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีการปกป้องตนเองจากคำพูดเท็จเหล่านั้น
นายกรัฐมนตรี เป็นบุคคลสาธารณะ สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้
ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ก็ถูกวิจารณ์เยอะทั้งในและนอกสภา
เรียกว่าเละมาแล้วหลายรอบ
มีฟ้องร้องบ้างแต่น้อยมาก
ส่วนใหญ่ปล่อยไป ถือเสียว่าเป็นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
ใครบอกว่ายุคนี้เป็นยุคเผด็จการ จำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ก็ให้ดู โน้ส-อุดม เป็นตัวอย่าง
ใช้สิทธิ์กันเต็มที่
ฉะนั้น “เดี่ยว ๑๓” ก็ปล่อยไปครับ ถือเป็นการติชม
ไปแย้งมากเดี๋ยวจะกลายเป็นการสร้างเรตติง ให้ความสำคัญเกินจริง
ปล่อยให้หายไปเหมือนผายลมจะดีกว่า
ด่าในสภายังแรงกว่านี้เยอะ!
แต่ที่ไม่น่าจะปล่อยคือพวกนักการเมืองห้อยโหน พวกนี้เห็นใครด่ารัฐบาล ก็เอามาถล่มซ้ำ โดยไม่ดูกำพืดตัวเองเลย
เห็นคนในพรรคเพื่อไทย รวมถึงพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ ชอบอกชอบใจกับ ท่อนไฮไลต์ “เดี่ยว ๑๓”
“…ตอนนี้ประชากรในประเทศไทยหลายสิบล้านคน สมมติเราขึ้นเครื่องบินลำเดียวกัน เป็นเครื่องบินลำใหญ่ ปกติเครื่องบินขับด้วยกัปตันที่เชี่ยวชาญ แต่ตอนนี้กัปตันทั้งหลายที่ขับเครื่องบินเก่งไม่ได้ขับ ที่ขับอยู่คือ security (พนักงานรักษาความปลอดภัย)…”
ขำซิครับ
ถามจริงเราเคยมีกัปตันที่เชี่ยวชาญหรือ เมื่อไหร่กัน
กัปตันคนไหนบินเก่ง
“ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” คือนักบินคนเก่งใช่หรือเปล่า
ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองมา หากเรามีกัปตันที่เก่งจริง ไทยเป็นประเทศโลกที่ ๑ ไปแล้วครับ
แต่เรายังไปไม่ถึงไหน
นักการเมืองด่าทหารเผด็จการ
ทหารก็บอกนักการเมืองโกง
ฉะนั้นเครื่องบินลำนี้ปกติจึงบินด้วยรัฐประหาร และนักการเมืองโกง
อย่าไปดูถูก ยาม ครับ
หากปราศจากซึ่งคนรักษาความปลอดภัย มันก็ไร้ซึ่งความปลอดภัย
มันไม่มีหรอกครับ ยามจะไปขับเครื่องบิน
มีแต่กัปตันที่อวดเก่งแต่โกงน้ำมันเครื่องบิน
กับกัปตันที่ไม่พูดไม่จา บินอย่างเดียว ตกหลุมอากาศให้ผู้โดยสารด่าบ้าง แต่ก็ทำหน้าที่ตรงไปตรงมา
ทีแรกคิดว่า กัปตัน-รปภ. ใน “เดี่ยว ๑๓” ของโน้ส- อุดม แซวพรรคเพื่อไทยซะอีก
มีที่ไหนตำแหน่งหัวหน้าพรรคไม่มีใครเห็นหัว
เคาะรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคออกมา เป็นเด็กเส้นทั้งนั้น เห็นหัวหน้าพรรคเป็นแค่คนไขประตูพรรคเท่านั้น
ไม่ทราบว่า “หมอชลน่าน” น้อยใจบ้างหรือเปล่า เพราะมันขัดกับหลักเบื้องต้นของความเป็นพรรคการเมือง
เรื่องนี้เป็นสากลครับ ไปดูอังกฤษ ญี่ปุ่น หรือประเทศที่ใช้ระบบรัฐสภา เขาชูหัวหน้าพรรคเป็นผู้นำประเทศกันทั้งนั้น
แต่พรรคเพื่อไทยชูหัวหน้าพรรคเป็นลูกน้องเด็กเส้น
ถ้า “หมอชลน่าน” รู้สึกเฉยๆ ก็เลิกพูดคำว่า “เราเป็นฝ่ายประชาธิปไตย” ได้แล้ว อย่าเอาประชาธิปไตยมากลบเกลื่อน
ครับ…เว็บไซต์ไทยโพสต์ www.thaipost.net เปิดหนังสือ “Thaksin Shinawatra Theory and Thought (ทักษิณ ชินวัตร หลักการและความคิด)” ตอนที่ ๓ ต่อจากเปิดใจลูก เปิดใจเมีย วานนี้ (๑๔ ตุลาคม) เปิดใจทักษิณ มีประเด็นน่าสนใจเยอะอยู่เหมือนกัน
“…แล้วก็ต้องยอมรับว่า อิ๊งค์เขาได้ดีเอ็นเอผมกับแม่ เขาเข้มแข็งเหมือนแม่ และเป็นคนมีความเป็นผู้นำ มีความกล้า เขาเดินได้สบาย
ผมว่าเขาแข็งแรงดีแล้ว จิตใจเขาเข้มแข็งด้วย แล้วก็มีปฏิภาณทางการเมืองดี
เพียงแต่ว่าชั่วโมงบินในการรู้จักผู้คน เพื่อจะ handle (รับมือ-ควบคุม-จัดการ) ทางการเมืองยังต้องเพิ่ม คือผู้คนทางการเมืองกับผู้คนทั่วไปตามบริษัทไม่เหมือนกัน การเมืองมันเต็มไปด้วยคนที่มีอีโก้คนละแบบมารวมกัน…”
อ่านแล้วรู้สึกตกใจเล็กน้อย
พรรคนี้นอกจากสืบทอดทางสายเลือดแล้ว
ดีเอ็นเอ ลูก ได้พ่อกับแม่มาเต็มๆ
เอาซิครับ ถ้า “อุ๊งอิ๊งค์” ได้เป็นนายกรัฐมนตรี มีดีเอ็นเอของ “ทักษิณ-พจมาน” ในทุกอนู โฉมหน้าประเทศไทยต่อไปจะเป็นอย่างไร
อดคิดถึงเรื่อง “ผัวเซ็นเมียซื้อ” ไม่ได้
พูดแบบนี้ ไม่มีอะไรต้องลุ้นแล้วครับ “อุ๊งอิ๊งค์” คือเบอร์ ๑ ของเพื่อไทย
“เศรษฐา ทวีสิน” เจ้าพ่ออสังหาฯ ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย แค่หมากที่มาวางไว้ให้ดูว่าพรรคเพื่อไทยมีมือเศรษฐกิจกับเขาเหมือนกัน
เอามาประดับหน้าร้าน ให้ดูสวยงามเท่านั้นเอง
เรียกอีกที มันคือแผนการตลาด
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือที่ “ทักษิณ” บอกว่า
“…ทหารคือภัยคุกคามทางประชาธิปไตย
เพราะทหารชอบปกครองแต่ประชาธิปไตยเป็นการบริหารมากกว่าปกครอง
การปกครองเป็นของชนชั้นนำโบราณ แต่ประชาธิปไตย คนเป็นผู้นำมันถือตัวไม่ได้ จะมาด่าสื่อก็ไม่ได้…”
จะเหมารวมทหารเป็นภัยคุกคามประชาธิปไตยไม่ได้ ควรจะเจาะจงให้ชัดว่า ทหารที่ทำรัฐประหารคือภัยคุกคามประชาธิปไตย แบบนี้จะถูกต้องกว่า
แต่ที่ “ทักษิณ” ไม่พูดเลยนั่นคือ นักการเมืองโคตรโกง โกงทั้งโคตร ก็เป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อประชาธิปไตยเช่นกัน
และการบอกว่า การปกครองเป็นของชนชั้นนำโบราณ “ทักษิณ” ควรพูดให้ชัด เพราะก่อนปี ๒๔๗๕ ชนชั้นนำโบราณคือพระมหากษัตริย์ทั้งสิ้น
ไม่เฉพาะไทย ชนชั้นปกครองโบราณทั่วโลกล้วนคือ พระมหากษัตริย์
หรือ “ทักษิณ” จะเผยธาตุแท้อีกรอบ?