ผักกาดหอม
ตามคาด!
ยอมเป็นซะที่ไหน
วานนี้ (๒๑ มิถุนายน) พรรคเพื่อไทยสัมมนาว่าที่ ส.ส. เปิดเวทีให้แสดงความคิดเห็น เห็นว่าทุบโต๊ะพังไปหลายตัว
เก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรต้องเป็นของเพื่อไทยเท่านั้น
ถ้าเพื่อไทยเป็นประชาธิปไตยจริง เก้าอี้ประธานสภาไม่มีทางเป็นของก้าวไกลไปได้ เพราะว่าที่ ส.ส.เสียงส่วนใหญ่กว่า ๙๐ เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าควรอยู่กับเพื่อไทย
เหตุผลก็น่ารับฟังไม่น้อยเช่นกัน
“…แม้จะมีการกล่าวอ้างกระแสสังคม โดยเฉพาะแฟนคลับพรรคก้าวไกล แต่ต้องไม่ลืมความรู้สึกของแฟนคลับพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีกว่า ๑๐ ล้านเสียงเช่นกัน เมื่อเขาเลือกเรามา ก็หวังให้เราได้ทำงาน และมองว่าการที่ไปเจรจาอะไรมา ก่อนจะให้ข่าวก็ควรมาแจ้ง ส.ส.รับทราบก่อน…”
ถือเป็นกบฏเล็กๆ ในเพื่อไทย เพราะปกติแล้ว พรรคนี้ ต้อง นายใหญ่เคาะ นายหญิงสั่ง ถึงจะลงมือปฏิบัติตาม
ในที่สัมมนาว่าที่ ส.ส.เพื่อไทยมีประเด็นน่าสนใจ ตรงการชี้แจงของ “เสี่ยอ้วน ภูมิธรรม เวชยชัย” เพราะกั๊กจนทำให้รู้ว่า สัญญาณสุดท้าย เพื่อไทยน่าจะหักก้าวไกลแน่นอน
แต่จะหักแบบไหนน่าติดตามจริงๆ
“…ที่ผ่านมาพวกเราได้ดำเนินการตามที่คณะกรรมการบริหารพรรคมอบหมาย การพูดคุยกับพรรคก้าวไกลได้เสนอไปว่าแต่ละพรรคได้ ส.ส.ใกล้เคียงกัน ก็ควรได้ตำแหน่งรัฐมนตรีพรรคละ ๑๔ คน
พรรคก้าวไกลได้ ส.ส.มาที่หนึ่งก็ควรได้ประมุขฝ่ายบริหาร พรรคเพื่อไทยควรได้ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ แต่เรื่องตำแหน่งประธานสภายังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ยังรอคำตอบจากทางพรรคก้าวไกล
แต่การให้ข่าวของผมและเลขาธิการพรรคอาจจะทำให้สมาชิกพรรคเกิดความไม่สบายใจหรือความไม่พอใจ เรื่องการยึดหลักการเรื่องการยึดหลักพรรคอันดับหนึ่ง วันนี้จึงเปิดโอกาสให้ ส.ส.ได้แสดงความเห็นได้เต็มที่…”
แสดงว่าในการเจรจาเพื่อไทยยืนกรานเรื่อง ก้าวไกลได้เก้าอี้นายกรัฐมนตรี ส่วนเพื่อไทยต้องได้ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร
และกำลังรอฟังคำตอบจากก้าวไกลอยู่ว่า จะยอมหรือไม่
นี่คือสถานการณ์ล่าสุด ซึ่งไม่คืบจากสัปดาห์ก่อน
ทั้ง ๒ พรรคยังหาข้อยุติกันไม่ได้
เมื่อเปิดโอกาสให้ว่าที่ ส.ส.แสดงความเห็น ผลก็ออกมาอย่างข้างต้น
กว่า ๙๐ เปอร์เซ็นต์จึงยืนยันว่าต้องเป็นของเพื่อไทย
“อดิศร เพียงเกษ” แสดงอารมณ์เข้าถึงความเป็นเพื่อไทยในสถานการณ์นี้ได้มากที่สุด
“…เรา ๑๔๑ เสียง เขา ๑๕๑ เสียง แต่เราไปยอมเขาทุกเรื่องราว พรรคก้าวไกลเขาควรได้เป็นฝ่ายบริหาร แต่จะหาวเอาเดือนเอาดาว เอาประธานสภาไปด้วย
มันจะง่ายเกินไปหน่อย ไม่เห็นเพื่อนฝูงอยู่ในสายตา
ผมตรงไปตรงมา ผมสู้ให้พรรคเพื่อไทยยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ลูกน้องของพรรคการเมืองใด ผมเห็นใจในการเจรจา ไม่ทราบว่าเจรจาอย่างไร ถ้าเขาได้นายกฯ เราได้ประธานสภา มันจะสง่างาม และจะได้ถ่วงดุลการทำงานด้วยกัน
ถึงอย่างไรเราก็ไม่สามารถให้ประธานสภากับพรรคก้าวไกลได้ เมื่อเกิดความขัดแย้งก็โหวตกันในสภา ผมยืนยันว่าศักยภาพของเรา เรามีบุคลากรที่เหมาะสม
ผมไม่อยากเห็นพระบวชใหม่มาเป็นเจ้าอาวาส เรามีบุคลากรเยอะ อย่าไปยอมให้เขาง่าย
เราอย่าไปห่วงความรู้สึกเขา คุณจะเป็นพรรคก้าวไกล หรือพรรคเพื่อไทย
เรื่องประธานสภาถึงอย่างไร ผมคิดว่าต้องเป็นของพรรคเพื่อไทย เพื่อให้รัฐบาลผสมเดินทางไปสู่การแก้ปัญหาอย่างเหมาะสม…”
หากปล่อยให้ อารมณ์แบบนี้ยืดยาวไปถึงวันโหวตประธานสภาผู้แทนฯ เพื่อไทยกับก้าวไกลคงต้องแตกหัก
การตั้งรัฐบาลด้วยกันไม่น่าจะเป็นไปได้
แล้วพระบวชใหม่จะทำอย่างไร?
งานยากครับ!
“ด้อมส้ม” ควรจะเผื่อใจ โอกาสที่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” จะได้เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรนั้น มีสูงมากทีเดียว
ถามว่าตำแหน่ง ประธานสภาผู้แทนฯ สำคัญแค่ไหน ก้าวไกล ถึงกับไม่ยอมสละให้เพื่อไทย
โดยตำแหน่ง ไม่ได้สำคัญถึงขนาดทำให้ได้เปรียบพรรคการเมืองอื่นๆ ทุกอย่างในสภาผู้แทนฯ รวมถึงรัฐสภาที่มีวุฒิสมาชิกอยู่ด้วย
อำนาจหน้าที่หลักๆ อาทิ
เป็นกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระ
เป็นรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ
ทำหน้าที่ส่งร่างกฎหมายให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กรณีสมาชิกรัฐสภา เห็นว่าข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ
เป็นผู้ลงนามสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และผู้นำฝ่ายค้าน
กำกับดูแลการดำเนินกิจการของสภา
ควบคุมการรักษาความสงบเรียบร้อยในที่ประชุมสภา ตลอดถึงบริเวณสภา
เป็นผู้แทนสภาในกิจการภายนอก
และถูกกำกับโดยบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญว่า ต้องวางตนเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่
ด้วยอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่เท่านี้ ทำไม ก้าวไกล กับ เพื่อไทย ถึงไม่ยอมกัน
แบ่งกันไปน่าจะจบง่ายกว่าไม่ใช่หรือ
ถูกต้องครับ หากเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนฯ มีอำนาจหน้าที่เท่าที่ระบุไว้ข้างต้น มันก็คงไม่ได้สำคัญมากถึงกับต้องทำให้การตั้งรัฐบาลสะดุด
แต่…การเลือกประธานสภาผู้แทนฯ ครั้งนี้มันเป็นหลักประกันสำคัญในการตั้งรัฐบาลของก้าวไกล
ส่วนเพื่อไทยแค่ต้องการหลักประกันว่า เก้าอี้ตัวนี้จะไม่ตกอยู่กับฝ่ายค้าน
เพราะเพื่อไทยมั่นใจว่าตัวเองต้องเป็นรัฐบาลอย่างเดียวเท่านั้น
ไม่มีข้อบ่งบอกใดๆ ว่าเพื่อไทยจะกลายเป็นฝ่ายค้าน
ผิดกับก้าวไกล ยืนลังเลอยู่บนทางสองแพร่ง ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปทางไหนดี
พระบวชใหม่ ยังต้องถามครับว่า ห้องน้ำไปทางไหน หอฉันเดินไกลมั้ย
ผิดกับเจ้าอาวาส หลับตาเดินยังได้
ก็สรุปความสั้นๆ หากก้าวไกล ส่งคนชิงเก้าอี้ประธานสภากับเพื่อไทย
“พิธา” ตัดชุดรอ
เป็นผู้นำฝ่ายค้านสถานเดียว