ผักกาดหอม
อีกครึ่งปีครับ
ใครที่เหม็นขี้หน้า “ลุงตู่” ไม่ชอบ ๓ป. อีกไม่นานได้ไปเลือกตั้งกันแล้ว
วานนี้ (๒๑ กันยายน) มีข่าวจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า หากสภาผู้แทนราษฎรอยู่จนครบวาระในวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๖ จะจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันอาทิตย์ที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ครับ
เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๐๒ ที่บัญญัติว่าให้มีการเลือกตั้งภายใน ๔๕ วันนับแต่วันที่สภาผู้แทนราษฎรสิ้นอายุ
กกต.วางไทม์ไลน์ไว้ดังนี้ครับ
พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.มีผลบังคับใช้ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๖
วันที่ ๓-๗ เมษายน เป็นวันรับสมัครรับเลือกตั้งส.ส.
วันที่ ๑๑ เมษายน วันสุดท้ายของการประกาศกำหนดหน่วยเลือกตั้ง และที่เลือกตั้ง และเป็นวันสุดท้ายประกาศบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
วันที่ ๑๔ เมษายน ประกาศบัญชีรายชื่อผู้สมัครส.ส.
วันที่ ๑๖ เมษายน เป็นวันสุดท้ายส่งหนังสือแจ้งเจ้าบ้าน และสรรหาแต่งตั้งคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง
วันที่ ๒๖ เมษายน เป็นวันสุดท้ายของการเปลี่ยนแปลงหน่วยเลือกตั้งและสถานที่เลือกตั้ง รวมถึงวันสุดท้ายของการเพิ่มชื่อ-ถอนชื่อ
วันที่ ๓๐ เมษายน เป็นวันลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตเลือกตั้ง และนอกเขตเลือกตั้ง รวมทั้งแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
วันที่ ๑-๖ พฤษภาคม เป็นระยะเวลาแจ้งเหตุไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
วันที่ ๗ พฤษภาคม เป็นวันเลือกตั้ง ส.ส.เป็น การเลือกตั้งทั่วไป
วันที่ ๘-๑๔ พฤษภาคม เป็นวันแจ้งเหตุไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
ถ้าเป็นแบบนี้ สงกรานต์ปีหน้า เงินสะพัดสุดในรอบหลายปีครับ
ดุเดือดแน่นอน!
เมื่อมองเห็นอนาคตชัดเจนแบบนี้ ไม่ทราบว่านักการเมือง ยังจะสร้างเรื่องจนสุดท้ายเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง แล้วไม่มีใครรับผิดชอบกันหรือเปล่า?
ถือเป็นโอกาสดีสำหรับพรรคการเมืองครับ เมื่อรู้เงื่อนเวลาชัดเจนแบบนี้แล้ว การเตรียมตัวลงสนามเลือกตั้ง การวางกำลังคน กำลังเงิน สามารถจัดสรรได้ทันที
อย่าไปกลัว หรือหลอนเรื่องรัฐประหาร มันไม่มีเหตุให้ทำครับ ขืนใครทำรับรองโดยสหบาทาแน่นอน เพราะจะไม่มีใครยอมรับ
หากนายกฯยุบสภาก็เป็นอีกเรื่อง การเลือกตั้งก็จะเร็วขึ้นมาอีกหน่อย
อาจจะมกราฯ กุมภาฯ มีนาฯ
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ถนนข้างหน้ามีสายเดียว มุ่งหน้าไปสู่การเลือกตั้งเท่านั้น ไม่ต้องแวะไปไหนให้เสียเวลาอีกแล้ว
ไม่มียืดเยื้อ ไม่ซื้อเวลา กติกาว่าอย่างไรต้องเดินไปตามนั้น
แบบนี้ง่ายสุด
เลือกตั้งแล้วใครจะมาเป็นรัฐบาล ก็เป็นเรื่องของรัฐสภา
ขอแค่อย่าพิศดารจนประชาชนรับไม่ได้เท่านั้นเอง
ส่วนประชาชนเองก็ต้องพิศดูในการเลือกผู้แทนฯให้ถ้วนถี่ เพราะสมัยนี้คนเก่งกับคนโกงมักจะแยกไม่ออกจากกัน
เลือกตั้งก่อนนี้เคยมีสโลแกนว่า บัตร ๒ ใบ เลือกคนที่ชอบเลือกพรรคที่ใช่ แต่บางเขตก็มีปัญหาเช่นกัน เพราะประชาชนหาคนที่ใช่ไม่เจอ พรรคที่ชอบก็ไม่มี
ถ้าสิ้นหนทางจริงๆ ก็โหวตโนไป
แต่ห้ามนอนหลับทับสิทธิ์เด็ดขาด
สำหรับพรรคการเมือง กกต.ยื่นคำเตือนมาแล้ว เกี่ยวกับระยะเวลาในการหาเสียงเลือกตั้ง ที่ขณะนี้ใกล้ถึงระยะเวลา ๑๘๐ วัน ก่อนวันครบอายุของสภาผู้แทนราษฎร คือวันที่ 23 มีนาคม ๒๕๖๖ ซึ่งบรรดาว่าที่ผู้สมัครส.ส.ทั้งหลายและพรรคการเมือง ต้องปฏิบัติเกี่ยวกับการหาเสียงให้เป็นไปตาม มาตรา ๖๘ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.๒๕๖๑
หลักๆคือ ต้องมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น ให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัคร หรือการชักชวนให้ไปลงคะแนนไม่เลือกผู้ใดเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามมาตรา ๗๓ กฎหมายเดียวกัน
ฉะนั้นตั้งแต่วันที่ 24 กันยายนนี้ จนถึงวันก่อนวันเลือกตั้ง ระวังตัวให้ดี
อย่าพลาด!
เพราะอาจโดนสอยได้ มันจะเสียเวลาชาวบ้าน ที่ต้องไปเข้าคูหาเลือกตั้งกันใหม่
ไปดูพรรคก้าวไกลกันหน่อยครับ นับวันจะเหมือนพรรคเพื่อไทยเข้าไปทุกที
บริหารโดยเจ้าของพรรค ไม่ใช่กรรมการบริหารพรรค
พรรคเพื่อไทยก็อย่างที่รู้กันครับ “ทักษิณ” ที “หญิงอ้อ” ที โดยสรุปแล้ว ตระกูลชินวัตรคือเจ้าของพรรคตัวเอง และบริหารแบบบริษัทครอบครัว
ไม่มีหุ้นส่วนครับ มีแต่สมุน
ฉะนั้นตั้งแต่หัวหน้าพรรคยันภารโรงพรรค ต้องให้ความเคารพเจ้าของพรรค
ไม่ใช่มติพรรค
ก้าวไกลก็เป็นแบบนั้นครับ
พรรคเพื่อไทยมีที่ทำการที่อาคาร โอเอไอ ทาวเวอร์
อยากรู้เป็นของใครลองถาม “O-Oke, A-Aim, I-Ing” ดูได้ครับ
ตึกสูงที่อยู่ติดกันชื่อว่า ไทยซัมมิท ทาวเวอร์ เคยเป็นที่ตั้งของพรรคอนาคตใหม่ และก้าวไกลอยู่พักหนึ่ง เป็นของตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ
ปัจจุบันก้าวไกล ย้ายที่ทำการพรรคไปที่ อาคารอนาคตใหม่ ย่านรามคำแหง
ครับ…ก็มีความพยายามสลัดตัวเองให้พ้นร่มเงาของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” แต่ไม่พ้น เพราะ “ธนาธร” มีนิสัยคล้าย “ทักษิณ” อยู่อย่างหนึ่งนั่นคือ แสดงความเป็นเจ้าของ
จำข่าวเมื่อไม่กี่วันก่อนได้มั้ยครับ คนเสื้อแดงตีกันเพราะแย่งกันเป็นผู้สมัครส.ส. อุดรธานี “ทักษิณ” เป่าพรวดเดียวเงียบกริบ
แบบนี้เขาเรียกว่า คนนอกแทรกแซงพรรคการเมืองหรือเปล่า
ไม่ใช่นอกธรรมดา เป็นมอนเตเนโกรซะด้วย
ส่วนก้าวไกลที่ฉาวโฉ่อยู่ตอนนี้คือ การส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส. เขตบางนา-พระโขนง
คนเดิมถูกเขี่ยทิ้ง คนใหม่เป็นพวกคุมม็อบสามนิ้ว ผู้ต้องหา ม.๑๑๒ ซะด้วย
คนเก่าคือ “สมเกียรติ ถนอมสินธุ์” ที่เป็นส.ส.ก้าวไกล อยู่ในขณะนี้ กินข้าวยังไม่ทันหมด ถูกไล่ออกจากร้านแล้วครับ เพราะเจ้าของร้านไม่ชอบขี้หน้า
เอาตามที่ “สมเกียรติ” แฉได้ความว่า “ธนาธร” เข้ามาเจ้ากี้เจ้าการอยู่เยอะเหมือนกัน
เรื่องมันเกิดตั้งแต่ช่วงก่อนอนาคตใหม่ถูกยุบ
“สมเกียรติ” บอกว่า “ธนาธร” โทรมาสอบถามว่าจะไปต่อ กับพรรคไหม และโทรคุยแค่ครั้งเดียว
สันนิษฐานไว้ก่อนว่าการโทรถามน่าจะคุยกันสองคน
“สมเกียรติ” ได้ตอบคำถามคือย้ายไปก้าวไกลพร้อมกับส.ส.คนอื่น
และไม่เคยโหวตสวนมติพรรค!
แทนที่จะเงียบเฉยๆ “ธนาธร” กลับตอบเรื่องนี้ผ่านโซเชียล
“…เมื่อพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ส.ส. ที่เหลืออยู่ส่วนใหญ่ได้แสดงเจตจำนงชัดเจนว่าเต็มใจย้ายไปพรรคก้าวไกลเพื่อสานต่ออุดมการณ์อนาคตใหม่ โดยไม่มีการเรียกร้องใดๆ เหลือเพียง ส.ส. ไม่กี่คนที่ยังลังเล ไม่ตัดสินใจ หนึ่งในนั้นคือคุณสมเกียรติ ถนอมสินธุ์…”
“…ผมในฐานะอดีตหัวหน้าพรรค และคนบางนา จึงได้รับอาสาไปสอบถามคุณสมเกียรติ ว่าจะเดินทางไปต่อกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ เรามีการพูดคุยกันหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับคำตอบจากคุณสมเกียรติ มิหนำซ้ำคุณสมเกียรติยังกล่าวเหยียดหยามน้ำใจของอดีตแกนนำพรรคอนาคตใหม่ และตั้งแง่กับการทำงานต่อไปกับพรรคก้าวไกล…”
ดูจากไทม์ไลน์ “ธนาธร” คุยกับ “สมเกียตริ” หลังพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ตัวเองถูกตัดสิทธิทางการเมือง ๑๐ปี ไปแล้ว
แบบนี้ก็ได้ด้วยหรือ
ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ก็ยังไปคุยกับส.ส. ถามว่าจะยังอยู่กับพรรคต่อหรือไม่
บทบาทนี้ของ “ธนาธร” คืออะไร?
เป็นคนนอก แทรกแซง ครอบงำ พรรคก้าวไกล ทั้งๆ ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองไปแล้วใช่หรือไม่
ใครคือคนสั่งการให้เอา “โตโต้ ปิยรัฐ จงเทพ” ผู้ต้องหา ม.๑๑๒ เป็นผู้สมัครส.ส. เขตบางนา-พระโขนง ของพรรคก้าวไกล
ใช่กรรมการบริหารพรรคแน่นะ
