ผักกาดหอม
วานนี้ (๔ มีนาคม) อยากเห็นพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล
“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เป็นนายกฯ
วันนี้ก็เลยเข้าไปดูนโยบายพรรคก้าวไกลในเว็บไซต์ของพรรค
ก็ตามที่รู้กันครับ พรรคก้าวไกลถอดนโยบายแก้ ม.๑๑๒ ออกไปแล้ว
นโยบาย ไฮไลต์ ของพรรคซึ่งก็คือนโยบายหาเสียง จึงไม่มีอะไรหวือหวา สร้างความวิตกกังวลให้แก่ประชาชนโดยรวมแต่อย่างใด อาทิ…
รัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ
ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร
เงินเด็กเล็ก เดือนละ ๑,๒๐๐ บาท
ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทุกปี เริ่มทันทีวันละ ๔๕๐ บาท
เงินผู้สูงวัยเดือนละ ๓,๐๐๐ บาท
น้ำประปาดื่มได้ทุกพื้นที่
เลือกตั้งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด
ตรวจสุขภาพประจำปี ฟรีทั้งค่าตรวจ-ค่าเดินทาง
กำหนดเพดานปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายอุตสาหกรรม เปิดตลาดค้าขายแลกเปลี่ยน (cap & trade)
“ค่าไฟแฟร์” ถูกและเป็นธรรมสำหรับประชาชน
เพิ่มแต้มต่อให้ SME: หวยใบเสร็จ ซื้อของร้านค้ารายย่อย ทั้งคนซื้อคนขายได้หวย ลุ้นรวยเงินล้าน เป็นต้น
ภาพรวมไม่แตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นๆ มากนัก
เหลือเชื่อ! แค่ตัดนโยบายแก้ ม.๑๑๒ ออก พรรคก้าวไกล กลายเป็นพรรคการเมืองที่ไม่มีแนวคิดล้างผลาญขึ้นมาในทันที
ก็เปิดดูไปเรื่อยครับ
มาสะดุดตรงนโยบายหลัก “ประชาธิปไตยเต็มใบ” ที่ซอยย่อยตั้งแต่ นโยบายยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ยันนโยบาย ผ้าอนามัยไม่เก็บ VAT แจกฟรีในโรงเรียน ปรับปรุงกฎหมายต่อต้านความรุนแรงทางเพศ
ที่เป็นประเด็นอยากนำมาเล่าสู่กันฟัง ไม่ใช่การต่อต้านความรุนแรงทางเพศครับ เพราะพรรคก้าวไกลสอบตกนโยบายนี้ไปแล้ว
แต่เป็นนโยบายเกี่ยวกับกองทัพ ซึ่งมีอยู่หลายนโยบาย
ในแต่ละนโยบายจะเริ่มจากสภาพปัญหา แล้วไปจบที่ ข้อเสนอ
เช่นนโยบาย “เอาทหารออกจากการเมือง”
พรรคก้าวไกลอธิบายถึงปัญหาว่า
“…ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยตลอด ๙๐ ปีที่ผ่านมา หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ ทหารและกองทัพได้เข้ามาแทรกแซงและทำลายพัฒนาการของประชาธิปไตยมาโดยตลอด ทั้งจากการแทรกแซงที่โจ่งแจ้งที่สุดของกองทัพอย่างการทำรัฐประหารและการสืบทอดอำนาจที่ตามมา
อีกทั้งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทหารและกองทัพยังคงมีอิทธิพลทางการเมืองผ่านโครงสร้างรัฐที่จัดวางอำนาจของกองทัพให้อยู่เหนือรัฐบาลพลเรือนในหลายกระบวนการตัดสินใจ ทั้งในเชิงความความสัมพันธ์เชิงอำนาจ ตลอดจนในมิติของธุรกิจการเมือง หรือแม้กระทั่งความเป็นอำนาจนิยมของระบบทหารไทยซึ่งส่งผลลบต่อประเด็นว่าด้วยสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย
ยิ่งไปกว่านั้นกองทัพถือได้ว่าเป็นหน่วยงานที่มีการใช้งบประมาณสูงเป็นลำดับต้นๆ ของภาครัฐไทยในแต่ละปี โดยงบประมาณกองทัพที่ผ่านมาเคยขึ้นไปสูงที่สุดที่ ๒๒๗,๐๐๐ ล้านบาทในปี ๒๕๖๒ ดังนั้นการลดขนาดกองทัพ และปฏิรูปให้เกิดประสิทธิภาพจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน เพื่อให้งบประมาณที่สิ้นเปลืองดังกล่าวถูกเปลี่ยนถ่ายสู่สวัสดิการและประโยชน์ที่แท้จริงของประชาชนอย่างยั่งยืน…”
จากนั้นเป็นข้อเสนอ
พรรคก้าวไกลเสนอว่า “…ต้องแจกใบแดงนายพลให้ห้ามดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นเวลา ๗ ปี หลังออกจากราชการ เพื่อไม่ให้เกิดการแทรกแซงการเมืองโดยกองทัพ หรือโดยอดีตนายพลที่ยังคงมีสายสัมพันธ์ในกองทัพ (ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับที่สหรัฐอเมริกาใช้สำหรับตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม)…”
กองทัพอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน ยกเลิกสภากลาโหม
ตั้งผู้ตรวจการกองทัพ ประชาชนตรวจสอบกองทัพได้
ยกเลิกศาลทหาร
ลดขนาดกองทัพ ๓๐-๔๐%
ลดจำนวนนายพล ตัดสิทธิพิเศษที่ไม่เป็นธรรม
ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร
ปฏิรูปการศึกษาทหาร
นำเข้ายุทโธปกรณ์ ต้องจ้างงาน-โอนถ่ายเทคโนโลยี (Defence Offset)
คืนที่ดินกองทัพให้ประชาชน
เพิ่มสวัสดิการทหารชั้นผู้น้อย ปลอดภัย-มั่นคง-มีอนาคต
ยุบ กอ.รมน.
ยกเลิกการประกาศกฎอัยการศึกในชายแดนใต้
แก้ไขกฎหมายความมั่นคงพิเศษ
ครับ…ประเด็นมันอยู่ตรงที่ทุกปัญหา พรรคก้าวไกลระบุว่ามาจากสภาพปัญหาเดียวกันหมด
ขึ้นต้นด้วยประโยคว่า “…ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยตลอด ๙๐ ปีที่ผ่านมา…” เรื่อยไปจนจบด้วยประโยค “เพื่อให้งบประมาณที่สิ้นเปลืองดังกล่าวถูกเปลี่ยนถ่ายสู่สวัสดิการและประโยชน์ที่แท้จริงของประชาชนอย่างยั่งยืน…” เหมือนกันทุกตัวอักษร
คือการก๊อปปี้ ข้อความทั้งหมดมาวางไว้เพื่ออธิบาย สภาพปัญหาในทุกนโยบายที่เกี่ยวข้องกับกองทัพ
เช่น การยกเลิกการประกาศกฎอัยการศึกในชายแดนใต้ ก็ใช้ข้อความอธิบายสภาพปัญหาเหมือนกันกับ นโยบายคืนที่ดินกองทัพให้ประชาชน
“เอาทหารออกจากการเมือง” ก็มาจากสภาพปัญหาเดียวกับ นโยบาย “ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร”
เป็นไปได้หรือครับ
มันสะท้อนการเขียนนโยบายแบบลวกๆ หรือไม่เข้าใจสภาพปัญหา
ไม่ดูถูกด้อมส้มไปหน่อยหรือครับ ให้อ่านนโยบายก๊อปปี้มาวางเพื่อให้เต็มๆ หน้าเว็บไซต์
แต่…นี่ยังไม่แปลกครับ
พรรคก้าวไกลยังมีนโยบายเด็ดๆ เช่น…
ผ้าอนามัยไม่เก็บ VAT แจกฟรีในโรงเรียน
พระเลือกตั้งได้
ขายเหล้าได้ตลอดวัน ยกเลิกการห้ามขายเหล้า-ฆ่าสัตว์ในวันพระ
อาคาร-สิ่งก่อสร้างยึดหลักการออกแบบเพื่อทุกคน
ทั้งหมดนี้มาจากสภาพปัญหาเดียวกันคือ…
“…คนเท่ากันในนิยามของพรรคก้าวไกล คือการที่ทุกคนเกิดมาและเติบโตในสังคมที่พวกเขามีโอกาสเข้าถึงทรัพยากรของรัฐอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ถูกจำกัดด้วยเพศ ศาสนา ความบกพร่องทางร่างกาย เป็นต้น
ที่ผ่านมาความเท่าเทียมในมิติทางสังคมของประเทศไทยเต็มไปด้วยปัญหา ทั้งโอกาสของการสมรส การรับบุตรบุญธรรม การถูกคุกคามทางเพศ ตลอดจนการเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการของผู้พิการ ดังนั้น การยกระดับสังคมด้วยนโยบายที่สร้างความเสมอภาคให้คนเท่ากันจึงมีควมจำเป็นอย่างยิ่งต่อการสร้างสังคมไทยที่โอบรับทุกคนให้เป็นส่วนหนึ่งของสังคมอย่างเสมอหน้า…”
“ผ้าอนามัยไม่เก็บ VAT แจกฟรีในโรงเรียน” กับ “พระเลือกตั้งได้” มันคือปัญหา ที่มาจากสภาพปัญหาเดียวกันได้อย่างไร
“ขายเหล้าได้ตลอดวัน ยกเลิกการห้ามขายเหล้า-ฆ่าสัตว์ในวันพระ” กับ “อาคาร-สิ่งก่อสร้างยึดหลักการออกแบบเพื่อทุกคน” ก็เพื่อความเท่าเทียมสินะ
เข้าไปแก้ไขให้มันถูกต้องเถอะครับ ตั้งใจเขียนกันหน่อย แยกย่อยให้ตรงประเด็น อย่าตัดแปะ
สงสารด้อมส้ม