สับปลับบุรุษ #ผักกาดหอม

ฉะนั้นในคำพูดของ "นักโทษชายทักษิณ" ไม่มีอะไรเชื่อถือได้เลย หลังจากนี้หากมีการสับปลับ ก็ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ เพราะมันคือ ดีเอ็นเอ ทักษิณ

ผักกาดหอม

จับตาดูดีๆ นะครับ

“นักโทษชายทักษิณ” ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นมาแล้วกับการ ไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว จากคดีคอร์รัปชัน โกงบ้านกินเมือง

จะประสบความสำเร็จซ้ำ หลุดจากคดี ม.๑๑๒ ในชั้นอัยการหรือไม่?

เริ่มมีการตั้งข้อสังเกตกันแล้ว เพราะหากจะหลุดก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา ก็หลุดในชั้นอัยการนี่แหละครับ

มีคำอธิบายที่เป็นเหตุเป็นผลจาก “เชาว์ มีขวด” อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ มีอาชีพเป็นทนายความ รู้แท็กติกบนโรงบนศาลเป็นอย่างดี

“…การที่คุณทักษิณเพิ่งออกมาเปิดประเด็นใหม่ หลังใช้อาการป่วยมาเป็นเหตุผลให้การส่งฟ้องเลื่อนออกไป เห็นได้ชัดว่าเป็นเทคนิคทางกฎหมาย ที่จะอ้างว่ามีข้อเท็จจริง พยานหลักฐานต่างไปจากเดิม เพื่อให้มีการรับเรื่องขอความเป็นธรรม สอบสวนเพิ่มเติม ในวันที่ ๑๘ มิถุนายนนี้

ถ้ามีการรับเรื่องขอความเป็นธรรม ต่อลมหายใจให้คุณทักษิณ อัยการสูงสุดต้องมีคำชี้แจงที่ชัดเจนต่อสาธารณะ ว่ามีหลักฐานพยานใหม่อย่างไร

ถ้าผู้ต้องหาใช้วิธีการแบบนี้ ยื้อ ประวิงเวลาไปเรื่อยๆ ความเป็นธรรมจะอยู่ตรงไหน ดังจะเห็นได้จากกรณีบอส อยู่วิทยา ที่ทำให้องค์กรอัยการได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียงมาแล้ว

ผมคิดว่าอย่าวิจารณ์กันไปไกลว่าจะได้ประกันตัวหรือไม่ได้ประกันตัวเลยครับ

แต่ให้จับตาหมากกลซ่อนเงื่อนเทคนิคทางกฎหมาย และการใช้ดุลพินิจของอัยการให้ดี

เผลอๆ อาจจะหลุดในชั้นอัยการเป็นไปได้

ดูคดีของนายอิทธิพล คุณปลื้ม เป็นตัวอย่าง ส่งสำนวนกระชั้น ส่งฟ้องช้า จนเป็นเหตุให้นำตัวจำเลยส่งฟ้องไม่ทัน

ทั้งอัยการและ ป.ป.ช.ทำขึงขังขอออกมาจับใหม่ สุดท้ายก็ไปหลุดในชั้นศาล

เทคนิคทางกฎหมายเหล่านี้คนธรรมดาทำไม่ได้หรอกครับ มีแต่คนที่มีอำนาจวาสนาเท่านั้น ที่ทำให้กระบวนการยุติธรรมตั้งต้นบิดเบี้ยวได้…”

ครับ…เรื่องมันเคยเกิด

ก็ไม่แน่ว่าจะเกิดซ้ำอีกหรือไม่

คดี “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” ขับรถชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี ๒๕๕๕ มีการมอบหมายให้ทนายไปยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการถึง ๑๔ ครั้ง

ปัจจุบัน “บอส” ยังหลบหนีหมายจับ

และเหลือข้อหาเดียว คือ การขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑ มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน ๑๐ ปี มีอายุความ ๑๕ ปี

จะหมดอายุความในอีก ๓ ปีข้างหน้า

หากคดี “นักโทษชายทักษิณ” ซ้ำรอยคดี “บอส” ภาพพจน์สำนักงานอัยการสูงสุดจะดำดิ่งอีกครั้ง ฉะนั้นหากเกิดเรื่องตามที่ “ทนายเชาว์” ว่า ความเชื่อมั่นในอัยการจะดิ่งเหว จนยากที่จะกอบกู้ใหม่แน่นอน

ใครที่คิดจะทำอะไรเพื่อคนคนเดียวพึงสังวร

อนาคตราชการจะดับวูบในทันที

กรรมสมัยนี้มันติดจรวด

พูดถึง “นักโทษชายทักษิณ” เมื่อย้อนกลับไปดูเสียงออดอ้อนขอกลับไทย มุมหนึ่งก็น่าสงสารครับ

ชายแก่ถอดเขี้ยวเล็บ อยากกลับมาเลี้ยงหลานในบั้นปลายของชีวิต

ไม่ได้พูดครั้งเดียวนะครับ

แต่ย้ำๆ เรื่องเลี้ยงหลานอยู่หลายต่อหลายครั้ง

หากไม่นับช่วงที่ยังพูดจาพาดพิงไปถึงเบื้องสูง จะพบว่าในวันที่ “นักโทษชายทักษิณ” มั่นใจแล้วว่าจะได้กลับไทยแน่ๆ สำนวน สำเนียง ที่ใช้ไม่มีพิษมีภัยเลย

ผิดกับช่วงเผาบ้านเผาเมือง วิดีโอลิงก์ให้คนเสื้อแดงฟังอย่างดุเดือด

“ถ้าเมื่อไหร่ เสียงปืนแตก ทหารยิงประชาชน ผมจะเข้าไปนำพี่น้องเดินเข้ากรุงเทพฯ ทันที”

แต่ก็ไม่มาหรอกครับ

คนเสื้อแดงจำนวนมากถูกหลอก หลายคนต้องติดคุก เพราะคึกตามคำพูดของ “นักโทษชายทักษิณ”

หลังเหตุการณ์เผาเมืองหมาดๆ ก็ยังบอกว่าจะกลับอย่างเท่ๆ

เริ่มจะคิดกลับมาเลี้ยงหลานก็ วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔ วิดีโอคอลให้สัมภาษณ์ว่า อยากกลับมาเลี้ยงหลาน ไม่เล่นการเมือง มีแต่ห่วงบ้านเมืองเท่านั้น

แต่ก็ยอมรับว่า “จะกลับเมืองไทยเมื่อไหร่นั้น มันไม่ใช่ผมเป็นคนกำหนด”

จากนั้นพูดมาเรื่อยครับ โดยเฉพาะ ในรายการ CARE Talk x CARE ClubHouse ที่จัดโดยคนของพรรคเพื่อไทย

๒๙ มิถุนายน บอกว่า “ผมกลับแน่ แต่เมื่อไหร่ค่อยบอก”

๑๓ กรกฎาคม ยืนยันอีกครั้งว่า “ผมกลับไทยแน่ แต่จะบอกเวลาอีกที ยังไง ไปสุวรรณภูมิ ออกประตูหน้า ไม่ใช่ประตูหลัง”

กระทั่งปี ๒๕๖๕ เริ่มตั้งแต่วันที่ ๔ มกราคม บอก ๔ เงื่อนไข ขอกลับบ้านว่า

๑.อยากเลี้ยงหลานในเวลาที่เหลือ

๒.ใครเป็นรัฐบาลก็ช่าง ถ้าอยากให้ช่วยคิดแก้ปัญหาให้ พร้อมไม่คิดเงิน

๓.จะรับจ้างบรรยายให้โอเลี้ยงแก้วหนึ่งก็พอ

๔.จะไปชวนบรรดาเศรษฐีในเมืองไทย มาลงขันช่วยส่งเสริมสตาร์ทอัป

ถัดมา ๒๖ กรกฎาคม “นักโทษชายทักษิณ” ได้ปล่อยคลิปสัมภาษณ์จากดูไบ

เนื้อหา บอกว่าให้อภัยศัตรู

พร้อมระบุเหตุผลที่อยากกลับบ้าน เพราะ “เห็นคุณหญิง (คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์) ผมสงสารคุณหญิง ผมตัดสินใจที่จะกลับเมืองไทย เพราะคุณหญิงรับภาระมาเยอะ รับภาระแทนผมมาเยอะ สงสาร เมื่อกลับไปแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่าง ได้กลับไปอยู่กับครอบครัวแล้ว มันก็จบ ทุกอย่าง”

๑๓ กันยายน พูดในรายการ CARE Talk อีกครั้งว่า “ไม่ต้องคิดว่าผมจะให้รัฐบาลเพื่อไทยเสนอนิรโทษกรรม ไม่มีแน่นอน มีหมากชั้นเดียวตื้นๆ คือกลับ หรือไม่กลับ ดังนั้น นักวิเคราะห์ทั้งหลายอย่าคิดเยอะ”

๑๙ กันยายน คราวนี้โพสต์แสดงความเห็นผ่านโซเชียล วาระครบรอบ ๑๖ ปี การรัฐประหาร

“ผมเอง ๗๓ ปีแล้ว ก็ยังอดห่วงอนาคตประเทศและลูกหลาน ไม่นานคงจะได้กลับไปเลี้ยงหลานและแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ให้กับสังคมไทยเท่าที่กำลังกายและกำลังสมองยังดีอยู่ ด้วยเคารพรักและห่วงใย”

๒๕ ตุลาคม พูดกล่าวผ่านรายการ CARE Talk ว่า “อยากกลับไปเลี้ยงหลาน ตอนนี้น่าจะใกล้ถึงเวลาแล้ว ได้กลับแน่ แต่รออีกนิดนึง”

มาถึงปี ๒๕๖๖ ปีที่ “นักโทษชายทักษิณ” เดินทางกลับไทย ได้ให้สัมภาษณ์ สำนักข่าว เกียวโด นิวส์ (Kyodo News) ในเดือนมีนาคมว่า

“กำลังรอเวลาเดินทางกลับไทย มีความเป็นไปได้ว่าจะอยู่ในช่วงปีนี้ ตอนนี้ผมได้รับโทษในคุกขนาดใหญ่เป็นเวลา ๑๖ ปีแล้ว เพราะพวกเขากีดกันผมไม่ให้อยู่กับครอบครัว ได้รับความทุกข์ทรมานมามากพอแล้ว ถ้าหากต้องกลับไปทุกข์ทรมานในคุกเล็กๆ มันไม่เป็นไร ความจริงแล้วนี่ไม่ใช่ราคาที่ผมเองต้องจ่าย แต่จำเป็นต้องจ่ายเพราะอยากอยู่กับหลานๆ ผมควรใช้เวลาที่เหลือของชีวิต อยู่กับลูกๆ และหลานๆ ของผม”

“ผมบอกลูกสาวว่า อย่าอนุญาตให้เพื่อไทย ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ ผมไม่ต้องการ สิ่งเหล่านั้นมันไม่ได้ทำให้ผมมีความสุข”

๑ พฤษภาคม “นักโทษชายทักษิณ” โพสต์ข้อความในสื่อโซเชียลว่า “เช้าวันนี้ ผมดีใจมากที่ได้หลานคนที่ ๗ เป็นชาย ชื่อ ธาษิณ จากน้องอิ๊งค์ แพทองธาร หลานทั้ง ๗ คน คลอดในขณะที่ผมต้องอยู่ต่างประเทศ ผมคงต้องขออนุญาตกลับไปเลี้ยงหลาน เพราะผมอายุจะ ๗๔ ปี กรกฎานี้แล้ว พบกันเร็วๆ นี้ครับ ขออนุญาตนะครับ”

๙ พฤษภาคม โพสต์อีกครั้งว่า “ผมขออนุญาตอีกครั้ง ผมตัดสินใจแล้วว่าจะกลับบ้านไปเลี้ยงหลานภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ก่อนวันเกิดผมครับ ขออนุญาตนะครับ เกือบ ๑๗ ปีแล้วที่ต้องพลัดพรากจากครอบครัว ผมก็แก่แล้วครับ”

และก่อนกลับโพสต์ว่า

“…ไม่ต้องกังวลว่าผมจะเป็นภาระพรรคเพื่อไทย ผมจะเข้าสู่กระบวนการกฎหมายและวันที่ผมกลับยังเป็นช่วงรัฐบาลรักษาการของ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ ทั้งหมดคือการตัดสินใจของผมเองด้วยความรักผูกพันกับครอบครัวแผ่นดินเกิดและเจ้านายของเรา…”

จะเห็นว่า “นักโทษชายทักษิณ” เน้นอยู่ ๒ ประเด็นหลัก

คือกลับมาเลี้ยงหลาน

กับห้ามนิรโทษกรรมให้ตนเอง

แต่คนกลับมาเลี้ยงหลานแทบไม่พูดถึงหลานเลย กลับเดินสายอวดบารมีทางการเมือง

ขณะที่พรรคเพื่อไทยเริ่มมีความชัดเจนเรื่องการออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่รวม ม.๑๑๒ ด้วย หลัง “นักโทษชายทักษิณ” ถูกอัยการสั่งฟ้องคดีดังกล่าวนี้

ฉะนั้นในคำพูดของ “นักโทษชายทักษิณ” ไม่มีอะไรเชื่อถือได้เลย

หลังจากนี้หากมีการสับปลับ ก็ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ

เพราะมันคือ ดีเอ็นเอ ทักษิณ

Written By
More from pp
คคก.ระบบสุขภาพปฐมภูมิ รับทราบผลการประเมิน อบจ.ในการรับถ่ายโอน รพ.สต.ย้ำจัดแนวทางเปลี่ยนผ่านอย่างไร้รอยต่อ ไม่ให้กระทบการบริการประชาชน
ที่ประชุมคณะกรรมการระบบสุขภาพปฐมภูมิ รับทราบผลการประเมินองค์การบริหารส่วนจังหวัดในการรับถ่ายโอน รพ.สต. ย้ำต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแนวทางให้เกิดการเปลี่ยนผ่านอย่างไร้รอยต่อมากที่สุด ไม่ให้กระทบต่อการบริการและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน พร้อมให้เร่งรัดจัดตั้งกองระบบสุขภาพปฐมภูมิ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการบริหารนโยบาย
Read More
0 replies on “สับปลับบุรุษ #ผักกาดหอม”