ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
“โดยส่วนตัวผมเองแล้ว ผมเจียมตัวและเจียมใจเสมอ..
ไม่เคยมีความทะเยอทะยานทางการเมือง และไม่เคยมักใหญ่ใฝ่สูงที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี
การเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นไม่สนุกและเหนื่อย แต่เมื่อต้องเข้ามารับหน้าที่แล้ว ผมก็พร้อมที่จะเหนื่อยและทำงานอย่างเต็มที่ พร้อมที่จะเผชิญปัญหาต่างๆ ทุกอย่างด้วยความกล้าหาญและอดทน”
พี่น้องที่รักทั้งหลายครับ
“การทำงานของรัฐบาลหรือของใครก็ตามย่อมมีสิ่งที่สำคัญสองสิ่งเกิดขึ้นเสมอ คือคำชมเชยกับตำหนิ
ทั้งสองสิ่งดังกล่าวนี้จะมากจะน้อย จะหนักจะเบา ขึ้นอยู่กับผู้มองที่มีวิจารณญาณและมีคุณธรรมในการพิจารณา คำติติงต่างๆนั้นความจริงแล้วเป็นเรื่องที่ดี เพราะทำให้เราได้มองตัวเองบ้าง
ผมบอกกับเพื่อนร่วมงานเสมอว่า เราจะต้องไม่ถือเอาคำตำหนินั้นๆ มาทำให้เราเกิดความท้อถอย เหนื่อยหน่าย ไม่อยากทำงาน เพราะไม่ทำให้เกิดประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองแต่อย่างใดทั้งสิ้น
เราทำทุกวันนี้ไม่ใช่ทำเพื่อตัวเราเอง แต่เราทำเพื่อแผ่นดินที่เราอาศัยอยู่และอาศัยเกิดมาเป็นคน เราเป็นหนี้แผ่นดินนี้อยู่
สิ่งที่ผมและรัฐบาลของผมได้พยายามกระทำมาตลอดระยะเวลาที่รับผิดชอบอยู่ก็เพื่อสิ่งต่างๆเหล่านี้ เพื่อนำมาซึ่งความมั่นคงของประเทศและความผาสุกของประชาชนเป็นสำคัญ
ผมคิดว่าการบริหารงานของรัฐบาลที่ผ่านมาแล้วนี้ได้สร้างสภาวะแวดล้อมที่เกื้อกูลต่อการพัฒนาในทุกๆด้าน สามารถลดความไม่สงบทั้งหลายลงได้อย่างน่าพอใจ
แม้ปัญหาพื้นฐานต่างๆจะยังไม่บรรลุผลสำเร็จโดยสมบูรณ์ในขณะนี้ แต่ก็ได้วางรากฐานอันสำคัญไว้ และเอื้ออำนวยให้การพัฒนาประเทศในทุกด้านได้ดำเนินไปอย่างราบรื่นและมั่นคง
ผมขอขอบพระคุณเพื่อนร่วมงานในคณะรัฐบาลชุดต่างๆที่เคยทำงานด้วยกันมากับผมทุกคน ขอขอบพระคุณพรรคการเมืองต่างๆที่ได้กรุณาไปเชิญผมให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีก
ผมได้เรียนหัวหน้าพรรคการเมืองเหล่านั้นไปว่า..
ผมพอแล้ว”!
ครับ..อย่าเพิ่งตกอก-ตกใจ ใช่คำพูดของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซะที่ไหน นี่เป็นคำกล่าวของพล.อ.เปรม ติณลสูลานนท์ รัฐบุรุษ-อดีตประธานองคมนตรี-อดีตนายกรัฐมนตรี..
ที่ได้บันทึกไว้ในหนังสือ“รัฐบุรุษชื่อเปรม” น่ะ!
และที่ผมนำมาให้ผู้อ่านได้อ่าน ก็ไม่ได้มีนัยแอบแฝง เพียงแต่เห็นข่าวการเมืองในห้วงวันสองวันนี้แล้ว ทำให้ใจประหวัดคิดไปถึงวลีอมตะ “ผมพอแล้ว” ของป๋าเปรมขึ้นมาก็เท่านั้น!
ส่วนนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน อย่าได้ห่วงท่านเลย..ท่านจะพอแล้ว หรือท่านจะไปต่อ ถึงเวลาท่านก็จะบอกเอง!
ท่องไว้..กรุงรัตนโกสินทร์ไม่สิ้นคนดี สำคัญเพียงว่า เราจะส่งเสริม-สนับสนุนคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง..
และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้อย่างไรเท่านั้นแหละ!
ดูนั่น..มัน (กำลัง) จะมาอีกแล้ว!