นายวุฒิกร สติฐิต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่เป็นปัญหาสำคัญของประเทศในช่วง 2–3 ปีที่ผ่านมา ปตท. ตระหนักถึงผลกระทบที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของประชาชน
ซึ่งนอกจากการส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นพลังงานสะอาดแล้ว ปตท. ขอเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมติดตามสถานการณ์
โดยได้ต่อยอดนำนวัตกรรมเครื่องวัดค่าฝุ่น PM 2.5 มาติดตั้งในพื้นที่อุตสาหกรรมตามแนวท่อจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ สถานีบริการก๊าซธรรมชาติหลักเอ็นจีวี รวมถึงพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอื่นๆ แล้วกว่า 100 จุด ตามแผนที่วางไว้ในปี 2564 ครอบคลุมพื้นที่ 12 จังหวัด
ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ปทุมธานี สระบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง ราชบุรี นครราชสีมา ปราจีนบุรี นครปฐม และพระนครศรีอยุธยา พร้อมมีแผนการขยายผลไปยังพื้นที่อุตสาหกรรมอื่น ๆ อีกกว่า 200 จุด ในปี 2565 เพื่อให้ผู้ประกอบการในบริเวณที่มีอุปกรณ์ติดตั้งอยู่ ได้ตระหนักและรับรู้ถึงสถานการณ์และปริมาณค่าฝุ่นละอองในพื้นที่
โดยเครื่องวัดค่าฝุ่น PM 2.5 ที่นำมาติดตั้งนั้น นอกจากจะเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาจากสถาบันนวัตกรรม ปตท. แล้ว ยังเปิดรับความร่วมมือด้านนวัตกรรมกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีความเชี่ยวชาญด้วย ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นอุปกรณ์ตรวจวัดคุณภาพอากาศและปริมาณฝุ่นด้วยระบบ Sensor พร้อมส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายไร้สาย และแสดงผล Real Time ผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการอ่านและวิเคราะห์ผล
ปตท. มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมตามวิสัยทัศน์ “Powering Life with Future Energy and Beyond” และขอเป็นส่วนหนึ่งในการลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ด้วยการสนับสนุนการใช้ก๊าซธรรมชาติในภาคการผลิตไฟฟ้า ภาคอุตสาหกรรม และภาคขนส่ง พร้อมการให้บริการด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยปัจจุบัน ปตท. มีการขยายการให้บริการก๊าซธรรมชาตินอกแนวท่อ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ประกอบการในการใช้พลังงานสะอาด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทย