เปลว สีเงิน
มันเป็นอะไรที่ “เยี่ยมมาก”!
สำหรับทีม “ช้างศึก” ไทย
ที่แซงซ้ายเวียดนามแบบมีมรรยาท เข้าไปชิง AFF SUZUKI CUP 2020 กับอินโดนีเซีย “นัดแรก” พรุ่งนี้(๒๙ ธค.๖๔)
ถือเป็นของขวัญ “ส่งท้ายปี” จากนักเตะไทย ที่ผู้รับคือคนไทยทุกคน “ถูกใจ” และมี “ความสุข” ม้ากกกกก
จะมากยิ่งขึ้น …….
ถ้าพรุ่งนี้ เสยอินโดฯ หงายท้อง-หงายไส้ อย่างที่เคยเสยมาแล้ว ๓ ครั้ง ในปี ๒๕๔๓, ๒๕๔๕ และปี ๒๕๕๙
และจะถึงขั้น กรี๊ดดดดสลบ
ถ้าใน “รอบสอง” วันที่ ๑ มกรา.ช้างศึกเสยล่าง-เสยบน “เสียบอิเหนา” ให้ด่าวดิ้นคากริช
ไทย “แชมป์ AFF SUZUKI CUP 2020”
นั่นจะเป็น “ของขวัญปีใหม่” ต่อให้หมื่นพลุ-แสนตะไล จุดฉลอง ก็ยังไม่ฟู่ฟ่า-สว่างฟ้า เท่าความสว่างจ้าสมใจพี่น้องคนไทยเท่า “ช้างศึก แชมป์..แชมป์…แชมป์”
ก็ “ฟุตบอลมันอยู่ในสายเลือด” นี่ครับ!
แต่อะไรก็ช่าง ที่ต้องชมก่อนว่า นี่คือ อานิสงส์ของ “ไทยลีก”
ถ้าไม่มีไทยลีก ก็ยากที่ไทยจะสร้างนักเตะมาให้หลอมเป็น “ทีมชาติ” ที่เพียบพูนด้วยฝีเท้า และแสนงาม ด้วยสปิริตนักกีฬา
เท่าที่ผมสังเกตปฏิริยาชาวอาเซียน ดูเขาสะใจมากกับการที่ไทยดับอหังการทีมดาวทอง ที่เวียดนามคุยไปทั่วเจ็ดคุ้งน้ำ ว่าเขาคือ ๑ ในอาเซียน ที่ไม่มีใครล้มได้
จากที่ดู ๒ นัด ไทยพบเวียดนาม…
นักเตะทีมดาวทองเขาก็เล่นหนักและเล่นดีตามสไตล์ของเขานะ ผมว่าก็ “สมราคาคุย”
แต่ที่คนหมั่นไส้ น่าจะมาจากโคชเกาหลี “ปาร์ค ฮัง ซอ” มากกว่า เพราะดูแกจะไม่รักษาฟอร์มโค้ชซักเท่าไหร่
พอถูกนักเตะไทยสอนแท็กติก “วัน ทัช” บอล เข้าเท่านั้นแหละ
พี่แกกลบเกลื่อนราคา “เบอร์ ๑ อาเซียน” ด้วยการเล่นงิ้วเกาหลี ว๊ากอยู่ข้างสนาม เหมือนกุ๊ย ไม่เหลือฟอร์มโค้ชเอาเลย!
ก็อย่างที่บอก “เวียดนามกับไทย” กอดคอคุยกันได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องเดียวคือ “เรื่องฟุตบอล”
ฉะนั้น ไม่แปลกที่แฟนบอลเวียดนามจะโกรธควันออกตูด แล้วโพสต์เกรี้ยวกราดพาลด่าไปทั่ว อย่างที่เห็น
แต่อย่าไปโกรธตอบและตอบโต้อะไรเพื่อนเลย ใจเขา-ใจเราน่ะ ตอนเราแพ้ก็เคยเป็นแบบนี้เหมือนกัน ดีกว่าเขาหน่อย ตรงโค้ชไทยไม่เคย “ตลาดล่าง” เหมือนเฮียปาร์คหัวร้อน
ก็ใช่ว่าแฟนบอลเวียดนามจะไร้เหตุผลไปเสียทั้งหมด ที่ดูบอลแบบกีฬา มีสปิริต มีมุมมองในเกม ก็มีอยู่
ผมดูในยูตู๊ปที่เขาแปลคอมเมนต์ให้ฟัง มีหลายราย มุมมองเขา แหลมคมน่านับถือ เช่น รายนี้
“ไทยนั้นเข้าใจเกมของเวียดนามมากๆ และโพลกิ้งเองก็เพิ่งกลับจากเวียดนามใหม่ๆ ด้วย แต่มีส่วนช่วยให้ไทยได้เล่นในสไตล์ที่ถนัดไม่มากก็น้อย ไทยอ่านแผนของเราได้หมดเลยในเกมนี้ แต่เราเล่นกันได้ดีที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรต้องเสียใจ”
อีกคอมเมนต์ เฮียปาร์คงแสบหนังหัว………
“ไทยยังเล่นได้ดีกว่าเวียดนาม พูดตรงๆ นะ คุณพัคนั้นเก่ง แต่เขาควรจบแล้วกับทีมเวียดนาม”
แค่ ๒ เมนต์ ก็ครอบคลุมบอลด”ไทย-เวียดนาม” ครบจบบริบูรณ์ ไม่ต้องพูดอะไรกันอีกแล้ว!
จะว่าไป “ปาร์ค ฮัง ซอ” แกก็มีสิทธิ์ผยอง เพราะนับจากเข้ามาเป็นโค้ชทีมชาติเวียดนาม เมื่อปี ๒๕๖๐
ทีมดาวทองของแก ไม่แพ้ใครเลย แม้กับไทยใน ๕ นัด เวียดนามอัดไทยหงายท้องไป ๓ เสมอกันแค่ ๒
และ “แชมป์ ซูซูกิ คัพ” ปีล่าสุด ก็คือเวียดนาม!
การที่ไทยอัดทวารดาวทองไป ๒ ลูกวานซืน “ตกบัลลังก์แชมป์อาเซียน” ดับฝันเข้าชิงหวังเป็นแชมป์ ๒ สมัย นั้น
มันก็น่าแค้นอยู่หรอก!
ฉะนั้น เพื่อนอยากระบายอะไร ก็ให้เพื่อนถะถั่งพรั่งพรูออกมาเถอะ
พูดกันตรงๆ ฝีเท้านักเตะเวียดนามไม่แพ้ไทยนะ ที่แพ้ครั้งนี้ ผมว่า ตามคอมเมนต์แรกแฟนบอลเวียดนามนั่นแหละ มีส่วนถูก ๗๐-๘๐%!
ในภาพรวม…….
-“ปาร์ค ฮัง ซอ” ผยอง จนประเมินนักเตะไทยต่ำไป
-นักเตะดาวทอง “กดดันตัวเอง” ที่ต้องแชมป์ จนเกิดอาการเกร็งและเล่น “ลนลาน” ไปหมด
ไทยดับดาวผยองดาวทองครั้งนี้ ยกเว้น “นักเตะช้างศึก” แล้ว
ต้องยกให้เป็นฝีมือโค้ช “มาโน่ โพลกิ้ง” กับผู้จัดการทีม “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ
“มาโน่ โพลกิ้ง” เป็นฝรั่งดำดินมาจากไหน พรวดเดียว “ติดตลาด”
พวกไม่ใช่ขาบอลอย่างผม จะไม่รู้จัก แต่พวกขาประจำเขารู้ เพราะไม่ใช่คนแปลกหน้า
https://www.siamsport.co.th เขาบอกไว้อย่างนี้
“มาโน่ โพลกิ้ง” กุนซือชาวเยอรมัน-บราซิล เข้ามาทำหน้าที่ผู้ฝึกสอนในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2012
โดยเริ่มจากการเป็นผู้ช่วยโค้ชของ วิลฟรีด เชเฟอร์ กุนซือใหญ่ทีมชาติไทย
ก่อนจะผันตัวไปคุมทีมระดับสโมสรในไทยยาวนานถึง 8 ปี ทั้ง อาร์มี่ ยูไนเต็ด, สุพรรณบุรี เอฟซี และ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด
ก่อนจะย้ายไปคุมทีม โฮจิมินห์ ซิตี้ ในศึกวีลีก ในฤดูกาล 2020/21″
ก็เป็นไปตามที่แฟนบอลเวียดนามคอมเมนต์เป๊ะเลย!
-“ไทยเข้าใจเกมของเวียดนามมากๆ และโพลกิ้งเองก็เพิ่งกลับจากเวียตนามใหม่ๆ”
-ไทยอ่านแผนของเราได้หมดเลยในเกมนี้”
เพราะมาโน่ “อ่านเวียดนาม” ทะลุถึงดากนั่นแหละ จึงวางแผนการเล่น “สอยดาวทอง” ร่วงผลอย
ในนัดที่ ๒ กับเวียดนาม ไทยแค่เสมอก็เข้าชิงแล้ว
ส่วนเวียดนาม ต้องเอาชนะอย่างเดียว แถมต้องยิงไทยให้ได้มากกว่า ๒ ลูกขึ้นไปด้วย จึงจะได้เข้ารอบ
มาโน่ “อ่านขาด” อยู่แล้ว……
รอบสอง เวียดนามต้องบุกแหลกแหกประตูตั้งแต่วินาทีแรกแหงๆ
พี่แกก็ให้สัมภาษณ์หลอกว่า “๒ ลูก ทีมไทยยังหวั่นใจ ยังไงๆ ก็ต้องขอตุนอีกซักลูก-สองลูก”
เฮียปาร์คแกก็ลูบหัวเหม่ง อย่างนี้ก็เข้าทางกู สั่งดาวทองลุยเลย เดี๋ยวไทยก็หลุด
แต่ปรากฏว่า เฮียมาโน่กลับใช้แผน “ยันพระกำแพง” รักษาสองลูก “เท่าทุน” ชนิดผิดคาด
เฮียปาร์ค ได้แต่เกาหัวเหน่งแกรกๆ ไปเท่านั้น!
ดูตามผลงานมาโน่ ไม่โดดเด่นในทางโค้ชนัก แต่จุดเด่นพิเศษ คือ
คลุกคลีนักเตะไทยเกือบทุกคนตามสโมสรต่างๆ มาก่อน จึงสามารถจัดทีม-วางแผนได้ลงตัว ทั้งที่มีเวลาแค่ ๒ เดือนเท่านั้น
และมีสายตาวิเคราะห์เกมเฉียบคม-ลุ่มลึก อ่านคน-อ่านเกมเวียดนามทะลุ จึงสามารถจัดนักเตะได้ตาม “กลยุทธ์-กลศึก”
แต่ที่ต้องให้เครดิตจริงๆจังๆ คือ “มาดามแป้ง”!
เพราะเชื่อแป้ง จึงมีวันนี้ สำหรับทีมช้างศึก เพราะมาดามแป้งนี่แหละเป็นคนชี้ขาดว่า
ไทย ถ้าจะแชมป์ซูซูกิ คัพ ต้อง “มาโน่ โพลกิ้ง” คนนี้เท่านั้น!
“กองทัพเดินด้วยท้อง” พุงอาจอืด เตะไม่ออกก็ได้
“มาดามแป้ง” เธอเจ๋ง
รู้ว่า “ขวัญ-กำลังใจ” เป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น จึงเห็นมาดามแป้ง “จัดหนัก-จัดเต็ม”
นักเตะช้างศึก ไม่ฮึกเป็น “ช้างศึก” ตกมันก็ให้มันรู้ไป ซึ่งก็ได้ผล ทุกคนเตะถวายหัว
ครับ…ก็เมาธ์กันสนุกๆ ตามประสา ๕ ปี ๑๐ ปี จะดูบอลซักครั้ง ดูแล้วเห็นอย่างไรก็ว่าไปอย่างนั้น
พรุ่งนี้ ๒๙ ธันวา.นัดแรก
๑ มกรา.อีกนัด “ไทย-อินโดฯ” ต้องเปิดช่อง ๗ สี ดูกันหน่อย ชนะก็แชมป์ แพ้ก็ให้อินโดฯ เขาบ้าง
เพราะไทย “ล้มแชมป์” เวียดนามสำเร็จแล้ว!
ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก
Madam Pang – มาดามแป้ง – นวลพรรณ ล่ำซำ