เปลว สีเงิน
นี่….ภูมิธรรม อยากถามคำ
คุณว่า การที่เขมรลอบเข้ามาวางกับระเบิดในเขตไทย เป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงมั้ย?
ถ้าคุณตอบว่า…ไม่
หมายความว่า รัฐบาลจะวางเฉยกับเขมร ปล่อยให้ทหารไทย “เสี่ยงบุญ-เสี่ยงกรรม” เอาเอง ในการลาดตระเวณพิทักษ์แผ่นดินแต่ละวันไปเรื่อยๆ อย่างนั้นใช่มั้ย?
ถ้าคุณตอบว่า “เขมรละเมิดทั้งข้อตกลงหยุดยิง ทั้งอนุสัญญาออตาวาที่ห้ามใช้กับระเบิด”
แล้วรัฐบาล มีมาตรการเด็ดขาดอย่างไรกับเขมร ทั้งระดับปฎิบัติการในพื้นที่ ทั้งระดับในเวทีสหประชาชาติ
โดยไม่เหมือนควายที่เอาแต่ยืนเคี้ยวเอื้อง?
และที่ว่าจะฟ้องฮุนเซนต่อ “ศาลอาญาระหว่างประเทศ” ฐานเป็นอาชญากรสงครามนั่นน่ะ
ฟ้องชาตินี้หรือชาติหน้า เอาให้แน่ซิ…ภูมิธรรม?
เมื่อวาน (๑๒ ส.ค.๖๘) “สิบเอก ธีรพล เพียขันที” ต้องขาขาดและบาดเจ็บไปอีก รวมเป็นรายที่ ๑๓ ด้วยกับระเบิดที่เขมรลอบวางแถวปราสาทเมือนตาธม
อย่างนี้แล้ว รัฐบาลจะเอายังไงกับเขมร ตัดสินใจช้าจัง ไม่เหมือนกรณี “เขากระโดง” เลย
เข้าไปนั่งมหาดไทยปุ๊บ ให้อธิบดีกรมที่ดินเพิกถอนโฉนดปั๊บ อธิบดีเขาไม่สนองการเมือง ขอย้ายตัวเอง ก็ไปเอาผู้ว่าฯแปดริ้ว มาตั้งแทนเพื่อสนอง
แล้วประกาศิต พรุ่งนี้ ต้องเพิกถอน ยึดที่ดิน ๕ พันกว่าไร่ให้กลับเป็นของรถไฟในทันที!
ทีงี้…ภูมิธรรมไวปานวอก กับเรื่องผลประโยชน์ทางการเมือง-การพรรคของตัวเอง
แต่ทีเรื่องปกป้องผลประโยชน์ชาติ ด้วยการเอาจริง-เอาจังกับเขมรที่ละเมิดข้อตกลงครั้งแล้ว-ครั้งเล่า
ภูมิธรรม นายกรักษาการไทย แต่ใจเผื่อแผ่ขมร!?
จึงไม่แปลกใจเลย ที่โพลนิด้า ประเด็น “ปกป้องผลประโยชน์ชาติ” ในกรณีความขัดแย้งชายแดนไทย-เขมร ผลโพลจึงออกมา
ประชาชนกว่า ๗๕.๗๓%
“ไว้วางใจกองทัพ” และ “ค่อนข้างไว้วางใจ” อีก ๑๙.๓๑%
ในขณะที่ รัฐบาลเพื่อไทย มีประชาชนเพียง ๔.๖๖%ที่ “ไว้วางใจมาก” และ “ค่อนข้างไว้วางใจ” ๑๑.๔๕%
แต่สูงถึง ๕๔.๕๘% ระบุว่า…
“ไม่ไว้วางใจรัฐบาลเลย” และ “ไม่ค่อยไว้วางใจ” อีก ๒๙.๐๑%
มันเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่ต่างส้นเท้ายันก้นว่า…รัฐบาลนี้ ไสหัวออกไปได้แล้ว!
ถ้าผมเป็นภูมิธรรมหรือนางสาวแพทองธาร เห็นตัวเลขคนไว้วางใจรัฐบาลแค่ ๔% ในขณะที่กองทัพ คะแนนไว้วางใจสูงถึง ๗๕%
“อยู่ไปก็อายหมาภูมะเขือ”
กัดลิ้นตัวเองตายมีเกียรติ-มีศักดิ์ศรีดีกว่าอยู่แล้วไปเรียกใครว่า “อังเคิล” อีก!
ไม่เคยปรากฎตั้งแต่ประเทศไทยมีรัฐบาลมา จะมีรัฐบาลไหนที่ได้รับความไว้วางใจด้านปกป้องผลประโยชนชาติจากประชาชนแค่ ๔%
ก็เพิ่งมี “รัฐบาลเพื่อไทย” ใต้ตีนทักษิณ “ญาติสนิท” ฮุนเซนนี่แหละ!!!!
ปุจฉา….การไม่ไว้วางใจรัฐบาลเพื่อไทยในเรื่องปกป้องผลประโยชน์ชาติ หมายความว่าไง?
วิสัชนา….ก็หมายความว่า ประชาชนเขาระแวงรัฐบาล “สองพ่อลูกตระกูลชิน” จะสั่ง ใน ๒ เรื่องชัดๆ
๑.เรื่องขายชาติ
๒.เรื่องไส้ศึก!
ผมจะยกตัวอย่างมาเปรียบเทียบให้เห็น ว่าเพราะเหตุใดประชาชนชนจึงไม่ไว้วางใจรัฐบาล แต่กลับไปไว้วางใจกองทัพท่วมท้นล้นประเทศ
อย่างเมื่อวาน ทหารไทยเหยียบกับระเบิดที่เขมรลอบมาวางในเขตไทยที่ปราสาทเมือนตาธมจนขาขาด แต่โฆษกรัฐบาลแถลงว่าไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น
๑๒ สิงหา.“นายจิรายุ ห่วงทรัพย์”โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า
ตั้งแต่ช่วงค่ำของวันจันทร์ที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๘ จนถึงเช้าวันอังคารที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๘
เหตุการณ์บริเวณพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ๗ จังหวัด ไม่มีเหตุปะทะหรือความรุนแรงเกิดขึ้น
ไปฟังข่าวทางกองทัพบก……
“พลตรี วินธัย สุวารี”โฆษกกองทัพบก แถลงถึงเหตุการณ์ “สิบเอก ธีรพล เพียขันที”สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ ๒๖๑๐ พร้อมกำลังพลรวม ๗ นาย
ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ ๑ กิโลเมตร
ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สิบเอก ธีรพลฯ ได้เหยียบระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบัน
เนี่ย…..
สมมติ ฮุนซนส่งหน่วยปฎิบัติการพิเศษ BHQ เข้ามาจนถึงสี่แยกราชประสงค์ รัฐบาลก็ยังคงแถลง “เหตุการณ์ปกติ” ไม่มีการปะทะหรือความรุนแรงเกิดขึ้น
จนกว่า BHQ ไปยึดทำเนียบรัฐบาลนั่นละมัง ถึงจะรู้ว่า “เหตุการณ์ไม่ปกติ” ซะแล้ว!?
จึงไม่แปลกที่ประชาชนวันนี้ “ไว้วางใจกองทัพ” ด้านปกป้องผลประโยชน์ชาติ
กับรัฐบาล ด้านปกป้องผลประโยชน์ชาติ……..
ประชาชนหวาดระแวงว่าเหมือน “ฝากเนื้อไว้กับเสือ” แล้วมันจะเหลืออะไร นอกจากกองกระดูก!?
ในขณะที่รัฐบาล ภายใต้ภูมิธรรมรักษาการนายกฯบอกหลังตกลงหยุดยิง “เขมร-ไทย” ไม่มีอะไร เหตุการณ์เข้าสู่ปกติ ศูนย์ ศบ.ทก.นั่นก็เตรียมยุบ
แล้วมาฟังกองทัพ ซึ่งเป็นฝ่ายปฎิบัติการในพื้นที่ชายแดนดูบ้าง ว่าเหตุการณ์มันปกติหรือยัง?
“พลตรี วินธัย สุวารี” โฆษกกองทัพบก แถลงหลังหน่วยลาดตระเวณไทยที่ปราสาทเมือนตาธม ถูกกับระเบิดเขมรขาขาด ว่า..
“……เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
โดยเฉพาะ “อนุสัญญาออตตาวา” ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด
นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรงและเกิดขึ้นในเขตแดนไทย
ยิ่งไปกว่านั้น เหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย
และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา
จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า การใช้อาวุธโดยฝั่งกัมพูชายังคงมีอยู่ตลอดเวลาในช่วงมีข้อตกลงหยุดยิง
ยอมรับว่าพฤติกรรมและการกระทำลักษณะเช่นนี้ย่อมเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการในมาตรการหยุดยิงอย่างแน่นอน
รวมถึงเป็นท่าทีที่ชัดเจนว่า…..
ฝ่ายกัมพูชาต้องการจะคุกคามฝ่ายไทย ด้วยการใช้อาวุธทางทหารในรูปแบบซ้อนเร้นไม่เปิดเผย
ทำให้เชื่อได้ว่า กัมพูชายังคงดำรงความมุ่งหมายที่จะทำร้ายฝ่ายไทยด้วยรูปแบบ “ลอบทำร้าย” อยู่เช่นนี้ตลอดเวลา
ถึงแม้ว่า ณ ช่วงเวลานี้ จะอยู่ในช่วงการตกลงที่จะหยุดยิง ซึ่งต้องไม่มีการใช้อาวุธต่อกันในทุกรูปแบบ
นอกจากนี้ สิ่งที่เกิดขึ้น ยังสอดรับกันอย่างเป็นระบบ….
โดยเฉพาะจากการที่กัมพูชาไม่ยอมตอบรับข้อเสนอฝ่ายไทย ในเรื่องของทุ่นระเบิดจากการประชุม GBC ในครั้งที่ผ่านมา
จึงเชื่อว่า เรื่องทุ่นระเบิดนี้ น่าจะมีการวางแผนใช้กันมาอย่างเป็นระบบเพื่อเจตนานำมาใช้คุกคามทำร้ายฝ่ายไทย”
ครับ…ชัดตามนั้นเลย
-เขมรใช้อาวุธทางทหารในรูปแบบซ่อนเร้นไม่เปิดเผย
– เขมรเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่อง คุกคามไทย
-เขมรยังมุ่งทำร้ายไทยด้วยรูปแบบ “ลอบทำร้าย” ตลอดเวลา
-เรื่องทุ่นระเบิด วางแผนใช้อย่างเป็นระบบ เจตนาคุกคามทำร้ายฝ่ายไทย
-เขมรละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงในการประชุม GBC ที่ผ่านมา และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
-เขมรละเมิด “อนุสัญญาออตตาวา” ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด
เมื่อเป็นเช่นนี้ แต่รัฐบาลบอก “ยังไม่มีอะไร ทุกอย่างเรียบร้อยดี”
แล้วกองทัพล่ะ ในเมื่อรัฐบาลส่ออาการ “ตัดบัวแต่ซ่อนใย” จะยอมให้เขมรละเมิดข้อตกลงและใช้อาวุธรูปแบบซ่อนเร้นกับไทยไปเรื่อยๆอย่างนี้น่ะหรือ?
ฟังที่พลตรีวินธัย แถลงอีกนิด…..
“ที่ผ่านมา “กองทัพบก” ได้ยึดมั่นในแนวทางสันติวิธีมาโดยตลอด และไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน
แต่หากสถานการณ์บีบบังคับก็อาจจำเป็นต้อง “ใช้สิทธิ์ในป้องกันตนเอง”
ภายใต้หลัก “กฎหมายระหว่างประเทศ” ในการคลี่คลายสถานการณ์ ที่ทำให้ไทยต้องสูญเสียกำลังพลอย่างต่อเนื่อง
จากการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและรุกล้ำอธิปไตยของทหารกัมพูชา”
อืมมมม…ผมก็อยากบอกว่า….
รัฐบาล มาบริโภคแล้วถึงไปอ้วกให้ประชาชนกิน
ทหาร รบจนมีชัยแล้วถึงจะถอยกลับไปรักษาแผลในที่ตั้ง
สถานการณ์ชายแดน “ไทย-เขมร” ครั้งนี้ ผลดีอย่างหนึ่งที่ประชาชนได้
คือ ได้รู้ว่า “มีทหารไว้ทำไม”?
และผลดีอย่างหนึ่งที่ ทหาร-กองทัพ ได้ คือ “ได้ใจ” และ “ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน”
ไม่มีกองทัพใดในโลก “ได้ใจประชาชน” แล้ว จะรบไม่ชนะ!
-เปลว สีเงิน
๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๘
