เปลว สีเงิน
ปฏิทินดาวปี ๖๔ ของ “อาจารย์เพิ่มสิน เลิศรัฐการ” บอกว่า
แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๓ ตรงกับ ๑๐ กุมภา.๖๔
๑-๒ วันนี้….
“อาจเกิดเหตุการณ์ประท้วงบางเรื่อง มีการรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว เพราะสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย”
และวันที่ ๑๕ กุมภา.ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๔
“ประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศมีปัญหาเกี่ยวกับคนของเขาจะขอเข้าประเทศเรา เพราะมีปัญหาการสู้รบ”
ปฏิทินดาวเล่มนี้ พิมพ์แต่ปลายปี ๖๓
ผมหยิบมาพลิกไป ฟังข่าวเพนกวินกับพวกเข้าคุกไป อดนึกในใจไม่ได้ ถ้าเจอตัวอาจารย์ต้องขอให้คำนวณดาวเมืองซักหน่อย
พูดถึงเรื่องดวงดาว นึกถึงคุณ “นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว” ที่โพสต์เรื่องพม่าฮือฮากันวันก่อน
นักปรัชญา ผู้ชำนาญด้านภาษาตะวันออก นั่นเป็นเรื่องระดับศึกษาของเธอที่รู้กันแล้ว
แต่ลึกไปกว่าปริญญาบอก น้อยคนจะรู้ว่า คุณนิพัทธ์พร ยังชำนาญอีก ๒ เรื่อง
คือเรื่อง “เมียนมาว่าด้วยชาติพันธุ์” และเรื่อง “วิถีแห่งดวงดาว”!
เพราะเช่นนี้ ถ้าเจอ ก็จะต้องขอแรงให้เธอขึ้นเขาวัง เพชรบุรี ช่วยแหงนหน้าดูดาวบนท้องฟ้าไปทางเหนือเมืองพม่าให้หน่อย
เพราะเป็นรอบร้อยปีสงครามโลกครั้งที่ ๒ ระหว่างรอยต่อศตวรรษนี้ ถ้าศึกษาจะเห็น ความที่ไทยกับพม่า “ฟ้าเดียวกัน” แต่ “ดาวคนละดวง”
ประเทศหนึ่งรุ่ง เป็นเอกราช
อีกประเทศร่วง เป็นอาณานิคมตะวันตก!
บัดนี้ โคจรเข้ารอบร้อยของรอยต่อศตวรรษใหม่อีกครั้ง รวยเกวียนไม่ทิ้งรอยโค แต่รอยดาวของ ๒ ประเทศล่ะ
จะซ้ำหรือจะสร้างรอยใหม่ มันน่าสนใจนะ?
เมื่อกี้ ผมพูดถึงเพนกวินเข้าคุก แต่วานซืน ข่าวโซเชียล พาดหัวกันตรึม
“ธนาธร” เฮ! ศาลสั่งเพิกถอนคำร้องดีอีเอส ไม่ระงับคลิปไลฟ์สด “วัคซีนพระราชทาน”
แล้ววันนี้ ไม่รู้เฮ หรือฮือ?
เมื่อวาน (๙ กพ.๖๔) ศาลไม่ให้ประกัน “นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, นายอานนท์ นำภา, นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงค์ และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข”
ส่งเข้าคุกไปเรียบร้อยแล้ว!
คืออัยการสั่งฟ้อง นำตัวไปฟ้องศาลเลย ทั้ง ๔ ยื่นประกัน แต่ศาลพิจารณาแล้ว มีคำสั่งว่า
“พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่า คดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง
อีกทั้งการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำซ้ำๆ ต่างกรรมต่างวาระ ตามข้อกล่าวหาเดิมหลายครั้งหลายครา
กรณีมีเหตุอันควรเชื่อว่า หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลย อาจไปก่อเหตุลักษณะเดียวกันกับความผิดที่ถูกกล่าวหาอีก
จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว
ให้ยกคำร้อง แจ้งคำสั่งให้ทราบและคืนหลักประกันทั้งสองสำนวน และนำตัวส่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ”
นี่แค่คดีปฐมฤกษ์….
ยังอีกเยอะที่จะทยอยสู่ศาลตามลำดับ คดีปฐมฤกษ์นี้ เบาะๆ ๑๑ กระทง
ผิดตามมาตรา ๑๑๒, ๑๑๖ ร่วมมั่วสุมตั้งแต่ ๑๐ คนขึ้นไปฯ ป.อาญา ม.๒๑๕, ฝ่าฝืนพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะฯ, ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, กีดขวางทางสาธารณะฯ
ร่วมกันกีดขวางการจราจรฯ, ตั้งวางวัตถุบนถนนอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายฯ, ทำลายโบราณสถานฯ, ทำให้เสียทรัพย์ฯ
และร่วมกันโฆษณาด้วยเครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ จากกรณีชุมนุม ม.ธรรมศาสตร์-สนามหลวง เมื่อ ๑๙-๒๐ กย.๖๓
ก็ไม่รู้วันนี้ ปิยบุตรจะโพสต์ “ชื่นชมศาล” เหมือนเมื่อวานหรือเปล่า?
นับจากนี้ไป กฎหมายจะติดเทอร์โบ ถ้าอยากตามเรื่องให้สนุกเหมือนดูฟุตบอล ต้องศึกษากติกาหมั่นเปิดกฎหมายกันหน่อย
และนี่ก็เรื่องกฎหมายที่ต้องสนใจ
คือเรื่้องที่สส.เขาจะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตั้งสสร.เขียนรัฐธรรมนุญใหม่ทั้งฉบับ
เมื่อวาน (๙ กพ.) ประชุมรัฐสภา “นายไพบูลย์ นิติตะวัน” ส.ส.พลังประชารัฐ กับ “นายสมชาย แสวงการ” สว.
เสนอรัฐสภาให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า
“การแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๕๖ เพื่อตั้ง ส.ส.ร. มายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่?”
รัฐสภา มีมติ ๓๖๖ เสียง ต่อ ๓๑๕ เสียง
ให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอำนาจรัฐสภา ว่าที่จะตั้ง ส.ส.ร.ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ขัดต่อกฎหมายหรือไม่?
ฝ่ายค้านที่กระดี๊-กระด๊า ด่ากันขรม เมื่อล่มปากอ่าว
นี่ก็เป็นอีกเรื่องเป็นปมขมวดไว้ นำมาบอก จะได้ตามดูกันต่อ เพราะเรื่องนี้ สนุกตอนจบแน่
ครับ….
ผมเก็บแต่ละประเด็นเรื่องระดับ ๔ ดาว ๕ ดาว มาบอกเพื่อให้ติดตามกัน
สำหรับเรื่องวัคซีนพระราชทานที่ธนาธรเฮ นั้น ยังมีประเด็นสำคัญควรต้องทราบค้างอยู่ ก็อยากนำมาคุยให้เคลียร์
ผมจะเปิดประเด็นเอง ก็ยาก เอางี้ ….
พอดีผู้ชำนาญการกฎหมาย ๒ ท่าน โพสต์เฟซนำร่องไว้ค่อยๆ อ่านไปนะ
ท่านแรก “นายตระกูล วินิจนัยภาค” อดีตอัยการสูงสุด โพสต์ ว่า
คุณจะเฮ ก็เฮไป เเต่ผมหดหู่และเศร้าใจ แต่คงเฮอีกไม่นานหรอกนะ!!!!
ข่าวว่า ศาลได้สั่งในห้องพิจารณา “เรื่องการขอสำเนาเทปฯ ที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพฯ ต่อหน้าศาล” ว่าให้ DES ไปแจ้งความ และให้ตำรวจมาขอในคดีฯ
อะแฮ่ม!!! ขอถามผู้เกี่ยวข้องครับว่า… “คดีที่มีการแจ้งความ (ตามคำสั่งนายกฯ) ไว้ที่ สน.นางเลิ้ง เกี่ยวกับคดีวัคซีนพระราชทานฯ” ได้ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว
ครับ???
เมื่อไหร่จะออกหมายเรียกหรือหมายจับผู้ต้องหาสักทีครับ??? #กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ…แต่นานจัง!!!
มีคนเขียนเข้าไปถามท่าน ว่า
“ให้ตำรวจมาขอในคดี ช่วยอธิบายตรงนี้หน่อยครับว่าหมายถึงอะไรครับ?”
อดีต อสส.ท่านตอบว่า
“หมายความว่า ศาลได้บอกกับผู้แทนของ DES. ว่า ถ้าอยากดำเนินคดีกับนายธนาธรก็ให้ไปแจ้งความกับตำรวจ
และถ้าตำรวจรับดำเนินคดีกับนายธนาธร ตำรวจก็จะมีหนังสือไปขอเทปที่นายธนาธรพูดดูหมิ่นสถาบัน…จากศาลมารวบรวมเป็นหลักฐานในสำนวนการสอบสวนของตำรวจครับ”
วันเดียวกัน……..
ท่าน “ชูชาติ ศรีแสง” อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้โพสต์เฟซ
“กรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เบิกความที่ศาลอาญาเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2564
แม้ข้อความที่เบิกความอาจเข้าข่ายมีความผิดตามประมวลอาญามาตรา 112 ศาลก็จะลงโทษในขณะนั้นไม่ได้ เพราะไม่ใช่เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เมื่อมีการกระทำความผิดอาญา
จะต้องมีการร้องทุกข์หรือกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินการสอบสวนแล้วส่งสำนวนให้พนักงานอัยการฟ้องผู้กระทำความผิดต่อศาล”
เป็นอันว่า สอดคล้องต้องกันทางกฎหมาย ประเด็นมีอยู่ว่า…….
แล้วเมื่อ ๔ กุมภา.ธนาธรไปพูดอะไรต่อหน้าศาลล่ะ จนอาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา ๑๑๒ นั่นน่ะ?
ตรงนี้ “ประเด็น” ไม่เปิดเผย
แต่ที่เปิดเผย อดีต อสส.นำว่าโพสต์ ถึงสิ่งที่กระทรวงดีอีเอส ควรปฏิบัติ คือ
“ศาลได้สั่งในห้องพิจารณา “เรื่องการขอสำเนาเทปฯ ที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพฯต่อหน้าศาล” ว่าให้ DES ไปแจ้งความ และให้ตำรวจมาขอในคดีฯ”
เข้าใจกันมั้ยครับ?
หมายความว่า ธนาธรต้องพูดอะไรซักอย่างต่อหน้าศาลที่เข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแน่ เมื่อศาลห้ามแล้ว แต่ธนาธรไม่ฟัง
ตรงนี้แหละ ศาลอนุญาตให้ดีเอสอีซึ่งวันนั้นเป็นคู่ความอยู่ในศาลไปแจ้งความตำรวจดำเนินคดีธนาธร
เมื่อตำรวจรับแจ้งแล้ว….
ก็จะต้องทำหนังสือไปขอเทปที่ธนาธรพูดต่อหน้าศาลจากศาลมาเป็นหลักฐานประกอบสำนวนในคดี ส่งอัยการพิจารณาเพื่อสั่งคดีต่อไป
ขนาดอดีต อสส.ออกปาก ก็หมายความว่า ที่เฮกันนั้น คงเฮอีกไม่นาน แสดงว่า วาจาธนาธรต่อหน้าศาลนั้น “หนักหนาสาหัส” จริง
ฟันธงเลยครับ….
หลัง ๑๕ กุมภา.ดีอีเอส “อุทธรณ์คำสั่ง” แน่ และคราวนี้ ถูกต้องตามกระบวนการคดีปิดกั้นเว็บไซต์เป๊ะๆ
และธนาธรต้องเจอ มาตรา ๑๑๒ โดยตรงอีกคดีแน่ ซึ่งก็ “รู้อยู่กับปาก” มิใช่หรือ
ว่าพูดอะไรต่อหน้าศาล “มัดตัวเอง” ไว้ วันนั้นน่ะ?
