เมื่อ “ลองดี” ก็ “เจอดี” – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

ถ้ามันสมอง “รุ้ง-ปนัสยา” มีมากเท่าไขมันในร่างเธอ
เธอจะต้องไม่ทำ อย่างที่ทำอยู่ตอนนี้!

คือ ตั้งโต๊ะแถลงข่าว….
ไม่ยอมรับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และประกาศไม่ทำตาม
พร้อมนัดชุมนุม ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ๑๔ พย. แล้วเคลื่อนขบวนไปสนามหลวง
และออกแถงการณ์ ……….
ผ่านเพจแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และอีกหลายเพจในเครือข่ายกลุ่มราษฎร ด้วยข้อความ ดังนี้

แถลงการณ์ต่อต้านระบอบสมบูรณญาสิทธิราชย์
ประเทศไทยในสมัยรัชกาลที่ 10 ต่างจากประเทศไทยในสมัยรัชกาลที่ 9 :

เรากำลังเดินถอยหลังสู่การปกครองโดยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย
อำนาจของกษัตริย์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ กำลังพาประเทศไทยออกห่างจากการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แล้วถอยหลังเข้าสู่การปกครองโดยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์อย่างเต็มตัว

ฝ่ายกษัตริย์นิยม พยายามสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กษัตริย์เป็นผู้มีอำนาจปกครองประเทศส่วนประชาชนเป็นเพียงผู้อยู่อาศัย

กำหนดให้ประชาชนมีเพียงสิทธิเลือกตั้ง แต่อำนาจในการปกครอง อำนาจในการกำหนดทิศทางและอนาคตของประเทศทั้งหมด กลับไม่ได้อยู่ในมือของประชาชน

เรากำลังปกครองโดยระบอบกึ่งสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย
การต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศที่ปกครองโดยระบอบกึ่งสมบูรณาญาสิทธิราชย์ จึงหนีไม่พ้นที่จะต้องหยุดยั้งการขยายอำนาจของสถาบันกษัตริย์

เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยในประเทศที่ปกครองโดยระบอบกึ่งสมบูรณาญาสิทธิราชย์
การขับไล่ประยุทธ์และพวกพ้องจึงไม่ใช่ทางออก เพราะรากของปัญหาไม่ได้อยู่ที่ประยุทธ์ จันทร์โอชา

นี่ไม่ใช่การเคลื่อนไหวเพื่อไล่ประยุทธ์
นี่ไม่ใช่การเคลื่อนไหวเพื่อยกเลิก 112

นี่ไม่ใช่การเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปฯ
นี่ไม่ใช่การเคลื่อนไหวเพื่อล้มล้างฯ

แต่คือการเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
นี่คือการต่อสู้เพื่อยืนยันว่าประเทศนี้ต้องปกครองโดยระบอบที่คนทุกคนเสมอหน้าเท่าเทียมกัน
นี่คือการต่อต้านระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เพื่อปกป้องระบอบประชาธิปไตย

เพราะนี่….
ไม่เพียงรุ้งยืนยันตัวเองในพฤติกรรม ยังช่วยตอกย้้ำข้อเท็จจริงในคำวินิจฉัยศาลเมื่อ ๑๒ พย.ให้เด่นชัดขึ้นด้วย
ว่าทุกอย่าง “เป็นจริง-มีจริง” ตามคำศาลวินิจฉัย คือ

-การกระทำของรุ้ง มีการจัดตั้งกลุ่มในลักษณะเป็นองค์กรเครือข่าย มีการใช้ความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
-ทั้งพฤติการณ์และเหตุการณ์ต่อเนื่องจากการกระทำของรุ้ง แสดงให้เห็นมูลเหตุจูงใจ ว่ารุ้งมีเจตนาซ่อนเร้น
เพื่อล้มล้างระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ใช่เป็นการปฏิรูป

-การใช้สิทธิและเสรีภาพของรุ้งเป็นการแสดงความคิดเห็นที่ไม่สุจริต
เป็นการละเมิดกฎหมายมีมูลเหตุจูงใจเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามมาตรา ๔๙ วรรคหนึ่ง

ฉะนั้น จึงอยากบอกให้รุ้งและองค์กรเครือข่ายได้ทราบชัดๆอีกครั้ง เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน

ที่ศาลฯวินิจฉัยว่า

“การกระทำของผู้ถูกร้องทั้ง ๓ (อานนท์/ไมค์/รุ้ง) เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามมาตรา ๔๙ และ

สั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้ง ๓ รวมทั้ง “องค์กรเครือข่าย” เลิกกระทำการดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วยตามมาตรา ๔๙ วรรคสอง” นั้น

ณ ๑๒ พย.ของคำวินิจฉัยนี้ ผูกพัน เฉพาะ “อานนท์-ไมค์-รุ้ง” ๓ คนเท่านั้น
ไม่ผูกพันถึงคนอื่น รวมทั้งองค์กรเครือข่าย!

จึงอยากให้ขบวนการสามนิ้ว ตระหนักถึงความข้อนี้ ในคำวินิจฉัยให้ชัด เพื่อผลประโยชน์ทางคุก/ไม่คุกของตัวเองในอนาคต

คือศาลท่านสั่งไว้ว่า……..
“ให้ผู้ถูกร้องทั้ง ๓ รวมทั้ง “องค์กรเครือข่าย” เลิกกระทำการดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย”

นั่นคือ ใครยังไม่เลิกทำ….
นับจากนั้น สิ่งที่ทำ จะเข้าในความหมาย “การกระทำที่เกิดขึ้นต่อไปในอนาคต” ทันที

ข้อหา “ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
จะมีผลผูกพันกับทุกองค์กร นั่นคือ พวกคุณต้องได้รับข้อหานั้น โดยไม่มีข้อโต้แย้ง!

การที่ขบวนการสามนิ้วอ้างว่าปฏิรูปนั้น มันเพียงลีลา
แต่เนื้อหาที่ทำกัน คือ…

การล้มล้างระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ชัดเจน!

กับพวกสามกีบที่ถูกสามสัสล้างสมองก็ดี กับพวกวัยรุ่นรับจ้างซ่าก็ดี กับพวกส้ม-แดงทาสที่ไม่ยอมให้ปลดปล่อยก็ดี
รวมทั้งรุ้งด้วย นอกจากผิดตามวินิจฉัยศาลไปแล้ว
วันนี้ ยังทำผิดซ้ำอีก

และพวกที่ออกมาชุมนุม ก่อการ ก่อกวน ในถนน จากราชดำเนิน ย้ายมาปทุมวัน และไปสถานทูตเยอรมัน ที่สาทรนั้น
ทั้งบ่งเจตนาล้มล้าง ทั้งใช้ความรุนแรง ถึงขั้นใช้อาวุธปืนยิงจนได้รับบาดเจ็บกันเอง

“ข้อหาล้มล้าง” พวกคุณทั้งขบวนการ เจอแน่!

ส่วนธรรมศาสตร์ ที่ผู้บริหารอันมี “รองศาสตราจารย์เกศินี วิฑูรชาติ” เป็นอธิการบดี นั้น

การยินยอมให้กล้มคนมุ่งล้มล้างฯ ใช้ชื่อธรรมศาสตร์ เป็นเครื่องหมายของขบวนการมาตลอด จะปฏิเสธว่าธรรมศาสตร์ไม่ใช่ “เครือข่ายขบวนการ” ล้มล้างได้หรือไม่?

คำวินิจฉัยศาลที่ผูกพันกับทุกองค์กร
ก็ถึงเวลาที่ “องค์กรกฎหมาย” จะต้องมีคำตอบให้สังคม

และนี่ ชัดๆ อย่างนี้ ฮองเฮาเกศินี ยังยินดีให้แก๊งล้มล้างสถาบัน ประทับตราธรรมศาสตร์อยู่อีกหรือ?

กับข้อความนี้ ในโลโก้โดมแดง………..

แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม
เราจะเคลื่อนไปสถานทูตเยอรมันนี

เพื่อทวงถามว่ากษัตริย์ว่าจะทรงอยู่ในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ หรือระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์

เพื่อยืนยันว่าประเทศนี้ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย!

#ม็อบ 14 พฤศจิกา 64
#ปฏิรูปไม่เท่ากับล้มล้าง
#ม็อบต่อต้านระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์

ธรรมศาสตร์วันนี้ ดูเหมือนจะตกต่ำทุกด้าน กระทั่งชื่อประเทศเยอรมนี นักศึกษายังเขียนเป็น “เยอรมันนี”

อธิการบดีผู้รวยพันล้าน ไม่อายบ้างหรือ?

ในปฏิบัติการท้าทายคำวินิจฉัยศาลครั้งนี้ ดูจะไม่มีเพียงขบวนการเครือข่าย “ส้ม-สามสัส” เท่านั้น

ขบวนการ “แดงทั้งแผ่นดิน” ของโทนี่ ชุดแดงล้วนที่เคยเผาบ้าน-เผาเมือง ก็มาร่วมด้วย โดยระดมพลผ่านเพจ
Milk Tea Alliance

ตื่นเถิดคนเสื้อแดง ถึงเวลาที่คนเสื้อแดงจะกลับมายิ่งใหญ่ในระบอบประชาธิปไตย 14 พฤศจิกายน 64 ใส่เสื้อแดงแล้วมาสู่กัน คนเสื้อแดงค้างคนรุ่นใหม่ 15.00 น.

อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
#ม็อบ 12 พฤศจิกา 64
#ม็อบ 14 พฤศจิกา 64
#คนเสื้อแดง
#ปฏิรูปไม่เท่ากับล้มล้าง

ประมวลปฏิบัติการ “ท้ากฏหมาย” และคำสั่ง “ศาลรัฐธรรมนูญ” ของขบวนการล้มล้างเมื่อวานนี้แล้ว
ก็ชัดว่า เป็นขบวนการมี “องค์การเครือข่าย” อยู่เบื้องหลัง โดยขับเคลื่อนผ่าน “แนวร่วมธรรมศาสตร์” โดยรุ้ง-ปนัสยาและแกนนำอีก ๕-๖ คน มีนายรัชพงศ์ แกคำ เป็นต้น

สังเกตได้ว่า เนื้อหากระทั่งบางถ้อยคำที่รุ้งนำมาใช้ เป็นถ้อยคำที่นายปิยบุตรใช้แถลงเมื่อวันก่อน

การเคลื่อนขบวนชุมนุม ทั้งสถานที่ชุมนุมและกิจกรรมที่ทำ เปลี่ยนมา-เปลี่ยนไป แสดงถึงมี “องค์กรเครือข่าย” คอยคอนโทรลและสั่งการ เช่นการไปสถานทูตเยอรมนี เป็นต้น

พวกนี้ คงคิดว่า มากันเป็นหมู่ “ไม่ใช่ตัวการ” คงไม่เป็นไร
โปรดเข้าใจใหม่…..

ศาลวินิจฉัยแล้ว “เป็นขบวนการล้มล้าง”

ดังนั้น เมื่อวาน ทุกคนคือขบวนการล้มล้าง และอย่าคิดว่า มากันมากๆ ตำรวจไม่กล้าจับใคร
เตรียมรับหมายเถอะ โดยเฉพาะ ๗ หัวโจกเมื่อวาน


Written By
More from plew
“ข่าวดีๆ” ของประเทศไทย
เปลว สีเงิน ไปเที่ยวเกาะกลับมาก็ได้รับทั้งข่าวร้ายและข่าวดี เอา “ข่าวดี” ก่อน ข่าวดี คือ “โควิดแพกุ้ง” ที่มหาชัย ทำให้คนไทยได้สติ “ตั้งการ์ด”...
Read More
0 replies on “เมื่อ “ลองดี” ก็ “เจอดี” – เปลว สีเงิน”