ถึงยุค “เลิกอิจฉาคนรวย”

ปี พ.ศ.๒๕๖๒ ปีกุน….

ปีสุดท้ายของรอบ “ปีนักษัตร”
นับจากวันพฤหัสบดีที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๒ นี้ไปอีก ๕ ปี จนถึงปีมะโรง พ.ศ.๒๕๖๖
ผมจะบอกว่า ถึงวันนั้น “ประเทศไทย” ของเราทุกคน ขอยืมสำนวน “โหรฟองสนาน” พูดว่า ดุจ “เงาะถอดรูป”

มองย้อนกลับเข้าไปในบ้านเมืองของเรา แล้วเพ่งพิศ อาจต้องร้องกันว่า….โอ พวกเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไรกัน?!

ย้ำตรงนี้อีกครั้ง ……….
ประเทศไทย โดยรัฐบาลประยุทธ์ โดยการเมืองรัฐสภา ประกอบด้วยฝ่ายค้าน-ฝ่ายรัฐบาล โดย ภาครัฐ-ภาคเอกชน และ โดยประชาชนคนไทยทุกคน

นับจากสิ้นตุลา.นี้ไป ทุกคน-ทุกฝ่าย จะเริ่มมีสติ รักชาติ รักบ้านเมือง มีชาติบ้านเมืองเป็นตัวตั้ง ในการ พูด-คิด-ทำ

หัวเรือประเทศไทย “ตั้งตรง” มุ่งไปสู่ความรุ่งเรืองไพศาลที่รออยู่ข้างหน้าแล้ว ชนิดใครก็ยั้งไม่หยุด ฉุดไม่อยู่
ในภาวะมหาอำนาจโลก “เขย่าโลก”….
คนไพ่ใหม่ทั้งสำรับ เพื่อการ “จัดระเบียบโลกใหม่” สู่ศตวรรษที่ ๒๑

ฉะนั้น อยากให้ตระหนักไว้อย่าง เราทุกคนที่ร่วมลำเรือไทย โต้คลื่นกลางมรสุมมหาอำนาจจัดระเบียบโลกขณะนี้

มือไม่ช่วยจ้ำ-ช่วยพาย ไม่เป็นไร
แต่อย่าเอาตีนราน้ำ!

ใครยังขืนเอาตีนราน้ำกลางคลื่น-กลางมรสุม ทั้งตีน-ทั้งตัว จะถูกเกลียวคลื่นกลืนหาย

ซึ่งนั่น จะโทษใครไม่ได้เลย……..
เพราะตีน “ทำตัวเอง”!

เมื่อวาน (๒๔ ตค.) ก็ต้องบอกว่า นับจาก “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าหัวอยู่หัว” รัชกาล ที่ ๕ มีพระบรมราชโองการ ประกาศให้สร้างทางรถไฟสยาม

ตั้งแต่ กรุงเทพฯ ถึง เมืองนครราชสีมา
เมื่อ ๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๓๓
จนมาถึงรัชสมัยที่ ๑๐ “พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว”
๑๒๙ ปี ผ่าน……
ก็ถึงกาลที่ บ้านเมืองไทย ต่อยอดจาก “รถไฟสยาม” สู่ศตวรรษ “รถไฟความเร็วสูง”
เชื่อม ๓ สนามบิน “ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา” สร้างประวัติศาสตร์อีกหน้าให้การคมนาคมประเทศ และนั่น ………….
จะกระตุกเร้าคนไทยให้ตื่นตัวรับการปริวรรตน์สู่สังคมศตวรรษใหม่ ในรากไทยมั่นคง

รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ เปิดทำเนียบรัฐบาล “ลงนามสัญญาร่วมทุนรัฐ-ราษฏร์มูลค่าสูงสุดเท่าที่มีการลงทุนมาคือ ๒๒๔,๕๔๔ ล้านบาท”

“นับหนึ่ง” ประเทศไทย “เดินหน้า” แล้ว บ่ายวาน

“การรถไฟแห่งประเทศไทย” ในนามรัฐ โดย นายวรวุฒิ มาลา รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟ ลงนามในสัญญากับ “บริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด” โดย นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในฐานะประธานกลุ่มพันธมิตร

พันธมิตรประกอบด้วย……….
-China Railway Construction Corporation Limited จากสาธารณรัฐประชาชนจีน
-บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM)
-บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อป (ITD)
-บมจ. ช.การช่าง

ดังนั้น เราจึงเห็นตัวแทน ๓ ประเทศ ร่วมเป็นสักขีพยาน
-นายหลู่ย์ เจี้ยน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย
-นายชิโร ซะโดะชิมะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และ
-นายโลเรนโซ กาลันตี เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย

ช.การช่าง นั้น เป็นบริษัทของไทย มีกลุ่มทุนญี่ปุ่นร่วมทราบกันอยู่แล้ว
บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ หรือ BEM ที่ซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ นี่ก็ “ช.การช่าง” ถือหุ้นรายใหญ่
ส่วนอิตาเลียนไทย หรือ ITD ของนายเปรมชัย กรรณสูต ซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เช่นกัน ร่วมทุนกับชาวอิตาเลี่ยนแต่ดั้งเดิม

เมื่อรู้ที่มา-ที่ไปแต่ละบริษัทที่จะร่วมสร้างศตวรรษใหม่ให้กับกิจการรถไฟในรูปไฮสปีดเทรนแล้ว ก็คงสบายใจไปขั้น

เพราะ ทั้งช.การช่าง อิตาเลี่ยนไทย ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ
เรียกว่าสร้างทั้งทาง ทั้งรถไฟฟ้า ทั้งใต้ดิน-บนดิน เชี่ยวชำนาญ ชนิดหลับตาเห็นกันแล้วทั้งนั้น

ส่วน China Railway เห็นชื่อ ก็ไม่ต้องอธิบายสรรพคุณ
สำหรับเครือเจริญโภคภัณฑ์ ของคุณธนินทร์ เจียรวนนท์ ถึงยุคลูกชาย “นายศุภชัย” รับบทถือธงนำ
ก็ต้องเชื่อมือด้านบริหาร มี JBIC ของญี่ปุ่น และ CDB ของจีน เป็นแหล่งเงินกู้พร้อม

ที่สำคัญ วิสัยทัศน์ มองผ่านกรวดเห็นทะลุถึงก้อนเพชรของเสี่ยธนินทร์ ที่ใครบอกว่า ทำรถไฟมีแต่ขาดทุน ด้วยการนำของเครือเจริญโภคภัณฑ์นี่แหละ
๒๒๐ กิโลเมตร รายทาง ๓ สนามบิน ไม่เกิน ๑๕ ปี กรวดทรายในมือคุณธนินทร์ จะเห็นประกายเพชร
ความเร็วสูง ๓ สนามบิน ๒๕๐ กม./ชม.นี้ จากไหน-ถึงไหนกันบ้าง ก็มาดูกันหน่อย

เริ่มต้นที่สนามบินดอนเมือง
วิ่งตรงเข้าสถานีกลางบางซื่อ
ผ่านสถานีมักกะสัน
เลี้ยวเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ
มุ่งหน้าไปต่อตามแนวทางรถไฟสายตะวันออก ผ่านแม่น้ำบางปะกง
เข้าสู่สถานีฉะเชิงเทรา
สถานีชลบุรี
สถานีศรีราชา
สถานีพัทยา และ
เข้าสู่สถานีสุดท้ายที่ “สนามบินอู่ตะเภา”

เนี่ย…
ตามจุดเหล่านี้ เมื่อมีรถไฟความเร็วสูงไปถึง ก็เหมือนมีคน ๒ คน คนหนึ่งขุดหลุมปลูกต้นไม้ อีกคน ถือฝักบัวรดน้ำ
เมื่อ ๕ ปีผ่านไป ต้นไม้ที่มีน้ำรด จะเปลี่ยนพื้นที่โล่ง ผืนดินแห้ง ไปเป็นแบบไหน นั้น

ก็ไม่ต่างกับพื้นที่รถร้างเมื่อเส้นทางคมนาคมไปถึง สิ่งที่เรียกหยาบๆว่า “ความเจริญ” ทุกรูปแบบ ย่อมงอกเงย

จะงอกเงยแบบไหน……..
ก็อยู่ที่จะวางรูแบบ “บริหาร-จัดการ” ควบคู่ไปแต่แรกเริ่มอย่างไรเท่านั้น!

หลายเสียง ใช้ความเหลวแหลกร้อยละ ๙๙ โครงการไทย เป็นฐานมอง แล้วติงล่วงหน้าว่า
๕ ปี จะไม่เสร็จตามสัญญาบ้าง กลัวว่าจะทิ้งร้างค้างคาเหมือนโฮปเวลล์บ้าง กลัวจะเหมือนสนามบินสุวรรณภูมิ
ร่วม ๕๐ ปี กว่าจะเสร็จบ้าง

ผมไม่เถียง เพราะคนไทยชอบ “กลัวผี”!
แต่ถึงวันนี้ ผีไปผุด-ไปเกิดหมดแล้ว โครงการก่อนๆ ทำกันแบบ “ผีไม่ญาติ” จึงเป็นแบบนั้น

แต่วันนี้ มีญาติ ทั้งนั้น………
ญาติ คือ เครดิต-ชื่อเสียง เกียรติภูมิ เกียรติยศ ทั้งของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ของอิตาเลี่ยนไทย ของ ช.การช่าง
และที่สำคัญสูงสุด
“เกียรติยศ-เกียรติภูมิประเทศไทย”!

อย่านึกแคบๆ ว่า นี่คือผลงานรัฐบาลประยุทธ์ ต้องแช่งมัน ต้องขัดขาทุกทาง อย่าปล่อยให้มันดีเกินหน้า เจ๊งแล้วจะได้สะใจ

อย่าคิดกันอย่างนั้นเลย พี่น้องเอ๋ย
ไม่ใช่ผลงานรัฐบาลประยุทธ์คนเดียวหรอก มันเป็นผลงาน เป็นหน้า-เป็นตา และเงินของพวกเราคนไทยทุกคน ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ทั้งคนรักชาติ ชังชาติ

เป็นเจ้าภาพและเจ้าของร่วมรถไฟความเร็วสูงเชื่อม ๓ สนามบินด้วยกันทุกคน
เพียงแต่งานในหน้าที่นี้ ตกมาเป็นภาระในคิวรัฐบาลนี้เท่านั้น

สมมุติ ๗ พรรคฝ่ายค้านเป็นรัฐบาล ก็ต้องทำ ต้องผลักดันให้เกิด อย่างที่รัฐบาลประยุทธ์ผลักดันนี่แหละ

“ทิ้งงาน” น่ะ…….
เท่ากับ ซีพี ช.การช่าง อิตาเลี่ยนไทย “ฆ่าทิ้งประเทศไทย” และฆ่ายกโคตรตัวเอง

ถึงยุคนี้ วันนี้ ด้วยจิตสำนึก บวกวิสัยทัศน์คนรุ่นนี้ ผมเชื่อด้วยเกียรติ มันเลยจุดคำว่า “ทิ้งงาน” ไปแล้ว!
แต่จะล้าช้าบ้าง “ตามเหตุ-ตามผล” มันเป็นไปได้ และก็เป็นที่เข้าใจได้
เพราะพื้นที่เส้นทางตามโครงการ ด่านวิบากที่ต้องเผชิญก็คือความ “เห็นแก่ตัว” ของมนุษย์นั่นแหละ

สังคมไทย นั้น ไม่รู้ติดโรค “ริษยาคนรวย” มาจากไหน เอะอะก็เอาเปรียบสังคม เอะอะก็รัฐบาลประเคนนายทุน
ก็ว่ากันไป……..

แต่เฉพาะตัวผม ใครที่รวยแล้วเอาเงินมาลงทุน ผมสนับสนุนและยกย่องเขา
ลงทุนแล้วจะได้ผลประโยชน์ตอบแทนบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา แต่การลงทุนนั้น ผลประโยชน์ส่วนหนึ่งมันก็เกิดกับสังคมบ้านเมือง และประชาชนด้วย

จะว่าคนรวยผูกขาด ไม่มีใครผูกขาด ทุกคนมีสิทธิ์รับโครงการ หรือเข้าประมูลได้ทั้งนั้น

แต่มีเงินทุน มีคุณสมบัติ มีความสามารถ มีเครดิต มั้ยล่ะ ถ้ามี ก็เอาเลย

เหมือนป่านั่นแหละครับ มีทั้งไม้ใหญ่ ไม้เล็ก ไม้เลื้อย ไม้ล้มลุก และพืชคลุมดิน
แล้วมีไม้ต้นไหนสำคัญกว่ากันมั้ย?
ไม่มี……..

ล้วนพึ่งพาอาศัย กอบเกื้อ แล้วอยู่ด้วยกัน ต้นสักร้อยปีต้นเดียว ก็ไม่เป็นป่า หญ้าล้านกอ ก็ไม่เป็นป่า
ถ้าไม่มีไม้ใหญ่ ไม้เลื้อยจะอยู่กับอะไร ถ้าไม่มีหญ้า แล้วไม้ใหญ่จะมีอะไรคลุมดิน รินน้ำเลี้ยงราก?

คำว่า “ฐานานุรูป” นี้สำคัญนัก ถ้าเข้าใจ จะมองเขา-มองเรา ด้วยความสบายใจ

เมื่อใจสบาย บ่วงริษยาก็หลุด สิ่งที่ผุดมาแทนคือสุข

สุขจาก “มี-ไม่มี” อยู่ร่วม รวมเป็นสังคมเกื้อ

ฉะนั้น จะเสี่ยเจริญ เสี่ยซีพี เสี่ยเซ็นทรัล เสี่ยคิงเพาเวอร์ หรือเสี่ยไหนๆ ก็ตาม รวยแล้วก็ขอให้รวยยิ่งๆขึ้นไป

ขออย่างเดียว……….
เอาที่รวย “มาลงทุน” ในบ้าน-ในเมืองกันมากๆ ก็แล้วกัน.

Written By
More from plew
“พระบรมราโชวาท” ล้ำค่า – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน ค้างไว้วันก่อน… เรื่อง “พระบรมราโชวาท” หรือคำสั่งสอนของ “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” รัชกาลที่ ๕
Read More
One reply on “ถึงยุค “เลิกอิจฉาคนรวย””

Comments are closed.