ผักกาดหอม
เถียงกันไปสิครับ
สามนิ้วบอกว่า ปฏิรูป ไม่เท่ากับ ล้มล้าง
เหล่าบรรดานักยุแยงตะแคงรั่วจากรั้วมหาวิทยาลัยต่างๆ พากันนั่ง ยืน นอนยัน เด็กๆ ไม่คิดเปลี่ยนแปลงการปกครอง แค่ต้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ให้อยู่คู่ประเทศไทยเท่านั้น
ตอแหลครับ!
โบราณว่า การกระทำสำคัญกว่าคำพูด
ขณะนี้การกระทำของม็อบสามนิ้วตามหลอกหลอนตัวเองแล้วครับ
ทุกอย่างทะลุเพดาน
แสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
โจมตีด้วยถ้อยคำหยาบคาย
เผาพระบรมฉายาลักษณ์
แต่งกายล้อเลียน
รวมไปถึงการประกาศเจตนารมณ์ว่า ต้องการปฏิวัติ
ในทางการเมือง การปฏิวัติ หมายถึง การใช้ความรุนแรงทางการเมืองเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างเบ็ดเสร็จ ในเวลาอันรวดเร็ว
มีวัตถุประสงค์อยู่ที่การเปลี่ยนแปลงการเมืองการปกครอง อุดมการณ์ทางการเมือง วัฒนธรรม วิถีชีวิต ระบบเศรษฐกิจ ความเชื่อทางศาสนา และระบบสังคมโดยรวม
แต่ถ้าทำแล้วแพ้ก็คือ “กบฏ”
ฉะนั้นข้อความ “เราไม่ต้องการปฏิรูป แต่เราต้องการ ปฏิวัติ” ที่ปรากฏเป็นฉากหลัง ในการอ่านแถลงการณ์ปฏิรูปสถาบันฯ ๑๐ ข้อ โดย “รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล” ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๓ นั้น ไม่มีทางแปลความเป็นอย่างอื่นได้
นอกจากต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการเมืองแบบฉับพลัน
ซึ่งก็คือการปฏิวัติ
คำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ มีความชัดเจนในตัวโดยเฉพาะการอธิบายถึงพฤติกรรม แต่ขบวนการล้มเจ้าไม่ยอมรับ อ้างว่าศาลรัฐธรรมนูญก่อความผิดพลาดครั้งใหญ่
และจะนำไปสู่ความขัดแย้งรอบใหม่
พรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อไทย สองพรรคการเมืองนี้ แสดงออกชัดเจนถึงการไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะทั้งสองพรรคต่างได้รับผลกระทบจากคำวินิจฉัย ทำให้การเคลื่อนไหวสนับสนุนขบวนการที่ทำลายหรือทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ต้องสิ้นสลาย ซึ่งเป็นข้อความที่ปรากฏอยู่ในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จะเป็นไปอย่างยากลำบากยิ่งขึ้น
เพราะเสี่ยงต่อการร้องยุบพรรค
ฉะนั้นการอ้างว่า เด็กๆ เคลื่อนไหวอย่างบริสุทธิ์ใจ กฎหมายต้องให้ความเป็นธรรม เป็นแค่เรื่องลิงหลอกเจ้า
ถุย!
ขนาดติดคุก “อานนท์ นำภา” ยังแสดงความเห็นด่าศาลรัฐธรรมนูญผ่านโซเชียลได้
นี่คือตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ที่แสดงให้เห็นถึงเบื้องหลังการเคลื่อนไหวว่า ยังมีเบื้องหลังของเบื้องหลังซ่อนอยู่
อีกข้อถกเถียงที่น่าสนใจ
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การกระทำของ “อานนท์ ไมค์ รุ้ง” เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๙ วรรคหนึ่ง
“บุคคลจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้”
มีคนแย้งว่า มิใช่หมายความว่าจะเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา มาตรา ๑๑๓ เสมอไป
ก็ใช่ครับ
ม.๑๑๓ บัญญัติว่า ผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ
(๑) ล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ
(๒) ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ หรือให้ใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้ หรือ
(๓) แบ่งแยกราชอาณาจักรหรือยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักร
วรรคสอง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
ฉะนั้นเมื่อไม่มีการกำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ก็ไม่ถือว่าเข้าข่าย ม.๑๑๓
พฤติกรรมของม็อบ ๓ นิ้วที่ผ่านมาเข้าข่ายใช้กำลัง หรือขู่เข็ญ แล้วหรือยัง
กลับไปดู ๑๐ ข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์สิครับ แล้วจะพบความจริงว่า เจตนาและท่าทีเข้าข่ายใช้กำลัง หรือขู่เข็ญ หรือไม่
๑.ยกเลิกมาตรา ๖ ของรัฐธรรมนูญ ที่ว่าผู้ใดจะกล่าวหาฟ้องร้องกษัตริย์มิได้ ให้สภาผู้แทนราษฎรสามารถพิจารณาความผิดของกษัตริย์ได้
๒.ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ เปิดให้ประชาชนใช้เสรีภาพแสดงความคิดเห็นต่อสถาบันกษัตริย์ได้ นิรโทษกรรมผู้ถูกดำเนินคดีเพราะวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์
๓.ยกเลิก พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พ.ศ.2561
๔.ตัดลดงบประมาณแผ่นดินที่จัดสรรให้กับสถาบันกษัตริย์
๕.ยกเลิกส่วนราชการในพระองค์ เช่น หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ให้ย้ายไปสังกัดหน่วยงานอื่น คณะองคมนตรี
๖.ยกเลิกการบริจาคและรับบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศลทั้งหมด เพื่อกำกับให้การเงินของสถาบันกษัตริย์อยู่ภายใต้การตรวจสอบทั้งหมด
๗.ยกเลิกพระราชอำนาจในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในที่สาธารณะ
๘.ยกเลิกการประชาสัมพันธ์และการให้การศึกษาที่เชิดชูสถาบันกษัตริย์แต่เพียงด้านเดียวจนเกินงาม
๙.สืบหาความจริงเกี่ยวกับการสังหารเข่นฆ่าราษฎรที่วิพากษ์วิจารณ์หรือมีความเกี่ยวข้องใดๆ เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์
๑๐.ห้ามมิให้ลงพระปรมาภิไธยรับรองการรัฐประหารครั้งใดอีก
ทั้ง ๑๐ ข้อ เป็นกระแสที่ปั่นโดยเครือข่าย ขบวนการที่ทำลายหรือทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ต้องสิ้นสลาย มาต่อเนื่อง
การสังหารเข่นฆ่าราษฎร ล้วนเป็นข่าวโคมลอย ไม่มีหลักฐานใดๆ ทั้งสิ้น
จะว่าไปแล้วเป็นข่าวชงเองกินเองด้วยซ้ำ
แต่ลัทธิสามนิ้วกลับนำมาเป็นประเด็นหลักในการเคลื่อนไหว
บางประเด็น พรรคก้าวไกล นำไปเคลื่อนไหวในสภา โดยเฉพาะประเด็นงบประมาณ จับแพะชนแกะ รวบรวมงบประมาณส่วนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับสถาบัน
แล้วอ้างว่า ทั้งหมดคืองบสถาบัน
นี่เป็นการบิดเบือนที่น่าละอายที่สุด เพราะพรรคก้าวไกลรู้ดีว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่อาจลงมาสู้รบปรบมือได้
และคำถามคือ ความประสงค์ที่จะยกเลิกรัฐธรรมนูญมาตรา ๖ กฎหมายอาญา ม.๑๑๒ นั้น เพื่อเปิดประตูไปสู่อะไร
ใช้กำลัง หรือขู่เข็ญ ในภายหลังหรือไม่?
ก็ในเมื่อหัวขบวนเชื่อในแนวทางปฏิวัติฝรั่งเศสไม่ใช่หรือ
นี่คือเหตุผลว่า ‘ปฏิรูป’ ในความหมายของ กลุ่มคนที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ล้มล้างการปกครองนั้น ไม่ใช่เป็นการทำให้ดียิ่งขึ้น
แต่เจตนาต้องการให้สถาบันพระมหากษัตริย์สิ้นสลายต่างหาก
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า