​​​​​​​เราจะรอดไปด้วยกัน-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

หลายคนคงตกใจ!

                เห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่วานนี้ (๒๘ กรกฎาคม) พุ่งพรวด ๑๖,๕๓๓ ราย

ก็น่ากลัวอยู่ครับ

                แต่อีกมุมยิ่งตรวจเจอเยอะก็ยิ่งดี จะได้แยกผู้ป่วยออกไปรักษาได้ทันท่วงที ก่อนจะนำเชื้อโควิดเข้าบ้าน เข้าสำนักงาน โรงงาน

                ส่งต่อเชื้อไปอีกหลายทอด

                ผู้สูงอายุอยู่แต่ที่บ้านไม่ไปไหนมาครึ่งปี สุดท้ายต้องเสียชีวิต เพราะลูกหลานเป็นพาหะนำเชื้อจากข้างนอกเข้าบ้าน

                นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับหลายๆ ครอบครัว

                วันนี้มาคุยกันเรื่อง “คำเตือน” กันครับ

                อย่าคิดว่าไม่สำคัญ!

                ๑๐ ข้อจากกรมควบคุมโรค

                ๑.ทำความสะอาดรถยนต์ทุกครั้งหลังใช้งาน โดยใช้น้ำผสมผงซักฟอกทั่วไป หรือน้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดทำความสะอาดที่ปิดเปิดประตูรถและห้องโดยสารภายใน เช่น เบาะที่นั่ง พวงมาลัย ปุ่มเปิด-ปิดแอร์ วิทยุ เป็นต้น        

                ๒.เก็บรองเท้าไว้นอกบ้าน นอกห้อง

                ๓.ถอดหน้ากากอนามัยใส่ถุงให้มิดชิด และทิ้งในถังขยะที่มีฝาปิดแยกเฉพาะ

                ๔.เช็ดทำความสะอาดกระเป๋า โทรศัพท์มือถือ นาฬิกาข้อมือ แว่นตา กุญแจบ้าน กุญแจรถ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ

                ๕.ล้างมือฟอกสบู่นานอย่างน้อย ๒๐ วินาที 

                ๖.หลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งของในบ้านหรือนั่งบนเก้าอี้ โซฟา ก่อนอาบน้ำ

                ๗.ไม่สัมผัสสัตว์เลี้ยง หรือบุคคลในบ้าน ก่อนอาบน้ำ

                ๘.แยกเสื้อผ้าที่ใส่ไปนอกบ้าน ออกจากเสื้อผ้าที่ใช้ใส่ในบ้าน ไม่ให้ปะปนกัน

                ๙.อาบน้ำสระผมทันที

                ๑๐.เมื่อรับประทานอาหารร่วมกันกับสมาชิกในบ้าน ให้ใช้ช้อนกลางส่วนตัวตักอาหาร

                ทั้งหมดนี้ไม่ต้องทำก็ได้หากคุณสามารถมองเห็นไวรัส และรู้ว่ามันอยู่ตรงไหน

                ดูเหมือนเยอะครับ

                แต่จะเปลี่ยนความคิดในทันทีหากต้องสูญเสียคนในครอบครัวไป

                ตัวอย่างเช่น เพียงเพราะไวรัสติดมากับรองเท้าจากการบ้วนน้ำลายทิ้งบนถนนของผู้ติดเชื้อ

                แล้วนอกบ้านวันนี้มีอะไร

                ข้อมูลจาก หมอเฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา พอจะอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายๆ ตามนี้ครับ

                ประมาณการว่า กรุงเทพฯ น่าจะยังมีผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการอยู่ประมาณ ๔-๕ แสนราย

                เมื่อต้นปี ๒๕๖๓ นักวิชาการคาดคะเนว่า ในผู้ติดเชื้อไวรัสจะแสดงอาการมากถึง ๘๐% และติดเชื้อโดยไม่แสดงอาการ ๒๐%

                แต่เวลาผ่านมาหนึ่งปีเศษ จากการเก็บข้อมูลผู้ป่วยจริงและการตรวจวิเคราะห์ต่างๆ ก็ประมาณการว่า ผู้ติดเชื้อที่แสดงอาการมีเพียง ๒๐%

                หรือ ๑ใน ๕

                และมีการติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการมากถึง ๘๐%

                หรือ ๔ ใน ๕ 

                ปัญหาใหญ่ในขณะนี้คือ การตรวจหาเชื้อโควิด ที่พบรายงานผลการตรวจในแต่ละวันว่า ผู้ติดเชื้อจะอยู่ในกลุ่มตรวจพบในระบบบริการ มากกว่าการตรวจเชิงรุก

                เช่น ในวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔  เป็นการตรวจพบในระบบบริการ ๑๐,๔๐๗ ราย ในขณะที่เป็นการตรวจเชิงรุกเพียง ๓,๔๕๙ ราย

                และเมื่อเก็บข้อมูลสะสมย้อนหลังไป ๑๔ วัน พบว่าเป็นการตรวจพบในระบบ ๑๒๖,๑๘๑ ราย คิดเป็น ๗๖.๒๐%

                ในขณะที่เป็นการตรวจเชิงรุกเพียง ๓๙,๔๐๒ ราย คิดเป็น ๒๓.๘๐%

                ฉะนั้น ถ้าตรวจเชิงรุกมากกว่านี้ จะพบยอดผู้ติดเชื้อรายวันสูงถึง ๒ หมื่นคนหรือมากกว่านั้น แต่ก็อย่างที่บอก อย่าตกใจ ยิ่งตรวจเยอะ เจอเยอะ ก็จะเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม

                และเมื่อวันนี้รัฐบาลให้ตรวจโควิดโดยใช้ Antigen Test Kit : ATK ได้ ก็ต้องเตรียมรับมือครับ

                เพราะเราจะค้นหาผู้ติดเชื้อโควิดได้เร็วและเยอะขึ้น

                อาจจะเยอะจนน่าตกใจ

                ประเมินตามที่หมอเฉลิมชัยบอกมี ๒ วิธี

                ๑.ประเมินจากองค์ความรู้ ที่บอกว่า ผู้ที่ติดเชื้อไวรัส ๑๐๐ คน จะแสดงอาการเพียง ๒๐ คน แล้วติดเชื้อโดยไม่แสดงอาการถึง ๘๐ 

                ขณะนี้กรุงเทพมหานคร พบผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น ๑๓๗,๒๖๓ ราย

                เป็นการตรวจพบผู้ติดเชื้อที่มีอาการในระบบ ๑๐๔,๕๙๔ ราย ทำให้คาดได้ว่าน่าจะมีผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการเป็น ๔ เท่า เท่ากับ ๔๑๘,๓๗๘ ราย

                แต่ในการตรวจของกรุงเทพมหานครนั้น ได้ตรวจเชิงรุกพบผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการไปแล้ว ๓๙,๔๐๒ ราย

                เมื่อนำมาหักออกจากค่าประมาณการ ๔๑๘,๓๗๘ ราย จึงคาดว่าจะเหลือผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการอยู่อีก ๓๗๘,๙๗๖ ราย

                ๒.ประเมินจากการพบสัดส่วนผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ ด้วยชุดทดสอบตนเองที่บ้านแล้ว พบว่ามีการตรวจพบผู้ติดเชื้อ ๑๑.๗๐% ของจำนวนผู้ทดสอบทั้งหมด

                เมื่อคำนวณประชากรของกรุงเทพมหานคร ตามทะเบียนราษฎร เมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ จำนวน ๕,๔๘๗,๘๗๖ คน จึงคาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อ ๖๔๒,๐๘๑ คน

                ขณะนี้ตรวจไปแล้วทั้งสิ้น ๑๓๗,๒๖๓ คน

                จึงเหลือผู้ที่ติดเชื้อโดยไม่แสดงอาการอยู่ ๕๐๔,๘๑๘ คน

                จากการประเมินหรือคาดเดา จากทั้งสองวิธีนั้น มีตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ ในเขตกรุงเทพฯ ประมาณ ๔-๕ แสนคน

                หมายความว่า ต้องเพิ่มเตียงอีกจำนวนมหาศาล

                หรืออีกทางเลือกคือกักตัวที่บ้าน

                นี่คือสิ่งที่ต้องเตรียมพร้อม วางระบบให้ชัดเจน และซักซ้อมเพื่อความเข้าใจ

                ส่วนหนึ่งคือกันไม่ให้เชื้อโควิดเข้าบ้าน

                อีกส่วนคือกักไม่ให้เชื้อโควิดออกจากบ้าน

                นั่นเฉพาะ กทม. แต่หากรวมจังหวัดปริมณฑลเข้าไปด้วย ก็คูณ ๒ เข้าไป

                นี่ยังไม่นับประชากรแฝงที่ต้องคูณ ๒ เข้าไปอีกที

                ครับ…ถึงจะดูน่ากลัว แต่หากจะหยุดเชื้อก็ไม่มีทางเลือกอื่น

                และจำให้ขึ้นใจว่า นอกจากวัคซีนแล้ว ความมีวินัยของประชาชน คือทางรอดของประเทศ

                อย่าคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระต้องมาท่อง “วินัย” เหมือนเด็กอนุบาล

                แต่หากยังอยากให้ “คนในบ้าน” มีอายุยืนยาว ปลอดภัยจากโควิด ต้องยอมเชื่อคุณครูท่อง “วินัย” ให้ขึ้นใจแล้วปฏิบัติทุกวัน

                แล้วเราจะรอดไปด้วยกัน.


Written By
More from pp
เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ต้อนรับปีฉลู 2021 ดูหนัง 21 บาท 27 มกราคมนี้ ทุกเรื่อง ทุกรอบ ทุกสาขา วันเดียวเท่านั้น!!  
เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ต้อนรับปี 2021 นักษัตรปีฉลู เริ่มต้นจัดหนัก…ด้วยโปรแรง โปรดี “ต้อนรับปีฉลู ดูหนัง 21 บาท” พิเศษ! เฉพาะวันที่ 27 มกราคมนี้ วันเดียวเท่านั้น รับสิทธิ์ซื้อบัตรชมภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ร่วมรายการ ทุกรอบ ทุกสาขาทั่วประเทศ ในราคาเพียง 21 บาท
Read More
0 replies on “​​​​​​​เราจะรอดไปด้วยกัน-ผักกาดหอม”