ปลุกม็อบในศาล – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

จบแล้วล่ะ!

            ยากที่ “เพนกวิน” จะได้รับการประกันตัว

ออกจากคุกได้หรือไม่ ก็คงต้องโน่น….ลุ้นจนกว่าจะมีคำพิพากษาศาลออกมาว่า “เพนกวิน” มีความผิดจากคดี  ม.๑๑๒ ม.๑๑๖ หรือไม่

            อาจรวมถึงคดีหมิ่นศาลพ่วงมาด้วย

            ใช้เวลาคร่าวๆ….เป็นปี

            และหากต้องรอถึง ๓ ศาล ก็ต้องยอมรับ “ความจริงย่อมเป็นความจริง”

            เมื่อเลือกที่จะทำผิดกฎหมายซ้ำไปเรื่อยๆ เพราะคิดว่าการทำผิดกฎหมายสามารถรอดจากกฎหมายได้ ก็ต้องยอมรับผลการกระทำนั้น

            ก็อย่างที่เขียนไปวันก่อน

            ศาลจะสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวหรือไม่นั้น ต้องใช้ดุลพินิจมีเหตุอันควรเชื่อดังต่อไปนี้

            (๑) ผู้ต้องหาหรือจำเลยจะหลบหนี

            (๒) ผู้ต้องหาหรือจำเลยจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน

      (๓) ผู้ต้องหาหรือจำเลยจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น

            (๔) ผู้ร้องขอประกันหรือหลักประกันไม่น่าเชื่อถือ

      (๕) การอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจะเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของเจ้าพนักงานหรือการดำเนินคดีในศาล

            ถ้ายังสร้างความปั่นป่วน

            รวมไปถึงโจมตีศาล

            ยังมองไม่เห็นว่า ศาลจะอนุญาตให้ประกันได้อย่างไร

            ที่ศาลอาญาวานนี้ “เพนกวิน” สร้างวีรกรรมเอาไว้เยอะพอดู

                “ฝากบอกพวกเขาด้วยว่า ถึงเขาจะขังผมได้ แต่เขาไม่อาจจะขังความจริงได้ ความจริงย่อมเป็นความจริง ไม่ว่าจะอยู่ที่กรงขัง เครื่องทรมาน หรือหลักประหาร ความจริงย่อมเป็นความจริง”

            สิ่งที่ “เพนกวิน” สื่อสารสู่สาธารณะ ชาวสามนิ้วฟังแล้ว ยกย่องหมือนฮีโร่ แต่ในความเป็นจริง ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่ามีแนวโน้มสูง หากได้ประกันตัว “เพนกวิน” จะละเมิดเงื่อนไขที่ศาลกำหนด

            เพราะ “เพนกวิน” ได้รวมศาลเข้าไปเป็นคู่ขัดแย้งด้วย

            ความจริงคือ ไม่มีเครื่องทรมาน ไม่มีหลักประหาร

            การสื่อสารให้ดูเหมือนกระบวนการยุติธรรม ไม่ยุติธรรม  มีความโหดร้ายนั้น ล้วนอยู่ในเหตุอันควรเชื่อว่าไม่ควรให้ประกันตัวทั้งสิ้น

            ห้องพิจารณาคดี ไม่ใช่เวทีปราศรัย หากแยกแยะเรื่องนี้ไม่ได้ ไม่มีทางที่แกนนำม็อบ ๓ นิ้วจะกลับเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้

            ตามข่าวบอกว่า “เพนกวิน” ขออนุญาตแถลงต่อศาลถึงความอึดอัดที่อยู่ในใจ แต่ศาลไม่อนุญาตให้พูดในที่เปิดเผย  จากนั้นมีเจ้าหน้าที่มาควบคุมตัว จึงเกิดความวุ่นวายขึ้น

            “เพนกวิน” จึงลุกขึ้นยืนบนเก้าอี้ ประกาศความอึดอัดใจว่าเหตุใดศาลไม่ให้ประกันตัว ทั้งที่ยังไม่มีคำตัดสิน โดยเทียบเคียงกับคดี กปปส. ที่ตัดสินแล้วว่ามีความผิดแต่ได้ประกันตัว

            และไม่ต้องตัดผม

            พร้อมจะประท้วง ด้วยการอดข้าว ดื่มแต่น้ำ จนกว่าจะได้รับการประกันตัว

            ส่วนกองเชียร์ในห้องพิจารณาคดี ดุเดือด ไร้เหตุผล ไร้มารยาท

            ห้องพิจารณาคดีจึงตกอยู่ในสภาพวุ่นวาย

            ชาวสามนิ้ว ระบายอารมณ์ ด้วยการกรีดร้อง

            เขวี้ยงขวดน้ำลงพื้น………..

            ครับ…ไม่เคยพบไม่เคยเจออะไรแบบนี้

            เคยเชื่อว่าคนกลุ่มนี้มักทำอะไรตามใจตัวเองเสมอ แต่ไม่เคยคิดว่าจะกล้าทำหน้าบัลลังก์ศาล

            นอกจากไม่เกรงกลัวกฎหมายแล้ว

            ยังเป็นพวกไร้วัฒนธรรม

            ไร้รสนิยมอย่างสิ้นเชิง

            คนพวกนี้จะโดนอะไรบ้าง?

            ข้อปฏิบัติตนในศาลมีดังนี้

            ขณะที่ศาลออกนั่งพิจารณาคดีที่ห้องพิจารณาคดี (นั่งบัลลังก์) บุคคลผู้อยู่ในห้องพิจารณาคดีต้องแต่งกายสุภาพ  ผู้ชายควรเอาเสื้อเข้าในกางเกง ไม่พับแขนเสื้อ ไม่ปลดกระดุมคอเสื้อ

            ส่วนผู้หญิงควรแต่งกายสุภาพ หากสวมรองเท้าแตะให้ถอดไว้นอกห้องพิจารณาคดี

            เมื่ออยู่ในห้องพิจารณาคดีต้องสํารวม

            เมื่อศาลขึ้น-ลง บัลลังก์ ต้องลุกขึ้นยืนทําความเคารพ ขณะนั่งฟังการพิจารณาต้องสํารวมสุภาพ ไม่นั่งไขว่ห้าง ไม่สูบบุหรี่ ไม่อ่านหนังสือพิมพ์ ไม่สวมแว่นตาดํา

            เมื่อศาลอ่านรายงาน กระบวนพิจารณาคดีใด ผู้เกี่ยวข้องในคดีนั้นต้องลุกขึ้นยืนฟัง หากบุคคลใดมีข้อความจะแถลงต่อศาลต้องลุกขึ้นยืนพูด ห้ามนั่งพูด

            ข้อห้าม

            ห้ามนําอาวุธ ยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายทุกชนิดเข้าไปในเขตศาล มิฉะนั้นจะมีความผิดฐานละเมิดอํานาจศาลและอาจถูกดําเนินคดีอาญาด้วย

            ห้ามส่งเสียงดัง ทะเลาะวิวาทกันในศาล ไม่เปิดประตูเข้าๆ ออกๆ ห้องพิจารณาคดีขณะที่ศาลนั่งบัลลังก์ให้เป็นที่น่ารําคาญแก่ผู้อื่น

            ห้ามบันทึกภาพ เสียง หรือบันทึกวิดีโอ โดยไม่ได้รับอนุญาต ห้ามสูบบุหรี่ ห้ามพูดคุยกัน ห้ามนั่งหลับในห้องพิจารณาคดี

            แต่ชาวสามนิ้วก่อม็อบถ่อยเถื่อนย่อมๆ ในห้องพิจารณาคดี

            ฉะนั้นคงโดนกันไปไม่น้อย

            ไปฟังแม่เพนกวินพูดก็ยิ่งไปกันใหญ่

                “ก็ได้เพียงหวังว่าเพนกวินจะอยู่ได้และทำตามเจตนารมณ์ได้สำเร็จ ก่อนหน้านี้ตัวเพนกวินเองก็มีการบอกแม่มาเสมอว่าจะเสียสละด้วยชีวิตของตัวเอง

                เพนกวินพูดคุยกับแม่ว่าในขณะที่อยู่ในเรือนจำไม่รู้ว่าจะต้องแสดงสัญลักษณ์การเรียกร้องอย่างไร จึงเลือกวิธีนี้เพราะเป็นหนึ่งในสันติวิธี”

            ถ้า “แม่เพนกวิน” คิดจากเหตุไปหาผลทั้งหมดนี้จะไม่เกิด

            ไม่แม้กระทั่งบอกว่า

                “จากที่หลายคนได้สังเกตวันนี้ พบว่าตามตัวของเพนกวินมีตุ่มแดงขึ้น ซึ่งเพนกวินเองก็ได้บอกว่าน้ำในเรือนจำนั้นไม่สะอาด แม่เลยจะเตรียมน้ำสะอาดเข้าไปให้เพนกวินไว้ใช้”

            ผลที่เป็นอยู่ในวันนี้เป็นเพราะการกระทำก่อนหน้า

            การกระทำวันนี้ จะส่งผลไปถึงพรุ่งนี้

            และพรุ่งนี้สำหรับ “เพนกวิน” จะยิ่งยากลำบากกว่าเดิม

            ศาลไม่ได้จองจำ “เพนกวิน” เพราะอยากจองจำ

            ศาลให้โอกาสมาหลายครั้ง แต่ทุกครั้ง “เพนกวิน” ละเมิดเงื่อนไขการประกันตัว

            ศาลไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้ง แต่ “เพนกวิน” เขียนจดหมายโจมตีศาลว่าร่วมกับเผด็จการปล้นความยุติธรรมไปจากประชาชน

            อดข้าวประท้วง จะยากกว่าต้องอาบน้ำไม่สะอาดในเรือนจำหลายเท่าตัว

            “ความจริงก็คือความจริง” ครูปรีชากล่าวไว้.

Written By
More from pp
“อนุทิน” ย้ำ งาน มท.ต้องรักษาความเป็นไทย รักชาติ – สถาบันหลัก ควบคู่บำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชาชน
3 ธันวาคม 2566 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงความคืบหน้าตามนโยบายของกระทรวง เช่น การปราบปรามผู้มีอิทธิพล การแก้ไขปัญหาหนี้ นอกระบบ...
Read More
0 replies on “ปลุกม็อบในศาล – ผักกาดหอม”