นายทุนก้าวไกล-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

เริ่มต้นด้วยเรื่องเงินๆ ทองๆ

วานนี้ (๑๗ เมษายน) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สรุปยอดเงินบริจาคของพรรคการเมือง ประจำเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ทั้งสิ้น ๑๓ พรรคการเมือง

ยอดรวมมีผู้บริจาคเงินให้พรรคการเมืองที่มีจำนวนเงินตั้งแต่ ๕,๐๐๐ บาทขึ้นไป จำนวนทั้งสิ้น ๑๘๗ ราย เป็นจำนวนเงิน ๖,๔๖๓,๐๔๘ บาท ดังนี้

พรรคภูมิใจไทย จำนวนเงิน ๒,๓๙๐,๐๐๐ บาท ผู้บริจาค ๙๓ ราย ซึ่งผู้บริจาคส่วนใหญ่เป็น สส.ของพรรคภูมิใจไทยที่บริจาคตั้งแต่คนละ ๑๐,๐๐๐ บาท ๓๐,๐๐๐ บาท และ ๕๐,๐๐๐ บาท

พรรคก้าวไกล จำนวนเงิน ๑,๑๖๖,๑๙๘ บาท ประโยชน์อื่นใด ๕๐,๕๐๐ บาท ผู้บริจาค ๗๖ ราย ซึ่งส่วนใหญ่ผู้บริจาคเป็น สส.ของพรรค โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคบริจาคมากที่สุด ๑๐๕,๐๐๐ บาท

พรรคกล้าธรรม จำนวนเงิน ๓๘๙,๐๐๐ บาท ผู้บริจาค ๑ ราย

พรรคไทยภักดี จำนวนเงิน ๓๐๑,๔๐๐ บาท ผู้บริจาค ๒ ราย

พรรคพลังบูรพา ประโยชน์อื่นใด ๓๖๕,๐๐๐ บาท ผู้บริจาค ๑ ราย

พรรคเพื่อไทย จำนวนเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผู้บริจาค ๑ ราย

พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย จำนวนเงิน ๓๖๐,๐๐๐ บาท ผู้บริจาค ๑ ราย

พรรคท้องที่ไทย จำนวนเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ผู้บริจาค ๑ ราย

พรรคใหม่ จำนวนเงิน ๖๔,๐๕๐ บาท ผู้บริจาค ๕ ราย

พรรคประชาชาติ จำนวนเงิน ๑๗๐,๐๐๐ บาท ผู้บริจาค ๑ ราย

พรรคเสรีรวมไทย จำนวนเงิน ๑๕,๐๐๐ บาท ผู้บริจาค ๑ ราย

พรรคไทยสร้างไทย จำนวนเงิน ๑๖๐,๙๐๐ บาท ผู้บริจาค ๒ ราย

พรรครักษ์ธรรม ประโยชน์อื่นใด ๒๑,๐๐๐ บาท ผู้บริจาค ๒ ราย

ตัวเลขนี้คนละตัวกับเงินอุดหนุนกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ที่ กกต.จัดสรรให้พรรคการเมืองตามจำนวน เงินบริจาคจากภาษีเงินได้บุคคลประจำปีนะครับ

ส่องตัวเลขแล้วเกิดคำถามมากมายทีเดียว

พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่มีใครบริจาคให้เลยหรือ

โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ หากจำไม่ผิดในอดีตพรรคจะหักเงินเดือน สส.ในแต่ละเดือนทุกคน เพื่อเอามาบำรุงพรรค ปัจจุบันเลิกไปแล้วหรือครับ

แต่พรรคเพื่อไทย น้อยเกินไปหรือเปล่า พรรคใหญ่โตขนาดนั้น เต็มไปด้วยดีเอ็นเอเศรษฐีแสนล้าน แต่บริจาคแค่คนเดียว

หรือยังไม่ถึงฤดูกาล

พรรคภูมิใจไทย ไม่มีอะไรต้องแปลกใจ เพราะเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว

สำหรับพรรคก้าวไกล ไม่มีอะไรวิเศษวิโสไปกว่าพรรคการเมืองอื่น ยังมีระบบอุปถัมภ์ และชนชั้นภายในพรรค

มีนายทุนพรรค

“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ถึงต้องควักกระเป๋าหนักกว่าคนอื่น

ครับ…แค่เงินบริจาคก็บ่งบอกบุคลิกพรรคการเมืองได้มากโขทีเดียว

ฉะนั้นไม่มีพรรคการเมืองไหนสำคัญจนประเทศไทยขาดไม่ได้

แต่ก็มีพรรคการเมืองที่พยายามสำคัญตนนำทองว่า ขาดฉันแล้วเธอ (ประเทศไทย) จะรู้สึก

พรรคก้าวไกลครับ!

พรรคก้าวไกล ไม่ต่างจากเด็กเล่นกองไฟ แล้วถูกไฟลวก เที่ยวไปตีโพยตีพาย โทษว่า “ไฟ” ผิด เพราะ “ไฟ” ร้อน

ยืดลมหายใจไปได้อีกสักพัก เพราะล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญ เห็นควรให้พรรคก้าวไกล ขยายเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาคดี ล้มล้างการปกครอง ออกไปอีก ๑๕ วัน

จะไปครบในวันที่ ๓ พฤษภาคม ที่จะถึงนี้

ก็ว่ากันไปตามกระบวนการครับ

แต่…ดูเหมือนว่า ผู้บริจาครายใหญ่ของพรรคก้าวไกล จะดิ้นหนักไปหน่อย

เล่นสงกรานต์ที่ขอนแก่นวันก่อน มีเรื่องดรามาจนงง ตกลงแล้ว “พิธา” จะเอาไง

ตอนแรกบอก “อาจจะเป็นสงกรานต์ครั้งสุดท้ายของผมในฐานะผู้แทนราษฎร”

คุยไปคุยมา “อีก ๓ ปีข้างหน้าจะกลับมาในฐานะนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย”

สิ่งหนึ่งที่ “พิธา” ควรรับรู้ไว้ นักการเมืองที่กระสันอยากเป็นนายกฯ เที่ยวป่าวประกาศไปทั่ว เป็นปีๆ สุดท้ายส่วนใหญ่รับประทานแห้วครับ

ไว้ถึงเวลาค่อยพูด

ตอนนี้ควรให้เกียรติ “ชัยธวัช ตุลาธน” บ้าง เพราะเขาเป็นหัวหน้าพรรคอยู่

ถ้าพรรคก้าวไกลแบ่งชนชั้นวรรณะกันก็ไม่ได้ว่าอะไร จะรอดูอีก ๓ ปี

แต่กว่าจะถึงวันนั้น “พิธา” ต้องจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อน

ติดกระดุมให้ถูกเสียตั้งแต่เม็ดแรก เม็ดต่อไปจะได้ไม่มีปัญหา

วันพุธที่ผ่านมา “พิธา” ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางในการสู้คดียุบพรรค ผ่านรายการ Dailynews Today ยืนยันว่าเจตนารมณ์ของพวกตนก็คือต้องการที่จะให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตลอดไป

พูดเป็นครั้งที่ร้อยก็แบบนี้ แต่พฤติกรรมของ “พิธา” มันต่างออกไป ทุกอย่างปรากฏอยู่ในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ คดีแก้และยกเลิก ม.๑๑๒

“พิธา” ให้สัมภาษณ์บอกว่า ล้มล้างการปกครองมีอยู่ ๔ เรื่อง

๑.รัฐประหารล้มล้าง

๒.สมคบคิดกับรัฐบาลต่างชาติเพื่อประโยชน์ของต่างชาติ

๓.แบ่งแยกดินแดน

๔.เปลี่ยนรูปแบบการปกครอง

“…ทั้ง ๔ เรื่องนี้ไม่ต้องมานั่งเถียงกัน ล้มล้างแน่นอน แต่สิ่งที่ตัดสินกับผมและพรรคก้าวไกลว่าเป็นการล้มล้าง ไม่มีใครรู้มาก่อน ขนาด กกต.ยังไม่รู้เลย กกต.มีคนไปร้องว่าเป็นปฏิปักษ์หรือเปล่า ยังไม่รู้เลย แล้วก็บอกให้หาเสียงต่อได้ เพราะฉะนั้นตรงนี้นิยามคำว่าล้มล้างแบบของการปกครองระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญแบบไทยนี้ เพิ่งประกอบขึ้นเมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม แต่ผมหาเสียงย้อนหลังไปตั้งแต่ก่อน ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๖ คือมันเป็นต้นบัญญัติ มันไม่สามารถที่จะเอาผิดย้อนหลังได้…”

ไม่ทราบว่า “พิธา” เข้าใจอะไรผิดหรือไม่ ความผิดล้มล้างการปกครอง ไม่ได้วินิจฉัยตามกฎหมายเลือกตั้งนะครับ และประเด็นไม่ได้อยู่ที่หาเสียงตอนไหน

แต่ก็ถูกของ “พิธา” ทั้ง ๔ เรื่องเป็นการล้มล้างการปกครอง และไม่ต้องเถียงกัน ๒๔๗๕ ก็ล้มล้างการปกครอง เพียงแต่มันคนละยุคสมัย และรัฐธรรมนูญคนละฉบับกัน

กระนั้นก็ตามที่ต้องเถียงกันต่อไป และพรรคก้าวไกลเองก็ต้องไปชี้แจงในศาลรัฐธรรมนูญ นั่นคือเจตนาแก้ หรือยกเลิก ม.๑๑๒ เพื่ออะไร

มันต้องมีเจตนา!

จะบอกว่าไม่อยากให้เอามาเป็นเครื่องมือทำลายทางการเมือง มันก็ยังไม่มีน้ำหนักพอที่จะอธิบายเรื่องที่พรรคก้าวไกลทิ้งเก้าอี้นายกฯ ทิ้่งการเป็นรัฐบาล แต่ไม่ทิ้งการแก้ไขหรือยกเลิก ม.๑๑๒

พรรคก้าวไกลข้ามขั้นเล็งไปที่ ม.๑๑๒ อย่างเดียวเท่านั้น จึงมีความกังวลเรื่องเจตนาที่จะทำหลังจากนั้นว่า ต้องการอะไรกันแน่

กกต.ถึงยังไม่ชี้ไปว่าพรรคก้าวไกลจะทำอะไร ปล่อยให้หาเสียงไปก่อน แม้พอจะประเมินได้อยู่บ้างก็ตามที

ทุกวันนี้พรรคก้าวไกล และ “พิธา” บอกต่อสาธารณะไม่หมดว่า จุดหมายปลายทางคืออะไร แต่อารมณ์ของมวลชนพรรคก้าวไกล ไปไกลถึงการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว

ขณะที่พรรคก้าวไกลคือพรรคที่เล่นกับกระแสมวลชนมากที่สุด

ล้มล้างหรือไม่ อีกไม่นานรู้ครับ

Written By
More from pp
เอ็นไอเอ ชวนร่วมออกแบบโลโก้องค์กรในวาระครบรอบ 12 ปี ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 1 แสนบาท
6 สิงหาคม 2563 – สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ขอเชิญบุคคลทั่วไป นักศึกษา และผู้ที่มีไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ร่วมประกวดออกแบบตราสัญลักษณ์ (Logo)...
Read More
0 replies on “นายทุนก้าวไกล-ผักกาดหอม”