อย่าลืม..เรามีนัดกัน “๒๑ ตุลา.”

นี่….

ถ้าเขาไม่เตือนผมก็คงลืมไปแล้ว ว่าสัปดาห์โน้น จันทร์ที่ ๒๑ ตุลา. “ไทยโพสต์” ครบรอบ ๒๓ ปีเต็ม!

ถือโอกาสบอกกล่าว “ขาประจำ-ขาจร” ทราบซะเลย จะไปซื้อหน้าหนังสือพิมพ์ฮ่องกงประกาศเชิญแขกเหรื่อ ก็คงไม่ทันแล้ว

ก็อยากให้มากันนะ….
เพราะสองเจ๊ “เจ๊รุ่ง-เจ๊สุ” ผู้อุปถัมภ์ค้ำจุนไทยโพสต์แต่อ้อน-แต่ออก มาแจ้งเจตนาล่วงหน้าไว้หลายเดือน
ว่าได้นิมนต์ “พระศากยวงศ์วิสุทธิ์” (อนิลมาน ธมฺมสากิโ) มากล่าวธรรมมงคลที่โรงพิมพ์
และพระอาจารย์ได้รับนิมนต์ จะมาฉลองศรัทธาตอนช่วงใกล้เพลวันนั้น!
ผมจึงอยากให้มาฟังธรรมมงคลจากพระอาจารย์อนิลมานกัน
บอกตรงๆ ผมปีติด้วยศรัทธา….
ได้ยินแต่ชื่อมานาน ท่านเป็นชาวเนปาล สืบเชื้อสายตระกูลเดียวกับ “พระพุทธเจ้า” คือ ตระกูลศากยะ
บวชเป็นสามเณรที่เนปาล
มาอยู่กับ “สมเด็จพระญานสังวร” สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรฯ แต่เด็กๆ อุปสมบทที่วัดบวรฯ โดยสมเด็จพระญานสังวร เป็นพระอุปัชฌาย์
ก็ร่วม ๔๐ปีแล้ว และตอนนี้ท่านแปลงสัญญาติเป็นไทยเรียบร้อยแล้ว
ยากนัก ที่พระอาจารย์จะมีช่องว่างของเวลาเหลือมาโปรดสัตว์ที่นี่
เพราะนอกจากงานดูแลสงฆ์ในฐานะรองเจ้าอาวาสแล้ว ยังจะงาน “มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย” และงานสอนตามมหาวิทยาลัยอื่นๆ อีก
ยิ่งกว่านั้น เท่าที่ทราบ แต่ละเดือน-ละปี….
ในฐานะผู้เผยแผ่งานพระพุทธศาสนาในต่างประเทศ มีมหาวิทยาลัยมากมายในยุโรป-สหรัฐฯ
เชิญพระอาจารย์ไปสอนพุทธศาสน์ “แก่นธรรม” ระดับปริญญาโท-เอก ถึงขั้น “แย่งตัว” กันเลยทีเดียวโลกขณะนี้ สู่ภาวะจิตโรค……
พระอาจารย์ยังต้องรับนิมนต์จากยูเอ็นไปสงเคราะห์โลกด้วยธรรมปรึกษาด้วย
ต้องบอกว่า ประเทศไทยมี “ของวิเศษ” อยู่กับตัว แต่จะด้วยไม่รู้ หรือรู้ แต่ “ใกล้เกลือกินด่าง” ก็ไม่ทราบ
เรามีปัญหา “หลงทิศ-หลงทาง” ด้านการศึกษาของชาติมาตลอด แม้ขณะนี้ ไม่ต่าง “ตาบอดคลำช้าง” เอะอะก็ตามก้นฝรั่งไว้ก่อน
แต่หารู้ไม่ ขณะนี้ เวลานี้ ฝรั่ง “ยุโรป-สหรัฐ” ที่เราตามก้น เขาพบของวิเศษนั้นแล้ว……..
และใช้ของวิเศษนั้น “สร้างคน-สร้างสังคม” ในแนวทางใหม่ ชนิดต้องบอกว่า “ฝรั่งตื่น” กันขนานใหญ่
นั่นคือ “สมาธิภาวนา”
ใช้เป็นหลักสูตรการเรียน-การสอนในระบบศึกษาของเขาตั้งแต่ระดับอนุบาล-ประถม-มัธยม เอาอย่างนั้นกันเลยทีเดียว
พระอาจารย์อนิลมานของเรานี่แหละ
ไปสอน ไปแนะแนว กระทั่งไปจัดหลักสูตร “การเจริญสติ-สัมปชัญญะ” ประยุกต์ ให้ตามโรงเรียนต่างๆ ในสหรัฐ-ยุโรป ทั้งรัฐบาลเขาสนับสนุน
ไม่ใช่ไปเปลี่ยนศาสนาเขา หากแต่ช่วยให้เขาเป็น “คนที่ดี” ในศาสนาของเขา ด้วยจิตมีสติรู้
บางท่านอาจสงสัย แล้วพระอาจารย์ “ดังระดับโลก” อย่างนั้นได้อย่างไร?
ก็ควรทราบกันไว้ ท่านจบปริญญาตรีจากมหามกุฎฯ นี่้แหละ
ไปต่อโททั้งที่เนปาล อ็อกซ์ฟอร์ด ที่อังกฤษ และเอก ที่บรูเนล อังกฤษ
ถามว่า แล้วพระอาจารย์เอาเงินที่ไหนไปเรียน เพราะกว่าจะจบเอก ไม่ใช่บาท-สองบาท?
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” รัชกาล ที่ ๙ พระราชทานทุนทรัพย์เพื่อการศึกษาทั้งหมด
แม้ขณะเป็นนักศึกษา มหาวิทยาลัยทั้งยุโรป-สหรัฐฯ ก็ยังนิมนต์ท่านไปสอนวิชาพุทธศาสน์ ถึงขั้นเปิดหลักสูตรใหม่ เพราะแย่งกันเรียนมากเหลือเกิน
ฝรั่งเขาสนใจอะไรในวิชาพระพุทธศาสนา?
ไม่แค่สนใจ หากแต่ “ตื่น” กันเลยทีเดียว เพราะคนตะวันตก ค้นพบวิทยาการเกือบทุกอย่างในโลก
ยกเว้นอย่างเดียวที่ค้นอย่างไรก็ไม่พบ คือ
“จิต” ตัวเอง!
พระอาจารย์ จูงคนตะวันตกให้พบแสงตะวัน ด้วยการสอนและฝึกปฏิบัติให้รู้จัก “เจริญสติ-สัมปชัญญะ”
พอฝรั่งได้ “เจริญสติ”…………..
จากหลงทางมากว่า ๒ พันปี จิตเห็นจิตตัวเองเท่านั้น “ปัญญารู้” เกิดตามทันที!
มนุษย์เรา เมื่อเกิดปัญญาด้วยจิตรู้ ทุกอย่างมันจบด้วยเหตุและผลในตัวมันเอง
เด็ก ก็รู้หน้าที่, ผู้ใหญ่ ก็รู้หน้าที่, ครู-อาจารย์ ก็รู้หน้าที่, นักศึกษา ก็รู้หน้าที่, นักการเมือง ก็รู้หน้าที่, ประชาชนพลเมือง ก็รู้หน้าที่
รู้ด้วย “สัมมาสติ”
ถึงแม้คนในสังคมชาติรู้หน้าที่ ปัญหามันก็ยังมี แต่เมื่อส่วนใหญ่รู้หน้าที่
ปัญหานั้น ก็เหมือนไฟที่พนักงาน “ควบคุมเพลิง” ไว้ได้แล้ว!
นี่….
ผมก็เล่าตามที่อ่านประวัติพระอาจารย์บ้าง ฟังจากท่านรับนิมนต์ไปกล่าวธรรมตามสถานที่ต่างๆ บ้าง ยังไม่มีวาสนาได้ฟังธรรมท่านโดยตรง
ก็วันที่ ๒๑ ตุลา.นี่แหละ หวังใจจะได้รับธรรมคติจากท่าน ฟังคนเดียวดูจะกระไรอยู่
จึงขอเชิญท่านที่สนใจมาร่วมรับธรรมคติด้วยกันที่ไทยโพสต์
ก็ที่เก่า “คลองเตย” ซอมซ่อ มายาก รถเข้าได้ แต่ออกไม่ได้ เดินเข้ามานั่นแหละ สดวกสุด
แต่บอกก่อนว่า เจ๊รุ่ง เจ้าของ “เจเพรส” บอกไว้นานแล้วว่า “นิมนต์เรียบร้อย” นี่ก็เหลือเวลาอีก ๑๐ วัน
ก็ยังไม่ได้ “ย้ำปาก-ย้ำคำ” ให้มั่นเหมาะอีกทีเลยว่า พระอาจารย์มาแน่ หรือจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง?
เผื่อๆ ไว้ครึ่งใจละกัน……
สำหรับท่านที่ตั้งใจจะมา เดี๋ยวจะลองทวงถามคำยืนยันจากผู้ไปนิมนต์อีกที
ผิดพลาดไงก็ รับประกัน มีข้าวปลาอาหารให้ท่านเลือกรับประทานตั้งแต่เช้าเรื่อยไป
สบายใจ-สบายท้อง แล้วค่อยแยกย้าย บ้านใคร-บ้านมัน
พูดถึงหนังสือพิมพ์ “สื่อกระดาษ” ทุกวันนี้ สู่ภาวะแปลงร่างเป็น “สื่อจั๊กจั่น” เคยเห็นจั๊กจั่นมั้ย ตอนโพล้เพล้ ไม่ค่อยเห็นตัว ได้ยินแต่เสียงร้องระงมไป
พอตกเช้า ไปดูตามต้นไม้……..
จั๊กจั่นทิ้งโครงคราบติดต้นไม้ไว้ ส่วนตัวเป็นๆ ไม่รู้ไปไหน
เขาบอก “มันตาย”!
เหมือนสื่อหนังสือพิมพ์ ที่แห้งตายไปทีละฉบับ-สองฉบับ คนยังอ่านข่าวสาร แต่ไม่ซื้อหนังสือพิมพ์ ไปอ่านตามเน็ต
นั่นคือ หนังสือพิมพ์ไม่ตายซะทีเดียว หากแต่ลอกคราบ โดย “ถอดวิญญาน” จากหนังสือพิมพ์
ไปเกิดใหม่ในร่างเว็บไซต์ “สื่อออนไลน์” ตามยุคสมัยไอทีครองโลก!
ไทยโพสต์ก็มีเว็บไซต์ คนยุคใหม่เขาก็สนุกสนานกันไป
ส่วนผม มันคนยุคเก่า เกาะโลกแบบพอรู้จักหมุนตามโลก หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ “เหมือนลูก” ผมให้กำเนิดมาครบ ๒๓ ปี
“จะจน-จะรวย” ยังไง ใครอยากไปทางไหน..ก็ไป ส่วนผมทิ้ง “ไทยโพสต์-กระดาษ” ไปไม่ได้หรอก
ใครจะอ่าน-ไม่อ่าน ก็ช่าง ผมทำเอง-อ่านเองก็ได้ ซึ่งทุกวันนี้ ก็อ่านกันลดน้อย ไปโป่งพองที่เว็บไซต์
ก็ดีกับผมทั้งขึ้น-ทั้งล่อง
แต่ที่ “ดีต่อใจ” ผมมากที่สุด คือความเป็น “หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์”
เพราะหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ สัมผัสได้ถึงหัวใจ
ส่วนเว็บไซต์ ชื่อไทยโพสต์ก็จริง แต่ผมไม่รู้ จะไปกอดจูบลูบคลำมันได้อย่างไร ตรงไหน?
เดี๋ยวไฟดูดตาย!
ฉะนั้น ไม่ต้องพูด ไม่ต้องถาม ว่าไทยโพสต์จะเจ๊ง-จะเลิกเมื่อไหร่?
ผมตายค่อยถามคนอยู่ตอนนั้น!
นี่…ผมยังคิดเลยว่า ประเทศไทยกำลังก้าวสู่ยุคอินเตอร์ แต่รำๆ จะร้างสื่อหนังสือพิมพ์ภาษาฝรั่งยังไงก็ไม่รู้ เห็นสิ้นลมไปทีละหัว-สองหัว
ยุคอินเตอร์ แต่ประเทศไม่มีหนังสือพิมพ์ “ภาษาอังกฤษ” ดูมันย้อนไปไกลกว่า “ยุคสมเด็จพระนารายณ์มหาราช”
“ไทยโพสต์” ชื่อก็บอกเป็นสื่อหลักประเทศไทย ทำไทยโพสต์เป็นภาษาอังกฤษอีกซักฉบับไปเลย ดีมั้ย?
ครับ…
ก็คิดเรื่อยเปื่อยไปงั้น ขอตั้งต้นไปเรียน A B C D ก่อน อ่านออก-เขียนได้เมื่อไหร่
ก็ไม่แน่นะ!?

Written By
More from plew
“กู้ชาติ” กับ “ขายชาติ” – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน “เหยื่อการเมือง”….. ที่ “นักกินเมือง” ยุคนี้ชอบที่สุด คือพวกอ่านหนังสือไม่เกินวันละ ๘ บรรทัด พื้นที่ในสมองจึง “ว่าง”
Read More
0 replies on “อย่าลืม..เรามีนัดกัน “๒๑ ตุลา.””