ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
ดูโหงวเฮ้ง-บุคลิกน่าจะไม่ใช่คนขี้โกหก..
ฉะนั้น..ที่คุณปรีดี ดาวฉาย อ้าง “กลัวสมองตีบ” ในการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง เมื่อวานซืนนั้น
ผมคนหนึ่งล่ะที่เชื่อ และเมื่อเชื่ออย่างหมดใจแล้ว ใครจะมองจะพูดจะวิจารณ์อย่างไรผมก็เห็นจะคล้อยตามยาก
ยิ่งที่พูดกันว่าคุณปรีดีลาออกเพราะทนแรงกดดันของ “ขาใหญ่” ในพรรคพลังประชารัฐไม่ได้ด้วยแล้ว ยิ่งจะไม่เชื่อ เพราะในพรรคนั้นผมลองสำรวจตรวจตราดูทั่วแล้ว..
ไม่เห็นจะพบขาใหญ่ มีแต่บรรดา “ขาสวยๆ” กับ “ขาไม่(ค่อย)มีแรง” ซะมากกว่า(ไม่ฮา)!
ก็..เอาน่า ตราบใดกรุงรัตนโกสินทร์ยังไม่สิ้นคนดี-คนเก่ง นายกฯ ลุงตู่ย่อมหาคนที่จะมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีคลังจนได้แหละ และหากงมเข็มแล้วไม่เจอ ก็นั่นไง..
นายพิชัย นริพทะพันธุ์..ลองชวนมาปรองดองดู!
เอ้า..แต่โน่นยากจะปรองดอง ก็เรื่องของ “นางไม่งาม” บนเวทีประกวดนางสาวสมิหลา ที่ จ.สงขลา เมื่อคืนวันสุดท้ายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
เพราะ “นางสาว” ที่ตกรอบ เธอไม่ยอมรับว่าตัวเองสวยน้อยกว่าคนที่เข้ารอบ (ในสายตากรรมการ) จึงเลยทิ้งความเป็น “กุลสตรี” ทำหน้าถมึงทึงขึ้นเสียงอาละวาดเอากับผู้ให้คะแนน..
เล่นเอาอลเวงอลวุ่น กลายเป็น “เวทีตลาดนัด” ไปฉับพลัน!
แต่ยังดีที่เมื่อผู้จัด-คณะกรรมการเสนอทางออก ด้วยการ “แบ่งเงิน” ให้นางสาวเข้ารอบ 10 คนเท่าๆ กัน ทุกอย่างก็ยุติ โดยไร้คนได้สวมมงกุฏ “นางสาวสมิหลา” ประจำปี 2563
นี่..แสดงให้เห็นว่า “เงิน” ยังสามารถแก้ปัญหาได้อยู่ไม่ว่าจะยุคไหน?
ผมเห็นด้วยกับคุณบุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี อดีตนางสาวไทย ที่บอก.. “เห็นใจน้องที่ตกรอบ แต่มันทำให้ดูไม่ดีที่ออกมาวีนแบบนั้น ควรให้พี่เลี้ยงออกมาพูดแทน เพราะคลิปนี้จะอยู่กับหนูตลอดชีวิต”
คือ..คุณบุ๋มมองอย่างคนผ่านโลก-ผ่านเวที (ประกวด) มาก่อน ได้เห็น-ได้สัมผัสอะไรต่อมิอะไรมามาก ขนาดว่าดูแค่สายสะพายก็รู้..ใครจะเข้ารอบ!
ซึ่งจะว่าไป ผู้ประกวดที่เดินสายก็พอจะรู้-พอจะเข้าใจอยู่กับเรื่องพรรค์อย่างนี้ การประกวดแต่ละเวทีจึงไม่ค่อยได้ปรากฏภาพเหมือนเหตุการณ์ที่แหลมนางเหงือกครั้งนี้
ใครจะยกยอ ยกย่องสาวงามที่ตกรอบ เป็นผู้กล้า ทำถูกต้องแล้วที่แสดงพฤติกรรรม วาจาแบบนั้นก็ว่ากันไป ส่วนผมเห็นจะชมไม่ลง-ยกยอไม่ได้ ด้วยมองว่าจะเป็นการให้ท้าย..
ส่งเสริมให้ผู้ประกวดเวทีสาวงามเอาตามอย่าง ไม่ยอมรับเป็นนางงามตกรอบ จะยุ่งกันไปใหญ่!
ความจริง การมองคนสวย-คนงาม สายตาหรือรสนิยมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ฉะนั้น ผู้ประกวดก็ต้องเตรียมตัว-ทำใจ ไม่ใช่มั่นใจตัวเองสวยสุด..
ผิดจากฉันแล้ว ต้องถือว่าคณะกรรมการ “ตาถั่ว” อย่างนั้นก็ไม่ถูก!
ส่วนเรื่อง “ล็อค-ไม่ล็อคมง” ก็ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้าของงานและคณะกรรมการที่จะรับ “ผลกรรม” กันไป ซึ่งผู้ชม-คนดูย่อมจะมีวิจารณญาณ ตัดสินใจเองได้!
ไม่เห็นจำเป็นที่ผู้ตกรอบจะหลุดแสดงกริยา-วาจาก้าวร้าวให้กลบความสวย-ความเป็นกุลสตรีของตัวเองไปทำไม?
ลงจากเวทีอย่างผู้แพ้ที่ชนะใจคนดู น่าจะเป็นความภาคภูมิใจมากกว่า จากนั้นค่อยเดินเข้าไปยกมือไหว้ถามหาความยุติธรรมจากกรรมการด้วยน้ำเสียงสุภาพอ่อนโยน..
จะไม่สวย ไม่สง่างามกว่าหรือ..หือ?