ผักกาดหอม
เก่าไป ใหม่มา
วานนี้ (๑ ตุลาคม) คือวันผลัดเปลี่ยนตำแหน่งแห่งหนของข้าราชการน้อยใหญ่
ทั้งกองทัพ ตำรวจ ข้าราชการพลเรือน นายเก่าไป นายใหม่มา ก็เป็นธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษกว่าปีก่อนๆ
มีสิ่งที่ต่างไปเล็กน้อยคือ เปลี่ยนไปพร้อมกับเปลี่ยนรัฐบาล
รัฐบาลใหม่ ข้าราชการใหม่ แต่ปัญหาของประเทศล้วนเป็นปัญหาเก่าที่สะสมมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และยังแก้ไขไม่ได้เยอะแยะไปหมด
นอกจากปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนแล้ว ความขัดแย้งไทย-เขมร ยังเป็นปัญหาลำดับต้นๆ ที่ประชาชนอยากให้จบไวๆ
โดยเฉพาะประชาชนตามแนวชายแดน อยากกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ ไปทำมาหากินเหมือนที่แล้วๆ มา แต่มันก็ไม่ง่าย เพราะ “ฮุน เซน” เลือดเข้าตา เล่นเกมยื้อออกไป หวังดึงประเทศที่สาม หรือองค์กรระดับโลกเข้ามามีบทบาท
“ฮุน เซน” ดิ้นใช้ความขัดแย้งกับไทยสร้างความนิยม เพื่อปูทางให้ “ฮุน มาเนต” ได้รักษาอำนาจต่อไป
ฉะนั้นไม่จบง่ายๆ แน่นอน
นายกฯ อนุทิน พูดไว้หนักแน่น…
“…วันนี้เราดูในเรื่องประโยชน์ของประเทศไทยเท่านั้น เราเปลี่ยนท่าทีแล้ว เพราะสิ่งที่เขาปฏิบัติมา ก็ไม่มีอะไรที่เราจําเป็นจะต้องไปให้ความเกรงใจ
ถ้าอะไรก็ตามที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย และถ้าถึงขั้นที่ว่ามีไปก็ไม่เกิดคุณค่าอะไร ครม.ของผมก็พร้อมจะยกเลิกเอ็มโอยู
ทั้ง ๔ เหล่าทัพจะดํารงสภาพนี้ในการเตรียมพร้อม ในเรื่องของจุดยืน จนกว่าความเป็นภัยของประเทศกัมพูชาจะหมดไปต่อประเทศไทย
ถือเป็นความชัดเจนที่รัฐบาลยึดถือกรอบนี้ เพื่อสนับสนุนข้อสรุปของฝ่ายความมั่นคง…”
ก็คงไม่จบใน ๔ เดือนแน่นอน
รัฐบาลหน้าต้องมารับไม้ต่อแน่ๆ
การรอจนกว่ากัมพูชาจะไม่เป็นภัยต่อไทย จะต้องลงมือทำ
แต่จะทำอย่างไร
ที่จริงก็มีหลายวิธี
อย่างที่ทำอยู่ในขณะนี้คือบีบทางเศรษฐกิจด้วยการปิดชายแดนตลอดแนว
หรืออาจไปไกลถึงขั้นล้มระบอบฮุน เซน
อเมริกาใช้วิธีล้มรัฐบาลมาแล้วในหลายประเทศทั่วโลก หากไทยจะทำบ้างก็ไม่แปลก
แต่วิธีการคงต่างกัน เราคงไม่ใช้ทหารเข้าบุกยึด
ใช้วิธีระเบิดออกมาจากพนมเปญโดยชาวกัมพูชาดูจะได้ผลกว่า อาวุธหลักก็คือเศรษฐกิจ ต้องปิดทุกช่องทาง ให้คนกัมพูชาล้มรัฐบาลตัวเอง
แต่ไม่มีอะไรง่าย ทุกวิธีมีราคาต้องจ่ายทั้งนั้น
คิดเล่นๆ เลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ กลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง นโยบายกัมพูชาจะเป็นที่ถูกจับตามองมากที่สุด
เพราะในขณะที่เราเชื่อว่า พรรคเพื่อไทยคงไม่เผาผีกับ “ฮุน เซน” อีกแล้ว แต่ในการแถลงนโยบายรัฐบาลมีการส่งสัญญาณแปลกๆ จากพรรคเพื่อไทยออกมา โดยการอภิปรายของ สส.พรรคเพื่อไทย ที่ชื่อ “ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์”
“…แม้จะมีความจำเป็นต้องตอบโต้กัมพูชาในเวทีสหประชาชาติ แต่การทะเลาะต่อหน้าชาวโลก ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยขาดความน่าเชื่อถือในสายตานานาประเทศ…”
แม้จะแก้ข่าวในภายหลังเพราะทัวร์ลงยับว่า ไม่ได้ต่อว่า “สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แต่ความคิดแรกมันไปแล้ว ความคิดหลังจึงไม่มีใครฟัง
ไม่มีใครทราบได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง “ทักษิณ” กับ “ฮุน เซน” จบสิ้นลงไป ๑๐๐% แล้วหรือไม่
มีการระแวงว่า หากระบอบทักษิณ กลับมาเป็นรัฐบาล อาจมีนโยบายเกี่ยวกับกัมพูชาในทิศทางที่เอื้อประโยชน์ต่อชนชั้นนำมากกว่าประชาชนทั้ง ๒ ประเทศ
แต่ฝั่งกองทัพถึงเปลี่ยนคน เขาก็ยังชัดเจนเหมือนเดิม
“บิ๊กเติ่ง-พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์” แม่ทัพภาคที่ ๒ คนใหม่ ยืนยันว่าขณะนี้กำลังพลมีความพร้อม
“ผมไม่มีมอตโต หรือคติพจน์ในการทำงาน และมั่นใจว่าการทำงานไม่มีรอยต่อ ที่ผ่านมาก็ทำงานร่วมกันมาโดยตลอด”
วางใจได้ครับคนพูดน้อยต่อยหนัก! เพราะสมัยเป็นรองแม่ทัพภาคที่ ๒ เดินหลับตาก็รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน
ส่วน “บิ๊กใหญ่-พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ” แม่ทัพภาคที่ ๑ หมาดๆ
“…กระผม ขอให้คำมั่นว่ากองทัพภาคที่ ๑ จะปฏิบัติตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบกอย่างเคร่งครัด มีความเป็นทหารอาชีพ มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องอธิปไตยของชาติ และช่วยเหลือประชาชน
อีกทั้งยังเป็นหนึ่งเดียวกับทุกภาคส่วนในการพัฒนาประเทศ และสร้างความมั่นคงของชาติในทุกมิติ กองทัพภาคที่ ๑ จะเป็นกองทัพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างแท้จริง โดยใช้ทุกความสามารถที่มีในการพิทักษ์เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์และมุ่งมั่นไปสู่การเป็นกองทัพภาคที่พร้อมรบและพร้อมถวายงานอย่างสูงสุด…”
อีกคนคือ “บิ๊กคิม-พล.อ.อ.เสกสรร คันธา” ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) มาถูกที่ถูกเวลา
“…การใช้กำลังครั้งต่อไปจะไม่เหมือนครั้งที่ผ่านมา เราจะถูกโจมตีด้วยโดรนขนาดเล็ก เราจะถูกใช้อาวุธระยะไกลยิงเข้าใส่
ถ้าผมเป็นฝ่ายตรงข้าม ใครทำให้ผมเจ็บที่สุด ก็จะทำคนนั้นก่อน
เพราะฉะนั้นการที่มาวันนี้ ก็เพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่ผมพูดทั้งหมดจะไม่เกิดขึ้น หรือถ้าเกิดขึ้นพวกเราก็ต้องพร้อม…”
ครับ…ทหารพร้อมกดดันกัมพูชาเต็มที่่
ก็อยู่ที่รัฐบาลจะใช้วิธีไหนตัดเขี้ยวเล็บของฮุน เซน
แต่ ๔ เดือนคงทำอะไรได้ไม่มาก
ศึกนี้ยืดเยื้อแน่
การเลือกตั้ง มีนาคม-เมษายน ปีหน้า จะมีเรื่องกัมพูชาเป็นหนึ่งในการตัดสินใจของประชาชนว่าจะเลือกใครเป็นรัฐบาล
พรรคเพื่อไทยตัวก่อปัญหา ประชาชนจะให้กลับมาแก้ปัญหาหรือไม่
พรรคประชาชน ที่เคยสนุกสนานกับการตั้งคำถาม ทหารมีไว้ทำไม รบไปก็ไม่ชนะ ประชาชนจะเลือกให้เป็นรัฐบาลไปชวน ฮุน เซน เซ็น MOA ยุติข้อขัดแย้งหรือไม่
ส่วนพรรคภูมิใจไทย ต้องรอดูในฐานะรัฐบาล ๔ เดือนว่า พอมีแนวโน้มที่จะเห็นฝั่งหรือเปล่า
เลือกแบบไหนได้แบบนั้น.
