‘อิ๊งค์’ ทำเรื่องร้ายแรง #ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

หนักใจ!

คือคำพูดของประธานศาลรัฐธรรมนูญ “นครินทร์ เมฆไตรรัตน์”

หนักใจกับคดีที่สมาชิกวุฒิสภาจำนวน ๓๖ คน ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญ ถอดถอน “แพทองธาร ชินวัตร” ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ทำไมต้องหนักใจ?

ก็คงตอบคำถามแทนท่านไม่ได้หรอกครับ แต่คนไทยจำนวนมากก็รู้สึกหนักใจกับการเป็นนายกรัฐมนตรีของ “แพทองธาร” มานานพอควรแล้ว

หนักใจเพราะ ไร้ความสามารถอย่างสิ้นเชิง

ประเทศอยู่ในภาวะวิกฤตทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การต่างประเทศ แต่เรามีนายกรัฐมนตรีที่ไม่เอาไหน ไร้ความรู้ ไร้ภาวะผู้นำ

มีคุณสมบัติอย่างเดียวที่ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลเลือกเป็นนายกฯ คือเป็นลูกสาว “ทักษิณ”

วันนี้ (๑ กรกฎาคม) ที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะพิจารณาคดีถอดถอนนายกฯ แพทองธารครับ ว่าจะรับหรือไม่รับไว้พิจารณา

ประเด็นที่ถูกจับตามองอย่างมากคือ ศาลจะสั่งให้ “แพทองธาร” หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่

คดีที่เกี่ยวข้องกับนายกรัฐมนตรีก่อนหน้านี้ศาลเคยสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่มาแล้ว เช่น กรณี “นายกฯ ๘ ปี” ของ “ลุงตู่”

แต่กรณีตั้งถุงขนมเป็นรัฐมนตรีของ “เศรษฐา ทวีสิน” ศาลรัฐธรรมนูญไม่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ตามคำร้องของ ๔๐ สว.

กรณี “แพทองธาร” อยู่ที่ดุลพินิจของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะรับไว้พิจารณาหรือไม่ ถ้ารับจะสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ด้วยหรือไม่

ไปดูคำร้องของ ๓๖ สว.กันก่อนครับ หลักๆ มี ๒ ประเด็น

๑.ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๐ วรรคหนึ่ง (๔) ประกอบมาตรา ๑๖๐ (๔) และ (๕) หรือไม่

๒.ขอศาลรัฐธรรมนูญโปรดมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๘๒ วรรคสอง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๗๑ ประกอบข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๔๐ (๘)

สารตั้งต้นของคำร้องมาจากคลิปสนทนาระหว่าง “แพทองธาร” กับ “ฮุน เซน” ที่ “ฮุน เซน” เป็นคนปล่อย ขณะที่รัฐบาลพยายามสู้ในประเด็นว่า คลิปเสียงดังกล่าวไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานได้ เพราะถูกแอบบันทึกโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย

โดย “แพทองธาร” ไม่รู้ตัว

ขณะที่ประเด็นของ ๓๖ สว.คือ คำพูดของ “แพทองธาร” ซึ่งละเมิดมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง

… “ไม่อยากให้ uncle ไปฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับเรา เพราะว่าพอไปฟังฝั่งตรงข้ามอย่างพวกแม่ทัพภาค ๒ อย่างเนี้ยค่ะ เป็นคนของฝั่งตรงข้ามหมดเลย ซึ่งพอไปฟังอย่างนั้นเสร็จ ก็ไม่อยากให้ท่านรู้สึกไม่ชอบใจ หรือว่าโกรธ เพราะจริง ๆ แล้วไม่ใช่ความตั้งใจของเราเลยค่ะ”

“เขาอยากจะดูเท่ เขาก็พูดอะไรออกมาที่มันไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติค่ะ”

“บอกว่าจริงๆ แล้วถ้าท่านอยากได้อะไรก็ให้ท่านบอกมาได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะจัดการให้”

“จริงๆ แล้วท่านจะเอาอะไรจริงๆ ให้บอกอิ๊งค์ได้เลย ยกหูบอกก็ได้ อันไหนไม่เป็นข่าว ก็คือไม่เป็นข่าว อันนั้นที่หลุดไป มันหลุดเพราะสื่อ เพราะไม่ได้คุยกับอิ๊งค์แค่สองคน มันคุยกันเป็นกลุ่มนะพี่ มันเลยหลุดน่ะ แต่ถ้าคุยกับอิ๊งค์สองคน มันไม่มีหลุดอยู่แล้ว”

คำร้อง สว.บอกว่า หากผู้ถูกร้องมีเจตนาในการเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างประเทศเพื่อประโยชน์ของประเทศไทยจริง สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเจรจาทางการทูตตามหลักการและมาตรฐานการดำเนินการที่ถูกต้องอย่างโปร่งใสตามกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ไม่มีเหตุผลความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องแอบเจรจากันเป็นการส่วนตัว และเรียกผู้นำประเทศที่กำลังมีการปะทะกันทางการทหารหรือสภาวะสงครามที่มีความขัดแย้งกันทางบูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตยว่า “uncle” และเรียกแม่ทัพภาคที่ 2 ว่า “ฝั่งตรงข้าม”

ทีนี้ลองเทียบเคียงคำพิพากษาศาลฎีกาว่ากรณีไหนศาลรับหลักฐาน คลิปเสียงที่มีการแอบบันทึกไว้พิจารณา และไม่พิจารณา

ไปที่ไม่รับพิจารณาก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๗๘๒/๒๕๖๔

เป็นคดีหมิ่นประมาท ซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัว ไม่ได้เป็นเรื่องร้ายแรงหรือเป็นที่สนใจของประชาชนทั่วไป ศาลก็ไม่รับฟังคลิปเสียงที่เกิดจากการลักลอบสนทนา

การกระทำของนาย ธ. ที่แอบนำเอาโทรศัพท์เคลื่อนที่มาทำการบันทึกเสียงการสนทนาระหว่างจำเลยกับนาย ธ. และคู่สนทนาในระหว่างการพบปะพูดคุยกัน โดยจำเลยไม่ทราบว่าขณะที่ตนสนทนาอยู่นั้น การสนทนาได้ถูกบันทึกลงในโทรศัพท์เคลื่อนที่แล้ว ย่อมเป็นการกระทบกระเทือนต่อสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลของจำเลยอย่างชัดแจ้ง จึงเป็นการแสวงหาพยานหลักฐานโดยมิชอบซึ่งต้องห้ามมิให้รับฟังพยานหลักฐานนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๖ แม้หลักกฎหมายดังกล่าวจะใช้ตัดพยานหลักฐานของเจ้าพนักงานของรัฐเพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน มิให้เจ้าพนักงานของรัฐแสวงหาพยานหลักฐานโดยมิชอบ แต่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๖ ไม่ได้บัญญัติห้ามมิให้นำไปใช้กับการแสวงหาพยานหลักฐานของบุคคลธรรมดา จึงนำไปใช้บังคับแก่กรณีที่เอกชนผู้เสียหายเป็นผู้ได้พยานหลักฐานนั้นมาจากการกระทำโดยมิชอบด้วย ส่วนเหตุยกเว้นให้สามารถรับฟังพยานหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๖/๑ ต้องรับฟังด้วยความระมัดระวังและต้องพิจารณาถึงพฤติการณ์ทั้งปวงแห่งคดีโดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ดังที่กฎหมายกำหนดไว้ คดีนี้โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท อันเป็นการพิพาทระหว่างเอกชนด้วยกัน และเป็นความผิดอันยอมความได้ พฤติการณ์ของความผิดในคดีจึงมิใช่เรื่องร้ายแรงที่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือผลประโยชน์สาธารณะของประชาชนโดยส่วน; รวมทั้งลักษณะของคดียังอยู่ในวิสัยที่โจทก์ทั้งสองสามารถหาพยานหลักฐานด้วยวิธีการอันสุจริต ชอบด้วยกฎหมาย มาพิสูจน์ความผิดของจำเลยได้ การอนุญาตให้รับฟังพยานหลักฐานที่โจทก์ทั้งสองได้มาจากการแสวงหาพยานหลักฐานโดยมิชอบเท่ากับอนุญาตให้โจทก์ทั้งสองนำพยานหลักฐานมาเพิ่มเติมในส่วนที่ตนนำสืบบกพร่องไว้ เพื่อจะลงโทษจำเลยแต่เพียงอย่างเดียว ทั้งที่เป็นการละเมิดต่อสิทธิส่วนบุคคลของจำเลยและกระทบกระเทือนต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชน อันเป็นการขัดต่อหลักการพื้นฐานของการดำเนินคดีอาญาโดยทั่วไป การรับฟังพยานหลักฐานนั้น มิได้เป็นประโยชน์ต่อการอำนวยความยุติธรรม แต่กลับจะเป็นผลเสียที่กระทบต่อมาตรฐานของระบบงานยุติธรรมทางอาญาหรือสิทธิเสรีภาพพื้นฐานของประชาชนมากกว่า จึงไม่อาจรับฟังบันทึกเสียงสนทนาและข้อความจากการถอดเทปการสนทนาเป็นพยานหลักฐานพิสูจน์ความผิดของจำเลยได้

ที่รับพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๕๐/๒๕๖๓

เป็นคดีเจ้าพนักงานเรียกรับสินบน ซึ่งเป็นเรื่องร้ายแรง คลิปเสียงมีความชัดเจนมีคุณค่าเชิงพิสูจน์ ศาลรับฟังคลิปเสียงดังกล่าวเป็นพยานหลักฐาน

จำเลยเป็นเจ้าพนักงาน ผ่านการว่าความมาเป็นจำนวนมาก ย่อมคุ้นเคยกับการซักถามพยานในรูปแบบต่างๆ เป็นอย่างดี ข้อเท็จจริงปรากฏตามบันทึกการถอดเทปสนทนาระหว่างจำเลยกับ ภ. ว่า ภ.พยายามขอร้องให้จำเลยช่วยเหลือ อ.เพื่อมิให้ถูกดำเนินคดี ซึ่งจำเลยก็มิได้ปฏิเสธ เพียงแต่รอให้ ภ.เสนอจำนวนเงิน และเมื่อ ภ.ซักถาม จำเลยยังพูดอธิบายรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินคดีแก่ อ. เพื่อโน้มน้าวให้ ภ.เห็นว่าข้อหานำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรมีอัตราโทษสูง ส่อแสดงว่าจำเลยตอบคำถามของ ภ.ด้วยความสมัครใจ แม้การแอบบันทึกภาพและเสียงการสนทนาระหว่างจำเลยกับ ภ.ตามแผ่นซีดีหมาย วจ.๑ และ วจ.๒ จะเป็นการแสวงหาหลักฐานโดยมิชอบตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒๒๖ ก็ตาม แต่ ป.วิ.อ. มาตรา ๒๒๖/๑ บัญญัติให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบได้ ถ้าการรับฟังพยานหลักฐานนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อการอำนวยความยุติธรรมมากกว่าผลเสียอันเกิดจากผลกระทบต่อมาตรฐานของระบบงานยุติธรรมทางอาญา ดังนั้น แม้แผ่นซีดีหมาย วจ.๑ และ วจ.๒ รวมทั้งบันทึกการถอดเทปสนทนาดังกล่าวจะได้มาโดยมิชอบ ศาลก็นำมารับฟังเป็นพยานหลักฐานได้

ครับ…คงจะได้คำตอบ คลายข้อสงสัยในระดับหนึ่ง.

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างงบฯ ปี 67 สัดส่วนพรรคก้าวไกล รับเรื่องร้องขอปรับลดงบฯ จัดซื้อกระบองโลหะยืดหดของตำรวจศาล พร้อมตรวจสอบอำนาจการใช้ หลังมีประชาชนถูกทำร้ายบาดเจ็บ
30 มกราคม 2567 นางสาวศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. พร้อมด้วย นางสาวพนิดา มงคลสวัสดิ์ สส.สมุทรปราการ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ...
Read More
0 replies on “‘อิ๊งค์’ ทำเรื่องร้ายแรง #ผักกาดหอม”