อาจไม่มีการซักฟอก #ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

เอาแต่ได้…

พรรคเพื่อไทยยังยืนยัน ห้ามมีชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ และห้ามฝ่ายค้านอภิปรายพาดพิง “ทักษิณ ชินวัตร” ในสภา

ยกมาสารพัดเหตุผลครับ

ภาพรวมคือ ห้ามแตะ “ทักษิณ”

แต่ในทางการเมืองก็รู้ๆ กันอยู่ครับว่า “ทักษิณ” โดนแน่

เว้นเสียแต่ว่า มีลับลวงพราง ระหว่างพรรคส้มกับพรรคเพื่อไทย สร้างพล็อตเรื่อง ถอด ไม่ถอดชื่อ “ทักษิณ” ออกจากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะเขานินทากันหนาหูในโซเชียล

ว่าสุดท้ายจะไม่ได้เปิดอภิปราย

แล้วตามด้วยจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ถีบพรรคภูมิใจไทยออก ดึงพรรคส้มเข้า

แต่…ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นครับ เพราะพรรคส้มจะเสียรังวัดครั้งใหญ่

แฟนคลับเทแน่ๆ

มันก็ไม่แน่ครับ การเมืองไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้

วานนี้ (๑๑ มีนาคม) “คัมภีร์ ดิษฐากรณ์” โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวตามคำสั่งของประธานวันนอร์ ราวกับพรรคส้มเป็นลูกไก่ในกำมือ

และการยื่นญัตติส่วนหนึ่งเป็นความผิดพลาดของพรรคส้มเอง

“…จึงเห็นว่า หากปล่อยให้ชื่อบุคคลภายนอกอยู่ในญัตติต่อไปจะเกิดความเสียหาย และความไม่เรียบร้อยในที่ประชุมจนยากจะแก้ไข เนื่องจากอาจจะเกิดการประท้วงไปมาหรือประท้วงประธานสภา ว่าทำผิดข้อบังคับด้วย ไม่ควบคุมรักษาความสงบในที่ประชุม ซึ่งท่านจะต้องรับผิดชอบด้วย จึงต้องใช้ดุลยพินิจในการวินิจฉัยข้อบกพร่องของญัตติดังกล่าว

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบในญัตติพบว่ามี สส.ของพรรคฝ่ายค้านจำนวน ๑๐ รายที่ลายมือชื่อไม่ตรงกับที่เคยให้ไว้กับสภา จึงให้ไปแก้ไข ซึ่งมีการแก้ไขกลับมาวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์”

“…โดยญัตติสมบูรณ์ตั้งแต่วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์…”

นี่คือประเด็นแรกที่เป็นมูลเหตุของการล่าช้า

อีกประเด็นเกี่ยวกับการพาดพิงคนนอก

“…การกล่าวถึงบุคคลภายนอก มีครั้งหนึ่งในสมัยญัตติปี ๒๕๒๙ ที่เป็นการกล่าวถึงบริษัทหนึ่ง แต่ปี ๒๕๒๙ เราต้องรู้ว่าเอกสิทธิ์ความคุ้มกันนั้นมี ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ แม้ว่าไปพาดพิงบุคคลภายนอกก็ไม่สามารถฟ้องร้องได้…”

“…ท่านประธานวันมูหะมัดนอร์ ระบุว่าจริงอยู่ที่ผู้เสนอญัตติพร้อมรับผิดชอบในการกล่าวถึงบุคคลภายนอก แต่ว่าในฐานะประธานสภา ท่านก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย ถ้าชื่อของบุคคลภายนอกไปปรากฏอยู่ในญัตติ และมีการปรากฏอยู่ในสาธารณชน

เพราะเป็นคนใช้อำนาจในการอนุญาตให้บรรจุญัตติ ซึ่งประธานสภาฯ เล็งเห็นในส่วนนี้ซึ่งมีความสำคัญจึงเห็นว่าควรให้ตัดการที่มีบุคคลภายนอกออกไป…”

“…ตอนนี้ท่านประธานสภาฯ ก็มีดำริให้นโยบายมา ในส่วนของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ภายในวันที่ ๑๑-๑๒ มีนาคมนี้ ผมก็จะทำหนังสือชี้แจงในข้อที่ผู้นำฝ่ายค้านโต้แย้งมา หากแก้ไขและยื่นกลับมาเลย จะทันการอภิปราย ในวันที่ ๒๔ มีนาคมนี้

แต่หากยื่นมาหลังวันที่ ๑๙ มีนาคม ก็จะไม่ทันการอภิปรายในสมัยประชุมนี้ เพราะจะปิดสมัยประชุมในวันที่ ๑๑ เดือนเมษายนแล้ว…”

“…หากเป็นไปตามกระแสข่าวว่าจะอภิปรายวันที่ ๒๔ มีนาคม ฝ่ายค้านก็ควรจะส่งญัตติที่แก้ไขแล้วมาให้สภาภายในวันที่ ๑๗ มีนาคม เพื่อให้สภาแจ้งเรื่องให้ ครม.ทราบทันการประชุม ครม.วันที่ ๑๘ มีนาคม

แต่ถ้าฝ่ายค้านส่งญัตติที่แก้ไขกลับมา หลังวันที่ ๑๗ มีนาคม ไปแล้ว สภาก็ส่งเรื่องให้ ครม.ทราบได้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับ ครม.จะพร้อมมาตอบให้หรือไม่

ไม่ได้มีเดดไลน์กำหนดตายตัวว่า ฝ่ายค้านจะต้องส่งญัตติกลับมาให้สภาฯ ก่อนวันอภิปรายกี่วัน เพราะกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ แต่ขึ้นอยู่กับความพร้อมของ ครม.จะมาตอบเมื่อใด”

เห็นไทม์ไลน์แล้วเสียวครับ!

ครม.ไม่ตอบก็จบ

อาจไม่มีการซักฟอกนายกฯ อุ๊งอิ๊งในสมัยประชุมนี้ หากพรรคส้มยังคงเล่นการเมืองแบบเด็กอมมือ ไม่ประสีประสาอะไรทั้งนั้น

เอาเข้าจริงไม่จำเป็นต้องเขียนชื่อ “ทักษิณ” เอาไว้ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ได้

เพราะการไม่เขียนมิใช่การตัดสิทธิที่จะอภิปราย “ทักษิณ”

ไม่เขียนก็ซักฟอกได้

พรรคเพื่อไทยเองเคยสร้างบรรทัดฐานนี้เอาไว้แล้ว

ในการซักฟอกรัฐบาลประยุทธ์ ต้นปี ๒๕๖๓ พรรคเพื่อไทยนี่แหละครับ ที่อภิปรายไม่ไว้วางใจ พ่อลุงตู่

ไม่ได้เขียนชื่อไว้ในญัตติ แต่ซักฟอกได้ พาดพิงได้

ขณะนั้น “เฉลิม อยู่บำรุง” นั่งเป็นประธานรับผิดชอบดูแลข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลประยุทธ์

ข้อมูลที่จะอภิปรายลุงตู่ ไม่ได้เน้นที่ตัวลุงตู่คนเดียว

แต่เป็นพ่อลุงตู่ด้วย

ข้อมูลคือการซื้อขายที่ดินของ “พ.อ.ประพัฒน์ จันทร์โอชา” ย่านบางบอนซอย ๓ เนื้อที่ ๕๐-๓-๐๘ ไร่ ให้กับบริษัทหนึ่งที่เป็นนอมินี ของเจ้าสัวในวงการน้ำเมาคนดังระดับประเทศ

ทีมน้าเหลิมอ้างว่า สิ่งที่น่าผิดสังเกตคือ มีการตั้งบริษัทดังกล่าวขึ้นมาเพียงแค่ ๗ วัน และจากนั้นมีการซื้อที่ดินมีมูลค่าสูงกว่าราคาประเมินถึง ๖๐๐ ล้านบาท

แล้วจับไปโยง การแก้ไขสัญญาร่วมทุน ซึ่งเป็นสัญญาการบริหารและดำเนินกิจการศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

อ้างว่าในยุครัฐบาล คสช. ได้ทำสัญญาใหม่

ไม่มีการเปิดให้มีการประมูล

รวมทั้งให้สิทธิในการบริหารและดำเนินกิจการแก่บริษัทสูงถึง ๕๐ ปี

อภิปรายจบก็จบไป

เพราะเรื่องจริงคือเป็นการซื้อขายที่ดินกันตามปกติ

จะเห็นว่า นอกจากพ่อนายกฯ ประยุทธ์แล้ว บริษัทเอกชนก็ถูกนำไปอภิปรายด้วย

ฉะนั้น หากพรรคส้มยืนหยัดที่จะซักฟอกนายกฯ จริงๆ ก็ควรทำงานการเมืองให้เป็น

ให้เป็นมืออาชีพ

ลำดับความสำคัญก่อนหลังได้ถูกต้อง

ไม่ใช่เล่นบทเด็กเอาแต่ใจตัวเอง แบบนี้ไม่มีทางได้ซักฟอกรัฐบาลครับ

ครับ…เห็นแนวทางอยู่แล้วว่า ทำอย่างไรอภิปรายได้ ทำอย่างไรอภิปรายไม่ได้

คิด…สิคิด “เท้ง”

อย่ายืนกรานต้องใส่ชื่อ “ทักษิณ” สถานเดียว

เพราะนั่นจะนำไปสู่การไม่มีการซักฟอกรัฐบาลในสมัยประชุมนี้

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
Fake News มาอีกแล้ว
เพจเฟซบุ๊ค “ไทยคู่ฟ้า” โพสต์แจ้งเตือนประชาชน กรณีโลกออนไลน์พากันแชร์ข่าวทรัพย์สินนายกฯพุ่ง 2,400 ล้าน ว่าเป็น ข่าวปลอมมาอีกแล้ว อย่าคลิก อย่าแชร์ อย่าสนใจ
Read More
0 replies on “อาจไม่มีการซักฟอก #ผักกาดหอม”