ชี้ชะตา ‘ยิ่งลักษณ์’ #ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

น้องสาวลุ้นวันที่ ๒๒ พฤษภาคม

พี่ชายลุ้นวันที่ ๑๓ มิถุนายน

เรื่องคอขาดบาดตายทั้งนั้น

๒๒ พฤษภาคมนี้ ศาลปกครองสูงสุดนัดฟังคำพิพากษาคดีที่ “ยิ่งลักษณ์” กับสามี “อนุสรณ์ อมรฉัตร” ฟ้องกราวรูดหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตจำนำข้าว

ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีในยุคนั้นคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับพวก

มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงการคลัง กรมบังคับคดี อธิบดีกรมบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร

ฟ้องว่าทั้งหมดนี้ร่วมกันมีคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คือคำสั่งให้ “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายในโครงการรับจำนำข้าว

ที่น่าสนใจคือคดีนี้ “ยิ่งลักษณ์” ชนะในชั้นศาลปกครองกลาง

แต่หน่วยงานรัฐยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด และศาลท่านนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ ๒๒ พฤษภาคม

ปี ๒๕๖๔ ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ ๑๓๕/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ ให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน ๓๕,๗๑๗,๒๗๓,๐๒๘ บาท

คือ “ยิ่งลักษณ์” ไม่ผิด!

ศาลปกครองกลางให้เหตุผลว่า เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะการทุจริตเกิดขึ้นในเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่หลายคนเกี่ยวข้อง

แต่การสอบสวนของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด กลับมิได้มีการดำเนินสอบสวนให้ได้ว่า เจ้าหน้าที่คนใดควรต้องรับผิดเป็นจำนวนเท่าใด จากการทุจริต

อีกทั้ง “ยิ่งลักษณ์” ในฐานะนายกรัฐมนตรี รับรู้เกี่ยวข้องเฉพาะขั้นตอนการทำเอ็มโอยู เพื่อให้มีการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ

แต่ในส่วนการทำสัญญาระบายข้าวไม่ได้เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้กระทรวงการคลังก็รับว่า ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า “ยิ่งลักษณ์” เป็นผู้กระทำให้เกิดความเสียหายโดยตรง และขั้นตอนการตรวจสอบของคณะกรรมการสอบสวนความรับผิดทางละเมิดก็ไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด

ครับ…นั่นคือสาระสำคัญในคำพิพากษาศาลปกครองกลาง

หากวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ศาลปกครองสูงสุดยืนตามศาลปกครองกลาง “ยิ่งลักษณ์” ไม่ต้องชดใช้ความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวแม้แต่สตางค์แดงเดียว

แต่คดีอาญายังอยู่นะครับ

ที่ “ยิ่งลักษณ์” เผ่นไปเมืองนอกก็เพราะหนีหมายจับของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

เป็นหมายจับในคดีที่ “ยิ่งลักษณ์” มีความผิดฐานเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ แต่ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวและเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้ง

จำกันได้นะครับคดีนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสั่งจำคุก “ยิ่งลักษณ์” ๕ ปี

เมื่อปี ๒๕๖๐ ในวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาคดีเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว ๒ คดีรวดนั้น ทุกสายตาจับจ้องไปที่ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ เพราะเป็นคดีใหญ่ในรอบปี

คือคดีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ที่ “ยิ่งลักษณ์” เป็นจำเลย

และคดีทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจี ที่ “บุญทรง เตริยาภิรมย์-ภูมิ สาระผล” รัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ เป็นจำเลยคนสำคัญ กับพวกอีกจำนวนหนึ่ง มีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและเอกชน

หลายคนเฝ้ามอง “ยิ่งลักษณ์” จะปรากฏตัวหรือไม่ โดยเฉพาะสื่อมวลชนที่ยกไปเป็นกองทัพ

“บุญทรง” เดินทางไปศาลแต่เช้าตรู่

แทบไม่มีคำพูดอะไรจากปาก “บุญทรง” นอกจากบอกว่าได้คุยกับ “ยิ่งลักษณ์” แล้ว ว่า “อยู่ระหว่างเดินทางไปศาล”

“บุญทรง” มองเป็นคำมั่นจากนายกรัฐมนตรี ทำให้ตัวเองไม่รู้สึกโดดเดี่ยวนัก

แต่ความจริงคือ “ยิ่งลักษณ์” หนี

“บุญทรง-ภูมิ” ติดคุก

เหมือนถูกหลอก!

๒๒ พฤษภาคม หากศาลปกครองสูงสุดพิพากษาว่า “ยิ่งลักษณ์” ไม่ผิด ไม่ต้องชดใช้ ก็เป็นไปตามนั้น

แต่ในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับคำพิพากษาศาลคือมีความเสียหายเกิดขึ้นจริง

ไม่ใช่เรื่องเท็จ

มีหลักฐานอย่างเป็นทางการอยู่มากมายโดยเฉพาะในงบประมาณแผ่นดิน ที่ต้องตั้งชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นจากโครงการรับจำนำข้าว

๔ ปีโครงการรับจำนำข้าวใช้เงินไปกว่า ๘.๘ แสนล้านบาท

โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๔๔/๔๕ ใช้งบประมาณ ๑๑๘,๖๕๖ ล้านบาท ขาดทุน ๕๘,๓๙๘ ล้านบาท

โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปีการผลิต ๒๕๕๕ ใช้งบประมาณ ๒๑๘,๖๗๐ ล้านบาท ขาดทุน ๑๓๑,๐๕๙ ล้านบาท

โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๕/๕๖ ใช้งบประมาณ ๓๕๒,๒๗๘ ล้านบาท ขาดทุน ๒๑๕,๘๖๑ ล้านบาท

และโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต ๒๕๕๖/๕๗ ใช้งบประมาณ ๑๙๑,๖๕๘ ล้านบาท ขาดทุน ๑๑๗,๖๐๒ ล้านบาท

เดือนเมษายน ๒๕๕๗ ก่อนการรัฐประหาร ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มีการขาดทุนการคลังสูงถึง ๕.๓๙ แสนล้านบาท

หรือเกือบ ๕๓% ของค่าใช้จ่าย

จำต้องตั้งงบประมาณชดเชยในรัฐบาลประยุทธ์อยู่หลายปี

รัฐบาลเพื่อไทยพยายามลบข้อครหา “ภูมิธรรม” พาสื่อไปกินข้าวเก่าเก็บ ๑๐ ปี ยืนกรานว่ากินได้ ไม่ตาย และเตรียมขายยกโกดัง

วันนี้เงียบสนิท!

ทุกครั้งที่พูดถึงโครงการรับจำนำข้าว ทำให้นึกถึง โพสต์ของ “สุรนันทน์ เวชชาชีวะ” ทุกที

“ใครดูให้มึง แต่ละเรื่องน่ากลัว”

“กูพูดไม่ได้”

วันนี้ “บุญทรง” ออกจากเรือนจำในฐานะ นักโทษชั้นเยี่ยม เข้าเงื่อนไขได้รับการพักโทษ ไปรับโทษที่บ้าน จากโทษที่เหลืออีกประมาณ ๒ ปีกว่า

ความรับผิดชอบการบริหารราชการแผ่นดินในฐานะนายกรัฐมนตรีหรือประธานาธิบดีในประเทศที่พัฒนาแล้ว มีความเข้มงวดมาก เพราะการตัดสินใจของผู้นำมีผลต่อประชาชนทุกคน

ทุกเรื่องที่ผู้นำประเทศอนุมัติมาพร้อมกับความรับผิดชอบ

จะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้

กรณี “ยิ่งลักษณ์” อ้างว่าไม่รู้คงจะมักง่ายเกินไป เพราะก่อนที่รัฐบาลจะทำโครงการนี้ มีเสียงเตือนจากทั่วสารทิศว่าจะมีความเสียหายเกิดขึ้น

โดยเฉพาะ “ดร.โกร่ง” วีรพงษ์ รามางกูร คนในรัฐบาลยิ่งลักษณ์

“…นี่คือการฉ้อราษฎร์บังหลวงหรือคอร์รัปชันจากโครงการจำนำสินค้าเกษตรรอบสอง รัฐบาลเสียเงินขาดทุนมากมายส่วนเกษตรกรไม่ได้อะไรเลย ขายของได้ในราคาตลาดเท่านั้นเอง ที่ประชาธิปัตย์ทำไว้โดยการประกันรายได้นั้นดีแล้ว จ่ายส่วนต่างระหว่างราคาตลาดกับราคาประกันตรงให้ชาวนา ชาวไร่ ชาวสวนเลย ถ้าชาวนา ผู้ใหญ่บ้าน กำนันจะโกง ก็ยังดีกว่าโรงสีผู้ส่งออก รัฐมนตรีโกง…”

ลุ้นวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ครับ.

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
สามารถ รุดช่วย เหยื่อแชร์ลูกโซ่ forex , เงินดิจิทัล , หุ้นปลอม , หลอกให้แพ็กของ
18 กรกฎาคม 2566 ที่ศูนย์ร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาลผู้เสียหายจากแชร์ลูกโซ่กว่า 100 คนยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีให้เร่งแก้ไขปัญหาแชร์ลูกโซ่และติดตามความคืบหน้าของคดีหลังแจ้งความคีดไม่คืบ
Read More
0 replies on “ชี้ชะตา ‘ยิ่งลักษณ์’ #ผักกาดหอม”