แน่งๆ อย่าแหลงไหร!
นี่..ถ้าจะบอกนายกฯลุงตู่ได้ ก็จะขออนุญาตพูดประโยคนี้ตามที่ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี เล่าว่าเป็นคำแนะ-คำสอนของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์..
ที่แปลเป็นคำไทยสากล.. “นิ่งๆ อย่าพูดอะไร”!
ซึ่งก็ไม่เข้าใจ (จริงๆ) ทำไมพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงไม่พยายามที่จะสงบปาก-สงบคำ ทั้งๆที่ก็รู้เต็มอกว่า..การกล่าววาจา-พูดไปเสียทุกเรื่อง ทุกประเด็นทางการเมืองนั้น..
รังแต่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง ความแตกแยก การตอบโต้ และเป็นข่าวไม่เว้นวัน!
ไม่ได้ให้แบ่งชนชั้น แต่หากจะนำสำนวน “หมากัดอย่ากัดตอบ” มาลองใช้ดูบ้าง บางทีดูจะเหมาะกับสถานการณ์ ที่คนพาล หรือคนที่มีศักดิ์ศรีต่ำกว่า พยายามที่จะสร้างราคาให้ตัวเอง..
แล้วมีความจำเป็นอะไร ที่จะต้องลดตัวลงไปต่อปากต่อคำให้ “คนพาล” ผู้นั้นมีราคา-ค่างวดขึ้นมาล่ะ?
เจริญรอย เอาตามอย่างเถอะครับ ผมหมายถึงให้นายกฯ ลุงตู่เอาคำแนะ-คำสอน “แน่งๆ อย่าแหลงไหร” ของป๋าเปรมมาใช้อย่างจริงจัง และหากปฏิบัติตัวถึงขั้นเป็น “เตมีย์ใบ้” ก็ยิ่งประเสริฐนัก!
คงไม่ใช่เรื่องลำบาก ยากเย็น หรือต้องฝึกฝนอะไรมากมายแม้จะเป็น “ไม้แก่” ก็เถอะ แค่ให้ระลึกอยู่ตลอด..ตัวเราเป็นผู้นำ ที่อาสาจะมาทำให้บ้านเมืองสงบสุข
ฉะนั้น ไม่ว่าใครจะวิพากษ์วิจารณ์ หยาบคาย รุนแรงแค่ไหนอย่างไร ก็ต้องข่มใจ-ข่มอารมณ์ “ไม่ต่อปากต่อคำ” ให้เกิดเป็นประเด็นขัดแย้ง-แตกแยกเด็ดขาด!
ส่วนมาด-บุคลิกทหารไม่ต้องทิ้ง-ไม่ต้องสลัด รักษาไว้คงเดิมนั่นแหละ ให้เป็นที่หมั่นไส้ของใครบางคนบ้างก็ไม่เป็นไร เพราะคนที่ชัง-ไม่ชอบขี้หน้านั้น..
ต่อให้นายกฯ ลุงตู่เดิน-นั่งท่าไหน-แบบไหน ก็ไม่ถูกตา-ถูกใจไปเสียทุกอิริยาบถแหละ!
เนี่ย..เห็นมั้ย? “แน่งๆไม่ต้องแหลงไหร” วานนี้ คุณนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) ก็ช่วยแหลง-ช่วยพูดแทน ว่าจากผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ปมถวายสัตย์ฯ ในสายตาประชาชน..
พบว่าร้อยละ 75.3 ระบุเป็นการไม่บังควร ถึง ไม่บังควรอย่างยิ่งที่ฝ่ายการเมืองนำปมถวายสัตย์ฯ มาโจมตีกันในเวลานี้
และพบว่าร้อยละ 64.7 ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีสร้างผลงานแก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชนที่เหมาะสมที่สุดในเวลานี้
“โพลนี้สะท้อนให้เห็นว่า ฝ่ายการเมืองกำลังทำในเรื่องที่ไม่บังควรถึงไม่บังควรอย่างยิ่งและไม่ตอบโจทย์ของประชาชน
เพราะสิ่งสำคัญสุดในเวลานี้คือความเดือดร้อนของประชาชนเรื่องปัญหาปากท้อง ค่าครองชีพ รายจ่ายที่มากกว่ารายได้
ผู้นำพรรคการเมืองใหญ่บางพรรคเคยกล่าวหารัฐบาลทหารในช่วงก่อนการเลือกตั้งว่ารัฐบาลทหารไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จึงละเลยปัญหาประชาชน ไม่ใส่ใจความเดือดร้อนของประชาชน
แต่วันนี้ประเทศของเรามีนักการเมืองที่ผ่านการเลือกตั้งเข้าสู่อำนาจในสภาฯ ตามระบอบประชาธิปไตยแล้ว กลับพบแต่ข่าวเรื่องไกลตัวประชาชนที่ผู้นำพรรคการเมืองเหล่านั้นทำอยู่
เช่น การแต่งกายในสภา ความพยายามแก้รัฐธรรมนูญ และล่าสุดปมถวายสัตย์ฯ ของนายกรัฐมนตรี
คำถามคือ ผู้นำพรรคการเมืองจากการเลือกตั้งใส่ใจประชาชนมากกว่ารัฐบาลทหารจริงหรือ”
นั่นสิ..หัวหน้าพรรคไหนจะตอบ..เชิญ?
สันต์ สะตอแมน