ผักกาดหอม
ปากดีกันจัง…
เห็น สส.พรรคส้ม ออกมาตะเพิด “ปูอัด-ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์” สส.คนรุ่นใหม่ไฟแรง กรุงเทพมหานคร ราวกับว่านักการเมืองในพรรคส้มอุดมไปด้วยผู้ทรงจริยธรรม
อยู่ในศีลกันถ้วนทั่ว!
จึงอดไม่ได้ครับ ที่ต้องย้อนเวลากลับไปช่วงพรรคส้ม ขณะนั้นใช้ชื่อว่า “ก้าวไกล” เจอวิกฤต สส.บ้ากาม คุกคามทางเพศ
ก็… “ปูอัด” นี่แหละครับเป็น ๑ ใน ๒ สส.ที่ตกเป็นข่าวในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน
พรรคก้าวไกลซึ่งขณะนั้น ตั้งตนเป็นความหวังของระบอบประชาธิปไตย เป็นแสงสว่างของ เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ แทนที่จะจัดการกับความอื้อฉาวให้ฉับไว เสร็จในเร็ววัน กลับเงียบเป็นเป่าสาก
นักข่าวไล่ถามความเห็นจากบรรดา สส.ฝีปากกล้าสีส้ม ผลคือ ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก
เงียบกริบ!
จำได้ว่ามีแค่ “ไอติม-พริษฐ์ วัชรสินธุ” รูปหล่อหลานพี่มาร์ค คนเดียวเท่านั้นที่คอยตอบคำถามจากสื่อมวลชน
แต่ก็พูดอะไรได้ไม่มากเพราะ “ไอติม” ไม่ได้เห็นกับตา
แถมยังถนัดตอบเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ และ ม.๑๑๒ มากกว่า
ถว่าถั่วจะสุก งาก็เป็นขี้เถ้าไปแล้ว
พรรคก้าวไกลงัวเงียตื่นมาจัดการเรื่อง สส.บ้ากาม หลังตกเป็นข่าวอยู่ร่วมเดือน
พรรคก้าวไกลเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคและสส.พรรค วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ มี “ชัยธวัช ตุลาธน” นั่งหัวโต๊ะ
ถกกัน ๖ ชั่วโมงว่าจะเอาอย่างไรกับ ๒ สส.ที่ตกเป็นข่าวฉาวดี
คนแรกคือ “วุฒิพงศ์ ทองเหลา” สส.ปราจีนบุรี อีกคนคือ “ปูอัด” รูปหล่อมือปลาหมึก ผู้นิยมปาร์ตี้ยามค่ำคืน นั่นเอง
หลังจากเถียงจนกลิ่นคาวคละคลุ้งไปหมด ที่ประชุมก็ลงมติ แทนที่จะไล่ออกจากพรรคทั้งคู่ กลับมี ๒ มติซะงั้น
ที่ประชุมพรรคก้าวไกลในวันนั้น ยกรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการทรราชสืบทอดอำนาจเบ็ดเสร็จ มีข้อกำหนดว่า การขับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะต้องเป็นการลงมติในที่ประชุมร่วมกันระหว่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมการบริหารพรรค
โดยการลงมตินั้นจะต้องได้รับเสียง ๓ ใน ๔ ของจำนวน สส. และกรรมการบริหารพรรคทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ไม่ใช่ที่มาประชุม
ซึ่งจะอยู่ที่จำนวน ๑๑๖ เสียง จาก ๑๕๔ เสียง
ผลที่ปรากฏจากการลงมติของ สส. และกรรมการบริหารพรรคที่มาร่วมประชุมทั้งหมด ๑๒๘ คน ออกมาดังนี้ครับ
๑.กรณี วุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี
ที่ประชุม ๑๒๐ คนลงมติให้ขับออกได้สำเร็จ เพราะเสียงเกิน ๑๑๖ เสียง
๒.กรณี ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม.
ที่ประชุม ๑๐๖ คนลงมติให้ขับออก เท่ากับขับออกไม่สำเร็จ มี สส.พรรคส้มอุ้ม “ปูอัด” ๒๒ คน
ฉิบหายสิครับ!
ทัวร์ลงเละทั้งพรรค
และหนักกว่าทัวร์จีนลงหลายเท่าตัว เมื่อ “ชัยธวัช ตุลาธน” นั่งเกาคางที่หัวโต๊ะ บอกกับสังคมขี้สงสัยว่า ไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อ ๒๒ สส.ได้
“…เปิดไม่ได้ผมในฐานะหัวหน้าพรรค ได้เรียกร้องให้มีการลงมติ และเปิดอภิปรายถกเถียงอย่างเต็มที่ เพื่อให้ทุกคนไม่ต้องกังวล
ผมเป็นคนกำชับเองว่าเมื่อลงมติไปแล้ว สามารถมีความคิดเห็นแตกต่างกันได้ แต่เมื่อลงมติไปแล้ว ต้องไม่โจมตีเพื่อนที่ลงมติแตกต่างจากตนเอง ไม่เช่นนั้นต่อไปในพรรค เวลาที่เปิดให้ทุกคนแสดงความเห็นอย่างเต็มที่ แม้จะเห็นไม่ตรงกัน ก็จะไม่สามารถทำได้
ผมในฐานะหัวหน้าพรรค ขอให้ทุกคนไม่เอารายชื่อว่าใครโหวตอะไร มากล่าวหาโจมตีกัน ดังนั้น ผมเองก็เปิดเผยไม่ได้ ก็เป็นคนบอกให้ สส.ไม่ให้ออกมาเปิดเผยเอง
เหตุผลก็มีแค่นั้น
เราไม่ได้ปกปิดว่าใครมีความเห็นว่าอย่างไร แต่เป็นเรื่องกระบวนการภายในของพรรค
ผมยืนยันว่า การที่มีความเห็น การโหวตแตกต่างกันนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่มีความชัดเจนไม่เท่ากันของทั้ง ๒ กรณี…”
อาแปะ อาอึ้ม อาเจ็ก อาซิ่ม อากู๋ อากิ๋ม ลงจากรถทัวร์โวยลั่น ลื้อซี้ซั้วต่า!
ไหนบอกเป็นพรรคแห่งความหวังแห่งแสงประชาธิปไตย โปร่งใสตรวจสอบได้ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมเต็มพิกัด ไร้เพดาน
กับอีเรื่องขับ สส.บ้ากาม กลับตีตราแดง ลับสุดยอด
แล้วจะไปบริหารประเทศที่ปัญหามากองเต็มโต๊ะได้อย่างไร
ครับ…พรรคส้มขอแก้ตัวโหวตกันอีกรอบในวันที่ ๗ พฤศจิกายน
๑ สัปดาห์ผ่านไป ถึงจะขับออกจากพรรคสำเร็จ
แต่ ๒๒ สส.ยังเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้
ก็น่าประหลาดใจครับ “ปูอัด” ฉาวรอบสองรอบสาม แต่คราวนี้ย้ายไปอยู่พรรคไทยก้าวหน้า ก็ไม่วายมี นักการเมืองส้ม ระดับเจ้าแม่ อุ้มแบบไม่ดูตาแรดตาชะนีเลย
ห้ามลาออกจาก สส.เพราะยังเป็นผู้บริสุทธิ์!
นั่นคือเสียงจาก “อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล” เตี้ยหลังม็อบของลุงตู่
“แค่ดิฉันไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดตามมาถ้าเราไปด่วนประหารชีวิตใครสักคนทางสังคมและทางการเมืองด้วยเรื่องพาดหัวข่าวสั้นๆ โดยยังไม่ทันได้ให้โอกาสอีกฝ่ายโต้ตอบข้อกล่าวหาก็เท่านั้น”
“การไปด่วนชี้หน้าใครถูกผิด หรือประณามหยามเหยียดน่าจะต้องรอให้เรื่องสะเด็ดน้ำกันบ้าง และต้องมีใจเป็นธรรมไม่ใช้อคติที่มีในใจไปแล้วจากประวัติของเขาด้วย” “เพราะแม้แต่คนทำผิดครั้ง ๑, ๒ มาแล้ว ก็อาจไม่ใช่คนผิดในครั้งที่ ๓ คนเรามีแนวโน้มจะผิดซ้ำได้ แต่ก็ไม่ใช่จะ ๑๐๐ %”
“รอเวลานิดให้เรื่องเขยิบจากชั้นตำรวจ ไปช่วยกันไล่ออกตอนที่ชั้นอัยการเห็นว่ามีมูลสั่งฟ้องคงจะดีกว่า คงยังไม่ได้สายเกินไป”
“อาจไม่ได้ต้องรอถึงชั้นศาลตัดสินก็ได้เพราะมันคงจะนานเกินไป”
“แต่ดิฉันมีพื้นฐานไม่เคยเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมไทยที่มันเหลวแหลกเป็นที่ประจักษ์ โดยเฉพาะในชั้นต้นคือชั้นตำรวจที่ไม่เคยมีความน่าเชื่อถือ ทั้งมั่วทั้งผิดพลาด”
ต้องมีปมอะไรสักอย่างครับ!
คนที่สรุปได้ว่าต้องยกเลิก ม.๑๑๒ เพราะ ขัดขวางประชาธิปไตย กลับสรุปไม่ได้ว่าคนที่เคยทำผิดทางเพศซ้ำซาก จะกลับมาทำผิดอีกครั้ง ช่างเหนือความคาดหมายจริงๆ
ก็…สรุปให้ “ปูอัด” ผลิตผลจากปาร์ตี้สีส้ม
![](https://plewseengern.com/wp-content/uploads/2024/09/plew-300x245.jpg)