11 มิถุนายน 2564- เวลา 10.00 น.ที่สำนักงาน ป.ป.ช.นนทบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้หอบหลักฐานมาร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้สอบสวนการจัดซื้อเสาไฟประติมากรรมกินรีพลังงานโชล่าเซลล์ ของ อบต.ราชาเทวะ จ.สมุทรปราการ
ที่อาจส่อไปในทางทุจริตและไม่มีความคุ้มค่าต่อการใช้จ่ายเงินแผ่นดิน เนื่องจากบางส่วนมีการติดตั้งในซอยที่เป็นป่าหญ้ารกทึบ มีระยะเสาแต่ละต้นถี่เกินไป และอาจเป็นการเอื้อประโยชน์ให้เอกชนบางราย
เมื่อตรวจสอบการดำเนินโครงการดังกล่าวพบว่า เสาไฟกินรีแต่ละต้นมีราคาเฉลี่ยต้นละ 95,485 บาท โดยมีการประมูลติดตั้งมาตั้งแต่ปี 2556 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันกว่า 8 ปีแล้ว ดำเนินการไปแล้วมากกว่า 12 สัญญา มูลค่า 1,079,291,000 บาท โดยมีเสาไฟกินรีระบบโซล่าเชลล์ติดตั้งแล้วกว่า 11,339 ต้น
ในขณะที่ อบต.ราชาเทวะมีพื้นที่เพียง 31 ตร.กม.คิดเป็น 19,375 ไร่ (ในจำนวนนี้ใช้เป็นพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ จำนวน 9,451 ไร่) ซึ่งจะเหลือเป็นพื้นที่เหลือเพียง 9,924 ไร่เท่านั้น มีครัวเรือนเพียง 15,185 หลังคาเรือนเท่านั้น หากจะเปรียบเทียบให้เห็นชัดเสาไฟกินรี 1 ต้นจะเท่ากับ 1 ครัวเรือนเลยทีเดียว ซึ่งเป็นกรณีที่ผิดปกติอย่างมาก
นอกจากนั้น ในการประมูลงานดังกล่าวตลอด 8 ปีที่ผ่านมา มีเพียงบริษัทเดียวที่สามารถประมูลงานดังกล่าวได้ แม้จะมีคู่แข่งขันที่เสนอราคาต่ำกว่าราคากลางเกือบครึ่งแต่ก็ถูกปัดตกด้านคุณสมบัติ อันชี้ให้เห็นถึงข้อพิรุธ ที่สำคัญการกำหนดราคากลาง ไม่มีความเสถียรจะเปลี่ยนแปรไปตามวงเงินงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรในแต่ละครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดสังเกต ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดตาม พรบ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ 2542 หรือกฎหมายฮั้วประมูลได้ แม้จะอ้างว่าการประมูลดำเนินการตามกฎหมายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 แล้วก็ตาม
ทั้งนี้ เมื่อสมาคมฯลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพข้อเท็จจริงก็พบว่าในพื้นที่ของ อบต.ราชาเทวะ ทุกตรอก ซอก ซอย ซึ่งแม้เป็นซอยแคบๆจะเต็มไปด้วยเสาไฟประติมากรรมกินรีพลังงานโชล่าเซลล์เต็มไปหมดทั้งสองฝั่งซอย บางจุดมีระยะห่างประมาณ 5-10 เมตรก็มี และบางซอยแทบจะเป็นซอยร้างมีหญ้าขึ้นรกชัฏ บางซอยถนนหนทางเป็นหลุมเป็นบ่อน้ำขังใช้สัญจรแทบไม่ได้ แต่ก็ยังมีเสาไฟกินรีไปติดตั้งอย่างมากมาย และยังมีติดตั้งรอบสระน้ำก็ยังมีอีกด้วย
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงต้องนำความพร้อมพยานหลักฐานมายื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ดำเนินการไต่สวนตาม พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 เพื่อเอาผิดผู้บริหารและที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด