ผักกาดหอม
โดนด่าไปสิครับ…
ปัญหาฝุ่น PM2.5 ทำให้เห็นธาตุแท้ของนักการเมือง โดยเฉพาะพวกปากเก่ง
ตอนเป็นฝ่ายค้านวิจารณ์กันไฟแลบ
พอมาเป็นรัฐบาลเหมือนลิงแก้แห ไม่รู้จะทำอะไรก่อนดี สุดท้ายเอาแต่พูด ไม่ลงมือทำอะไรจริงจังสักอย่าง
บางอย่างที่ทำไม่ต่างจากเอาไม้จิ้มฟันไปงัดไม้ซุง ปากพยายามบอกว่าเห็นมั้ยรัฐบาลทำแล้ว แต่ไอ้ที่รัฐบาลทำ ขี้หมูราขี้หมาแห้ง
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นายกฯ แพทองโพย ของเราสำลักโพยไปเรียบร้อย บอกตรงๆ ว่าสงสาร
“…เราเตรียมมาตรการตั้งแต่ก่อนปีใหม่ช่วงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๗ ว่ามาตรการจะออกมาอย่างไร หากเผาจะถูกปรับอย่างไรมีหมดแล้ว
ด้านอุตสาหกรรมการเผาลดน้อยลงมากจากปีที่แล้ว แต่ฝุ่นเป็นเรื่องของการสะสมมาเป็นระยะเวลานาน…”
เตรียมมาร่วม ๓ เดือน ทำได้แค่นี้?
นักข่าวถามเรื่อง เวิร์กฟรอมโฮม หลายหน่วยงานราชการรอคำสั่งอยู่อยากให้ออกมาให้ชัดเจน
คำตอบคลาดเคลื่อนจากโพยไปเล็กน้อย
“…จริงๆ แล้ว เรื่องนี้ก็เป็นไปได้เลย เราสามารถคุยกันได้ว่าที่ไหนสามารถเวิร์กฟรอมโฮมได้แล้วไม่กระทบอะไรมากเกินไป ก็จะลดในเรื่องของการเดินทางได้เยอะขึ้น
ขอไปพูดคุยในรายละเอียดอีกนิดว่าแนวทางที่พูดคุยกันไว้เบื้องต้น ที่ยังไม่เคาะ คิดว่าเป็นไปได้ในเรื่องนี้ เพราะช่วงนี้ฝุ่นเยอะจริงๆ…”
เตรียมมา ๓ เดือน มาตรการมันต้องชัดสิครับ ไม่ใช่มาแบ่งรับแบ่งสู้ เหมือนยังไม่ได้คุยกันในประเด็นนี้มาก่อน
แถมยังพูดให้งงอีก!
แต่เอาเถอะครับ ปัญหา PM2.5 นายกรัฐมนตรีคนเดียวแก้ไม่ได้ ต้องอาศัยประชาชนทั้งหมด ไม่เฉพาะคนไทยครับ แต่เป็นชาวอาเซียนทั้งหมด
ถ้าไม่ร่วมมือกันไม่มีทางแก้ไขได้ ทุกคนจะต้องสูดดม PM2.5 กันต่อไป
เพียงแต่นักการเมืองควรอยู่กับข้อเท็จจริง และบอกความจริงกับประชาชน
ไม่ใช่เป็นฝ่ายค้านอย่าง พอเป็นรัฐบาลเป็นอีกอย่าง
สมัยรัฐบาลลุงตู่ ช่วงต้นปีของทุกปีก็สูดฝุ่นกันแบบนี้แหละครับ แต่พรรคเพื่อไทยแสดงความเก่งกาจว่าหากเป็นรัฐบาลสามารถแก้ปัญหาได้
ตอนนี้เป็นไงครับ
สดๆ ร้อนๆ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ถล่มรัฐบาลแหลก ถามหาผลงานแก้ปัญหา PM2.5 ว่าอยู่ไหน บรรดาสมุนซ้าย ขวา ในพรรคส้ม วิจารณ์รัฐบาลยับว่า ไม่มีศักยภาพที่จะแก้ปัญหาได้
เอาไว้ พรรคส้มเป็นรัฐบาล สัญญากันตอนนี้ได้มั้ยว่า หากแก้ปัญหา PM2.5 ไม่ได้ยุบสภาทันที
โม้ได้ครับ แต่เจอสถานการณ์จริงมันไม่ง่าย
เพราะมาตรการที่ต้องใช้คือ “บังคับ” ประชาชน ห้ามทำในหลายๆ กิจกรรม
เอาแค่ ลดจำนวนรถยนต์ที่วิ่งใน กทม.ลงไปครึ่งหนึ่ง โดยใช้มาตรการวิ่งวันคู่วันคี่ตามหมายเลขทะเบียนรถยนต์ ไม่มีรัฐบาลไหนกล้าทำเลยครับ
กลัวประชาชนด่า
จะเสียคะแนนนิยม
ตัวผู้ว่าฯ กทม.ก็เหมือนกัน โม้ไว้เยอะ ทั้งที่รู้ว่า PM2.5 ที่เกิดใน กทม.นั้น มันไม่สามารถแก้ปัญหาโดยกทม.ตามลำพังได้
เพราะนอกจากต้องยกระดับเป็นวาระแห่งชาติแล้ว ยังต้องเป็นวาระของประชาคมอาเซียนด้วย
ต้องหยุดเผาทั้งอาเซียนถึงจะแก้ปัญหาได้
แต่ก็ยังไม่เห็นความกระตือรือร้นที่จะหารือกันในระดับอาเซียน
คงเพราะรัฐบาลไทยมัวแต่ตอกเสาเข็มสร้างกาสิโนเพลินไปหน่อย
ปัจจุบันมีเครื่องไม้ครื่องมือที่จะใช้เแก้ปัญหา หรือไว้เตือนประชาชนล่วงหน้า มีเยอะครับ แต่กลับไม่มีการนำมาใช้ให้เต็มประสิทธิภาพ หลายคนสงสัย
ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ กูรูสิ่งแวดล้อมเขาก็สงสัย
“…ผมไม่มีความคิดเห็นต่อวิธีการแก้ไขปัญหาฝุ่นที่ออกมาเพราะมี ๒ มุมมอง แต่ที่สงสัยคือช่วงเวลาที่ทำ
ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน เราพอทำนายสถานการณ์ฝุ่นล่วงหน้าอย่างน้อยก็ ๓ วัน โดยดูจากสภาพอากาศ
ผมจึงสงสัยว่าทำไมมาตรการต่างๆ ที่ทำในกรุงเทพฯ และจังหวัดรอบๆ บางอย่างก็ไม่สอดคล้องกับช่วงเวลาของฝุ่นที่พอคาดเดาได้ด้วยเทคโนโลยีและหลักวิชาการ
เราโดนฝุ่นหนักๆ กันมาตั้งแต่กลางสัปดาห์ก่อน แต่ไม่มีมาตรการใดชัดเจน
มาถึงวันเสาร์ เราขึ้นรถไฟฟ้าฟรี ต่อเนื่องไปอีกทั้งสัปดาห์ ถึงวันที่ ๓๑ มกราคม
นอกจากนี้ ยังพอทราบว่า โรงเรียนบางแห่งปิด ให้เรียนออนไลน์ในสัปดาห์หน้า รวมถึงมหาลัยบางแห่งที่ให้อาจารย์เลือก ซึ่งส่วนใหญ่ก็คงเป็นออนไลน์ (เน้นย้ำ-บางแห่ง)
แต่ดูจากโมเดลพยากรณ์ต่างๆ สถานการณ์ฝุ่นจะคลี่คลายในวันจันทร์
และต่อเนื่องถึงอังคารและพุธ ที่อาจมีฝุ่นกลับมาบ้าง แต่ก็ไม่แรงเหมือนสัปดาห์ก่อน
หลังจากนั้นยังทำนายไม่ได้ หมายถึงบอกไม่ได้
ที่สงสัยคือช่วงฝุ่นแรงๆ ที่พอรู้ล่วงหน้า เราไม่ทำอะไร
พอฝุ่นเริ่มหายไป เรากลับทำนี่นั่นตามกระแส
กระแสจะเกิดเมื่อมีฝุ่นหนัก เพราะคนมองเห็นด้วยตา แต่อากาศที่เอื้อต่อฝุ่นจะอยู่เพียงไม่กี่วัน
หากเรารอให้ฝุ่นเยอะจนเกิดกระแส จากนั้นค่อยทำ เวลามันจะเหลื่อมกันแบบนี้เสมอ
เอาเป็นว่าในวันจันทร์ หากเป็นไปตามพยากรณ์ พ่อแม่อาจมึน สงสัยว่าทำไมลูกถึงอยู่บ้านเรียนออนไลน์ ทั้งที่ฟ้าใส ก่อนเดินมึนๆ ขึ้นรถไฟฟ้าฟรีโดยใช้เงินภาษี ต่อไปทั้งสัปดาห์
ก็ได้แต่ตั้งคำถามไว้แบบมึนๆ เหมือนกัน
ฝุ่นมา เราตกใจ ฝุ่นหาย เราทำ…”
มองในมิติการป้องกัน รัฐบาลยังสอบตก
แล้วการแก้ปัญหาที่ยากกว่าหลายเท่าตัว จะสอบผ่านได้อย่างไร
สุดท้ายเชื่อเถอะครับ รอหมดหน้าเผาไร่ รัฐบาลก็ไม่มีผลงานอะไรออกมาเป็นชิ้นเป็นอัน
มาพูดเรื่อง PM2.5 อีกทีก็ปลายปีนี้ต้นปีหน้า หากรัฐบาลนี้มีวาสนาได้อยู่ต่อจนถึงวันนั้น ก็จะถูกด่าเหมือนที่โดนอยู่ในวันนี้
เพราะเรายังคงอยู่กับ PM2.5
ขณะเดียวกัน ในวันนั้น ไม่แน่ว่า…รัฐบาลปล่อยใบอนุญาตเปิดกาสิโนไปเกลี้ยงแล้ว
เนื้อๆ เป็นกอบเป็นกำ
