5 มกราคม 2568 เมื่อเวลา 17.44 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปถวายสักการะพระมหาธาตุเจดีย์ (พระมหาธาตุประจำปีพระบรมราชสมภพ ปีนักษัตรมะโรง) เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ วัดพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ และเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีสมโภช พระอัฏฐารส และพระอัครสาวกกับทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในยอดฉัตรทองคำ เพื่อเชิญไปประดิษฐานเหนือปราสาทเฟื้องสันหลังคาพระวิหาร ณ วัดเจดีย์หลวง อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ และประชาชน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ
จากนั้น ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินถึงวัดพระสิงห์ ณ ที่นั้น นายชัชวาล ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ และประชาชน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ แล้วเสด็จเข้าพระวิหารหลวง ทรงรับพัดรองที่ระลึกตราสัญลักษณ์ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ทรงวางพัดรองที่ระลึก ฯ ที่โต๊ะหมู่หน้าพระประธานประจำพระวิหารหลวง ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองทิศ บูชาพระพุทธศรีสรรเพชญ ทรงกราบ ทรงศีล ประธานสงฆ์ถวายศีล จบ
จากนั้น ทรงพระดำเนินไปยังพระวิหารลายคำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธสิหิงค์ ทรงกราบ เสร็จแล้ว เสด็จออกจากพระวิหารลายคำ ไปยังลานพระมหาธาตุเจดีย์ ทรงชักสายสูตรห่มผ้าที่องค์พระมหาธาตุเจดีย์ พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ กลองชุมประโคมถวายเป็นพุทธบูชา เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ทรงกราบ ต่อมาทรงพระดำเนินไปยังพระวิหารหลวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก เสร็จแล้ว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กราบบังคมทูลเบิกผู้มีจิตศรัทธาบำรุงพระอาราม เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานของที่ระลึกตามลำดับ ต่อจากนั้น รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแผ่นศิลา เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และพระนามาภิไธย เสร็จแล้ว ทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์ จากนั้น ทรงรับถวายของที่ระลึก จากพระเทพสิงหวราจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ สมควรแก่เวลา จึงประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดเจดีย์หลวง อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ตั้งอยู่ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1888 โดยพญาผายู กษัตริย์เชียงใหม่ องค์ที่ 5 แห่งราชวงศ์มังราย เดิมวัดแห่งนี้มีชื่อว่า “วัดลีเชียงพระ” ต่อมา พ.ศ. 1943 พญาแสนเมืองมา ได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ หรือพระสิงห์ประดิษฐานไว้ที่วัดลีเชียงพระ ประชาชนจึงเรียกวัดลีเชียงพระว่า “วัดพระสิงห์” นับตั้งแต่นั้นมา วัดพระสิงห์ ได้รับพระราชทานยกฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2483 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ส่วนพระมหาธาตุเจดีย์ (พระธาตุหลวง) เป็นที่บรรจุพระเกศาธาตุ เป็นพระธาตุประจำปีนักษัตรปีมะโรง พญาผายูทรงสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1888 และระหว่าง พ.ศ. 2101 – 2317 วัดพระสิงห์ มีสภาพเป็นวัดร้าง
ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2469 พระราชชายา เจ้าดารารัศมี และเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ และครูบาศรีวิชัย ได้นำประชาชนและพุทธศาสนิกชนร่วมกันบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะและเสริมสร้างพระธาตุเจดีย์ให้สูงใหญ่ขึ้น ในการเสด็จพระราชดำเนินไปถวายสักการะพระมหาธาตุเจดีย์ประจำปีพระบรมราชสมภพ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ วัดพระสิงห์ วรมหาวิหาร และ ทรงประกอบพิธีสมโภชพระอัฏฐารส และพระอัครสาวก ทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในยอดฉัตรทองคำ เพื่อเชิญไปประดิษฐานเหนือปราสาทเฟื้องสันหลังคาพระวิหาร ณ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินเข้าเวียงเชียงใหม่คูเมืองชั้นใน โดยผ่านประตูช้างเผือก (ประตูหัวเวียง) นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ อันเป็นครั้งแรกในรัชกาล ซึ่งชาวเชียงใหม่ต่างรู้สึกปลื้มปิติ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเจ้านายฝ่ายเหนือ และชาวเชียงใหม่ มีความเชื่อมาแต่โบราณว่าประตูช้างเผือกคูเมืองชั้นใน นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ เป็นประตูสำคัญของเมือง สมัยพญามังรายสร้างเมืองเชียงใหม่ เมื่อสร้างเมืองเสร็จ พญามังราย ก็เสด็จพระราชดำเนินเข้าเมืองที่ประตูหัวเวียง หรือสมัยพระยากาวิละ ยุคฟื้นเมืองเชียงใหม่ ก็เข้าเมืองครั้งแรกที่ประตูนี้ ปัจจุบันข้าราชการสายปกครอง เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ย้ายมาจังหวัดเชียงใหม่ ก็จะเข้าประตูเมืองทางทิศนี้ เพื่อความเป็นสิริมงคล
จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง ถึงวัดเจดีย์หลวง อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ณ ที่นั้น นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ และประชาชน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ แล้วเสด็จเข้าพระวิหารหลวง ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองทิศบูชาพระอัฏฐารส และพระอัครสาวก ทรงกราบ
จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลรายงานความเป็นมาของโครงการบูรณะพระวิหารหลวง พระอัฏฐารส และพระอัครสาวก เสร็จแล้ว เจ้าพนักงานพระราชพิธี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ทรงสรงพระบรมสารีริกธาตุ และทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุลงในพระกรัณฑ์ แล้วทรงหยิบพระกรัณฑ์บรรจุลงในยอดฉัตรทองคำ พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ เสร็จแล้ว พระราชทานพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุในยอดฉัตรทองคำ แก่เจ้าพนักงานพระราชพิธี เพื่ออัญเชิญไปประดิษฐานที่บุษบกหน้าพระอัฏฐารส
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ต่อจากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กราบบังคมทูลเบิกผู้มีจิตศรัทธาบำรุงพระอาราม เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานของที่ระลึกตามลำดับ เสร็จแล้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแผ่นศิลา เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และพระนามาภิไธย
จากนั้น ทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์ เสร็จแล้ว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พระราชวชิรสิทธิ เจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวง เฝ้า ถวายเงิน โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย ต่อจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงพระดำเนินไปยังพระธาตุเจดีย์หลวง ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยบูชาพระธาตุเจดีย์หลวง ทรงกราบ เจ้าพนักงานพระราชพิธี ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเทียน ทรงจุดไฟจากโคมไฟฟ้า แล้วพระราชทานให้เจ้าพนักงานพระราชพิธี เพื่อเชิญไปถวายเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวง จุดบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดเจดีย์หลวง ได้แก่ พระเจ้าอุ่มเมือง (เสาอินทขีล เสาหลักเมืองเชียงใหม่) พระเจ้าสมปรารถนา พระพุทธไสยาสน์ (พระนอน) และรูปเหมือนหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต อดีตเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวง รูปที่ 2 สมควรแก่เวลา จึงประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังท่าอากาศยานทหารกองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อประทับเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพมหานคร
วัดเจดีย์หลวง เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง สร้างขึ้นในสมัยพญาแสนเมืองมา เจ้าหลวงพระองค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์มังราย มีอายุกว่า 633 ปี เป็นวัดเก่าจึงทำให้เสนาสนะต่าง ๆ ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา และในช่วงเวลาที่ผ่านมาได้เกิดฝนตกหนัก และแผ่นดินไหว จึงทำให้พระเจดีย์หลวงพังทลาย ซึ่งกรมศิลปากรได้บูรณปฏิสังขรณ์แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2535 มีพระเจดีย์หลวงซึ่งเป็นที่บรรจุพระเกศาธาตุ และพระธาตุขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า นอกจากพระเจดีย์หลวงแล้ว ยังมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ อาทิ พระอัฏฐารส หลวงพ่อสมปรารถนา เสาอินทขีล เป็นต้น วัดเจดีย์หลวง ได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เมื่อปี พ.ศ. 2481
ปัจจุบันมีพระราชวชิรสิทธิ เป็นเจ้าอาวาส มีพระสงฆ์และสามเณรจำพรรษา 50 รูป ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินไปถวายสักการะพระมหาธาตุเจดีย์ (พระมหาธาตุประจำปีพระบรมราชสมภพ ปีนักษัตรมะโรง) เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ วัดพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ และเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีสมโภชพระอัฏฐารส และพระอัครสาวก กับทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในยอดฉัตรทองคำ เพื่อเชิญไปประดิษฐานเหนือปราสาทเฟื้องสันหลังคาพระวิหาร ณ วัดเจดีย์หลวง อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นี้ มีราษฎรจำนวนมากต่างพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีเหลืองมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ เพื่อชมพระบารมีด้วยความจงรักภักดี และระหว่างเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินผ่าน มีการฟ้อนรำเพลงพื้นเมือง ถวายการต้อนรับด้วย