เปลว สีเงิน
“เปิดฉาก” เช้าวาน (๑๐ ตุลา.๖๗)
นึกว่า “คุณไพบูลย์” จะถือดาบ-หิ้วหัวใครออกมาซะอีก?
กลายเป็น “คุณธีรยุทธ สุวรรณเกษร” มือกระบี่ปราบมาร
ยื่นคำร้องต่อ “ศาลรัฐธรรมนูญ”
“ขอให้วินิจฉัยสั่งให้ “นายทักษิณ ชินวัตร” และ “พรรคเพื่อไทย” เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพ
นำไปสู่การล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๔๙”
โดยแจกแจงพฤติการณ์ที่เข้าข่ายไว้ ๖ กรณีด้วยกัน
กรณีที่ ๑.นายทักษิณได้รับพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษ เหลือโทษจำคุกต่อไปอีก ๑ ปี ใช้พรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือ
ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน สั่งการรัฐบาล ผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลตำรวจ
ให้เอื้อประโยชน์แก่ตัวเอง
ระหว่างต้องโทษจำคุกอยู่ห้องพัก ชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อไม่ต้องรับโทษอยู่ในเรือนจำแม้แต่วันเดียว
ส่งผลให้เกิดการเซาะกร่อนบ่อนทำลายพระเกียรติยศของสถาบันพระมหากษัตริย์ในที่สุด
กรณีที่ ๒.ทักษิณมีพฤติกรรมฝักใฝ่คบหาร่วมคิดกับสมเด็จฯ ฮุน เซน โดยใช้เพื่อไทยเป็นเครื่องมือควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน
สั่งการรัฐบาลให้เอื้อประโยชน์กับสมเด็จฯ ฮุน เซน ให้ประเทศกัมพูชา ละเมิดอธิปไตยทางทะเลของไทย
โดยให้มีการเจรจาพื้นที่ ที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่า เป็นเขตพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล (MOU 2544)
เพื่อแบ่งผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติและทรัพยากรใต้ทะเลในเขตอธิปไตยทางทะเลของไทยให้แก่ประเทศกัมพูชา
กรณีที่ ๓.ทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทย ร่วมมือแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคประชาชน
ซึ่งเป็นพรรคที่ก่อตั้งโดยกลุ่มการเมืองที่ต้องคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่า มีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
และทักษิณมีพฤติการณ์เป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และเป็นผู้สั่งการให้พรรคเพื่อไทย เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อตัวเองและพวก
กรณีที่ ๔.ทักษิณมีพฤติการณ์เป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำและเป็นผู้สั่งการแทนพรรคเพื่อไทย
ในการเจรจากับแกนนำพรรคการเมืองอื่นที่ร่วมรัฐบาลอดีต นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน
เพื่อหารือเสนอบุคคลผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เมื่อ ๑๔ สิงหา.๖๗ ที่บ้านพักส่วนตัวของทักษิณ (บ้านจันทร์ส่องหล้า)
กรณีที่ ๕.ทักษิณมีพฤติการณ์เป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำและเป็นผู้สั่งการ ให้พรรคเพื่อไทย
มีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทย ยินยอมกระทำการตามที่ทักษิณสั่งการ
กรณีที่ ๖.ทักษิณมีพฤติการณ์เป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และเป็นผู้สั่งการให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล
ให้นำนโยบายของตัวเองที่แสดงวิสัยทัศน์เมื่อ ๒๒ สิงหา.๖๗ ไปดำเนินการให้เป็นนโยบายคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภาในวันที่ ๑๒ กันยา.๖๗
คุณธีรยุทธ์จึงขอให้ศาล “รัฐธรรมนูญ” พิจารณาวินิจฉัยว่า ทั้ง ๖ กรณี …..
ทักษิณและพรรคเพื่อไทย มีการกระทำเซาะกร่อนบ่อนทำลายพระเกียรติยศของสถาบันพระมหากษัตริย์
เป็นการทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์สูญเสียสถานะที่จะต้องอยู่เหนือการเมืองหรือดำรงความเป็นกลางทางการเมือง
ย่อมเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นเหตุให้ชำรุดทรุดโทรม เสื่อมทราม หรืออ่อนแอลง
ทักษิณและพรรคเพื่อไทยมีการกระทำ มีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายระบบพรรคการเมืองที่เป็นสถาบันทางการเมืองที่สำคัญของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้ชำรุดทรุดโทรม เสื่อมทราม หรืออ่อนแอลง
การกระทำดังกล่าวทั้งสองประการ เป็นการกระทำอาจนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในที่สุด
เพื่อป้องกันความเสียหายร้ายแรงที่อาจจะเกิดแก่สถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นสถาบันหลักของประเทศ
และสถาบันพรรคการเมืองที่มีความสำคัญต่อระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
จึงขอศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัยสั่งการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๙ วรรคสอง ดังนี้
๑.ให้ทักษิณเลิกใช้พรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือกระทำการอันเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายพระเกียรติยศของสถาบันพระมหากษัตริย์
๒.ให้ทักษิณเลิกกระทำการเป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และเป็นผู้สั่งการการดำเนินงานของพรรคเพื่อไทย
๓.ให้ทักษิณเลิกใช้พรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน สั่งการรัฐบาลให้ดำเนินการตามความต้องการของตน
๔.ให้ทักษิณเลิกใช้พรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการที่มิได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้
๕.ให้พรรคเพื่อไทยเลิกยินยอมให้ทักษิณใช้เป็นเครื่องมือเซาะกร่อนบ่อนทำลายพระเกียรติยศสถาบันพระมหากษัตริย์
๖.ให้พรรคเพื่อไทยเลิกยินยอมให้ทักษิณใช้เป็นเครื่องมือกระทำการเป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และเป็นผู้สั่งการ การดำเนินงานของพรรคเพื่อไทย
๗.ให้พรรคเพื่อไทยเลิกยินยอมให้ทักษิณใช้พรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินสั่งการรัฐบาลให้ดำเนินการตามความต้องการของทักษิณ
๘.ให้พรรคเพื่อไทย เลิกยินยอมให้ทักษิณใช้เป็นเครื่องมือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการที่มิได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้
ครับ…..
สรุปตามประเด็นในคำร้องได้ประมาณนี้ ถามว่าน่ากลัวมั้ย ผมก็ว่า “น่าอยู่” เพราะคุณธีรยุทธเคยร้องด้วยมาตราเดียวกันนี้ ทำเอาพรรคก้าวไกลถูกยุบมาแล้ว
แต่ได้ยิน “คุณวิสุทธิ์ ไชยณรุณ” พรรคเพื่อไทย บอกว่า
“ไม่ได้ให้ความสำคัญ ไม่ได้ใส่ใจ ไม่มีใครวิตกกังวล” ผมก็พลอยโล่งใจตามไปด้วย!
เข้าใจให้ชัดนะ ในสเตปแรกนี้ ไม่ได้ร้องให้ “ยุบพรรคเพื่อไทย”
เพียงร้องให้ศาลฯ วินิจฉัย เพื่อสั่งให้ทักษิณและพรรคเพื่อไทย “เลิกการกระทำ” นั้น เท่านั้น
ส่วนจะมีสเตป ๒ หรือไม่ ก็ต้องรอฟังศาลฯ ก่อน ว่าจะมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างใด
ในชั้นแรกนี้ ที่ต้องลุ้น คือลุ้นว่า “ศาลฯ จะรับคำร้องไว้พิจารณา” หรือไม่ ถ้ารับ ก็เดินหน้า
ถ้าตีตก ทักษิณก็ต้องปิดจันทร์ส่องหล้าฉลอง!
เห็นว่า คำร้องประกอบด้วยเอกสารครึ่งหมื่นแผ่น กว่าจะอ่านและกว่าศาลฯ จะสั่ง ก็เดือนพฤศจิกา.โน่นแหละ!
ในความเห็นผม คุณธีรยุทธแจกแจงพฤติกรรมเข้าข่ายตามมาตรา ๔๙ ถึง ๖ กรณี
ก็เหมือนยิงด้วย “ลูกปราย” เปรี้ยง…มันแตกออกเป็นดาวกระจาย ต้องถูกซักลูกจนได้!
อย่างกรณี นอนชั้น ๑๔ รพ.ตำรวจ จนไม่ต้องติดคุกซักวัน คุณธีรยุทธอ้าง “ผลสอบของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เป็นพยานหลักฐาน
ตรงนี้ เห็นทีทักษิณคงหอบหืดหน่อย
ฟังที่ “คุณวสันต์ ภัยหลีกลี้” คณะกรรมการสิทธิฯ แถลงผลสอบของกสม.เมื่อ ๖ สิงหา.เป็นหนังตัวอย่างก็ได้
………………………….
“การกระทำของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โรงพยาบาลตำรวจ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ยังเข้าข่ายเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่บุคคล
อันอาจเป็นการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
ซึ่งอยู่ในหน้าที่และอำนาจตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. โดยได้ทราบว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. รับเรื่องในประเด็นนี้ไว้แล้ว”
……………………..
“การกระทำของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และโรงพยาบาลตำรวจ เป็นการเลือกปฏิบัติแก่ผู้ต้องขัง
ด้วยเหตุความแตกต่างในเรื่องสถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม อันถือเป็นการกระทำหรือละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนเช่นกัน”
……………………….
“ทำให้นายทักษิณได้รับประโยชน์นอกเหนือกว่าสิทธิที่ควรได้รับ ถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักความเสมอภาคและเป็นการเลือกปฏิบัติ อันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน”
……………………
ยิ่งวีรบุรุษนาแก “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” ไปให้ปากคำกับป.ป.ช.ในฐานะพยาน
ว่าเคยขึ้นไปพบทักษิณที่ชั้น ๑๔ ถึง ๒ ครั้ง ไม่เห็นมีอาการป่วยปางตายตามที่อ้างแต่อย่างใดเลยด้วยแล้ว
ดอกนี้ “บานทะโรค” ยิ่งกว่าหัวริดสีดวงทวารโผล่ เจ็บจี๊ด!
ที่ผมเสียว และเชื่อว่า ที่คุณธีรยุทธยกกรณีทักษิณเรียกพรรคร่วมหารือเรื่องตัวนายกฯ คนใหม่ แทนเศรษฐา ที่จันทร์ส่องหล้า นั่นน่ะ
น่าจะมีตัวแทนพรรคไหนซักพรรคที่ร่วมหารือเป็นไต๋อยู่ในมือคุณธีรยุทธในฐานะ “พยานบุคคล” ผู้รู้เห็น พร้อมให้ปากคำยืนยันต่อศาลฯ?
ดูรูปการณ์แล้ว “ตุลา” เริ่มวาระ “แจกการ์ด” ขอบขลิบดำ
ก่อนสงกรานต์หรือไม่ก็ “หลังสงกรานต์” เล็กน้อย น่าจะเป็นเวลา….
“ประชุมเพลิง”!