ผักกาดหอม
“ผมไม่มีปรับหรอก”
ครับ…”ลุงตู่” พูดไว้วานนี้ (๔ ตุลาคม)
ส่วน “ลุงป้อม” ย้ำ “บอกไม่มี ก็ไม่มีสิ”
ก็พอจะสรุปได้ว่าในระยะเวลาอันใกล้นี้ ยังไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรีแน่นอน
ที่จริงเงื่อนไขปรับ ครม.ช่วงนี้แทบจะไม่มี
โดยเฉพาะการปรับ ครม.เพื่อแก้ปัญหาการเมืองในพรรคร่วมรัฐบาล ยังหาเหตุผลประกอบไม่ได้
การปรับ “ธรรมนัส พรหมเผ่า-นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” ออก คือการลงมือแก้ปัญหาการเมืองในพรรคพลังประชารัฐไปแล้ว
แม้คลื่นลมยังไม่สงบนัก แต่ไม่มีเหตุให้ต้องปรับตำแหน่งอื่นเพิ่มเติม
เก้าอี้ที่ว่าง ๒ ตัว ก็ยังไม่จำเป็นต้องหาคนมานั่งในเวลานี้
การไม่ปรับจึงมีแรงกระเพื่อมน้อยกว่าปรับมากโขอยู่
ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่น ไร้สัญญาณขอปรับเก้าอี้เช่นกัน
ฉะนั้น ปรับ ครม.หากจะมี ก็คงเลยช่วงปีใหม่ไปแล้ว
ข่าวปรับ ครม.รายวันช่วงนี้ ก็ฟังไว้เป็นสีสัน เพื่อให้เห็นความกระสันของนักการเมืองบางพวก อยากได้ตำแหน่งไว้ครอบครอง
อีกพวกยังไม่มีที่ยืน เพราะสถานภาพทางการเมืองยังเป็นวุ้น พวกนี้เขย่ากรงจะให้ยุบสภาท่าเดียว หวังว่าเลือกตั้งแล้วตัวเองจะได้อำนาจกับเขาบ้าง
ยังมีอีกกลุ่ม มีข้อความแปะหน้าผากว่าโจรปล้นชาติ พยายามแสดงพฤติกรรมว่าเป็นพระเอก แต่ผลที่ออกมายังไม่ต่างโจรสักเท่าไหร่
บรรยากาศการเมืองช่วงนี้คล้ายๆ กับใกล้เลือกตั้งใหม่ นักการเมืองแข่งกันลงพื้นที่ช่วยชาวบ้านถูกน้ำท่วม
บางคนไม่ชอบน้ำ แต่ก็ไป เพราะมันคือไฟต์บังคับ
ช่วยน้ำท่วมคือการหาเสียงที่ง่ายที่สุดวิธีหนึ่ง
ช่วงนี้ภาคเหนือตอนล่าง กลางตอนบนจึงคลาคล่ำไปด้วยนักการมือง ที่เข้าไปบริหารน้ำท่วมด้วยปาก แต่ก็ดีกว่าไม่ไปครับ
บางพรรคเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กันแล้ว
ดูอย่าง “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ขน ส.ส.ก้าวไกลไปพิษณุโลก หาเสียงตั้งแต่ไก่ยังไม่ทันโห่
เนื้อหาที่ปราศรัยกับชาวบ้านถือว่า ก้าวไกลฉบับ ออริจินอลเลยทีเดียว
“…หากเอาแผนที่มากางจะเข้าใจ ต้องมีสมองกับมีใจ สมัยนี้มันทันสมัย เราดูได้จากภาพถ่ายดาวเทียม ของ GISTDA และระวางคร่าวๆ ของ DSI Map ระบุไว้ชัดว่าเป็นป่าสงวนเท่าไร เป็นที่อยู่อาศัยเท่าใด สมัยก่อนมันยังไม่มีเทคโนโลยีชัดเจน
ทุกวันนี้โลกมันเปลี่ยนไปเยอะ คนเปลี่ยนไปเยอะ หากถ้ามีใจที่จะทำให้ อะไรก็เป็นไปได้
รวมทั้งยังเกี่ยวข้องกับวิธีคิดของผู้นำว่า ชาติเป็นของใคร หากชาติเป็นของประชาชนก็ทำได้ แต่ถ้าชาติเป็นของกลุ่มคนเพียงหยิบมือก็ทำไม่ได้
และ ONE MAP คือแผนที่อันเดียวที่จะบ่งบอกว่าที่ตรงนี้เป็นที่ทำกิน ไม่สามารถไล่พี่น้องประชาชนออกจากตรงนี้ได้…”
ประการแรก ภาพถ่ายดาวเทียม ของ GISTDA และระวางคร่าวๆ ของ DSI Map ไม่ใช่ของใหม่ ใช้กันมานานนับสิบปีแล้ว
ถ้า “พิธา” ไม่รู้จะยกตัวอย่างให้เห็นจะจะ
คดีครอบครอง น.ส.๓ ก. จำนวน ๖๐ ฉบับ เนื้อที่ ๒,๑๕๔-๓-๘๒ ไร่ ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ของครอบครัวจึงรุ่งเรืองกิจ ที่มีชื่อนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ, น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ก็วัดพิกัดโดย ภาพถ่ายดาวเทียม ของ GISTDA และ ระวางของ DSI Map นี่แหละครับ
แต่ก็มีประเด็นน่าสนใจกว่า พรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า มักจะใช้คำว่า “ชาติเป็นของใคร”
โดยนัยก็ทราบกันดีอยู่แล้ว ชาติเป็นของประชาชนทุกคน ตั้งแต่สถาบันพระมหากษัตริย์ ลงมาถึงประชาชน ล้วนมีสถานะเป็นเจ้าของประเทศ
แต่พรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า ยังปักใจเชื่อความคิดเดิมๆ ของตัวเองว่า ชาติผูกขาดความเป็นเจ้าของโดยสถาบันพระมหากษัตริย์ ชนชั้นสูง และกลุ่มทุน
เป็นความคิดที่หลงเหลือมาจากยุคพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย กองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย
ที่มองว่าชาติไม่ได้เป็นของประชาชน
คนพวกนี้หลงลืมไปครับว่า ตัวเองก็ผ่านการเลือกตั้งโดยประชาชนมา
เข้าไปอยู่ในสภา ในฐานะตัวแทนของประชาชน
ใช้อำนาจที่ประชาชนมอบให้
และดูเหมือนว่า หลายคนใช้อำนาจกันสุดเหวี่ยง เพื่อโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม
บางคนได้อำนาจได้ตำแหน่ง เอาไปเร่ประกันตัวขบวนการล้มเจ้า
ส่วนชาติได้ที่ดินคืนจากแม่ธนาธร ก็เพราะชาติเป็นของประชาชน
ทั้งหมดนี้บ่งบอกว่า การเมืองยังเต็มไปด้วยเรื่องเท็จ ปลิ้นปล้อน
ระวังจะติดกับดักที่ตัวเองวางไว้ในวันที่มีอำนาจ
คำว่าการเมืองบางทีมันก็เหลือเชื่อครับ จากขาวเป็นดำ ดำเป็นขาว พลิกในพริบตาก็ยังทำกันได้แบบง่ายๆ ครับ
วานซืน….ทีแรกคิดว่าหูแว่ว ตาฝาด อ่านข่าว ตุลามาไล่ประยุทธ์ ที่ลานกิจกรรมด้านบนอนุสรณ์สถาน ๑๔ ตุลา แยกคอกวัว
มีคนชื่อนายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือ ครูใหญ่ กลุ่มสามนิ้วขอนแก่นพอกันที ปราศรัยเสียงดังฟังชัด เนื้อหา น้ำตาแทบร่วง
“…ประยุทธ์เป็นนายกฯ มา ๗ ปี จะ ๘ ปีแล้ว มีเวลาวางแผนในการรับน้ำท่วมมากี่ปี
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เลือกตั้งเดือนกรกฎาคม ตุลาคมจึงเข้ารับตำแหน่ง ตุลาคมน้ำท่วม ยิ่งลักษณ์เข้ารับตำแหน่งพร้อมกับน้ำท่วม ยังแก้ปัญหาได้ดีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ที่มีอำนาจมาแล้ว ๗ ปี…”
นี่ถ้าเด็กรุ่นใหม่เฮตาม สงสัยคงได้ควักสมองมาล้างแฟ้บกันยกประเทศ
ระดับครูใหญ่ พูดก็ไม่น่าจะธรรมดา
ผีเจาะปาก
มีปากสักแต่พูด
พูดแล้วไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น
ขี้เรื้อนจริงๆ!
ที่จริงไม่อยากอธิบายอะไรเพิ่ม
แต่หลังจากที่ยิ่งลักษณ์บอกว่า “เอาอยู่” ภาพสนามบินดอนเมืองน้ำท่วม เครื่องบินหลายลำจมน้ำ ก็ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก
น้ำท่วม ปี ๒๕๕๔ กระทบ ๖๕ จังหวัด ๖๘๔ อำเภอ
ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ๔ ล้านครัวเรือน ๑๓.๕ ล้านคน
ธนาคารโลกประเมินมูลค่าความเสียหายสูงถึง ๑.๔๔ ล้านล้านบาท
GISTDA เอาภาพถ่ายดาวเทียมมากางให้ดู เปรียบเทียบปริมาณน้ำวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๔ กับวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๔ ห่างกันลิบลับ
๒๗ กันยายน ๒๕๕๔ น้ำท่วมขัง ๒๕ ล้านไร่
๒๗ กันยายน ๒๕๖๔ น้ำท่วมขัง ๒.๕ ล้านไร่
ต่างกัน ๑๐ เท่าตัว
ฉะนั้นเลิกซะที ยกก้นยิ่งลักษณ์ว่าเก่งกว่า ปีนี้น้ำจะท่วมเท่าปี ๒๕๕๔ สาเหตุเพราะ “ลุงตู่” เป็นนายกฯ
ปัญญาอ่อน ไร้สาระ
แต่ก็นี่แหละ…การเมืองของพวกอยากปฏิรูปสถาบันฯ