ผักกาดหอม
เขาว่า…
วันนี้ต้องรีเซตประเทศไทย
“…วันนี้ต้องรีเซตประเทศไทย ไม่ใช่ว่ารุ่นปู่ของตนเองทะเลาะกับรุ่นปู่ของสื่อ แล้วมารุ่นตนเองต้องโกรธกันด้วย แบบนี้คิดว่าไม่ใช่
มองที่ประเทศชาติและประชาชนวันนี้ดีกว่าที่เสียประโยชน์จำนวนมาก หากมีโอกาสเราอยากช่วยเหลือประชาชน…”
“เดชอิศม์ ขาวทอง” เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ว่างั้นครับ
สรุปคือที่ผ่านมาให้มันแล้วๆ ไป เพื่อประชาชน
เดี๋ยวนี้เป็นประชาชนยากขึ้นทุกวันครับ พรรคการเมืองเอาไปตั้งชื่อไม่พอ อีกพรรคกระสันอยากร่วมรัฐบาลก็อ้างประชาชน
ถ้างั้นลองโหวตมั้ยครับ ว่าประชาชนอยากให้พรรคประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลหรือเปล่า
เอาที่สงขลาบ้านท่านนั่นแหละครับ ไม่ต้องไปไหนไกล
ล่อนจ้อนขนาดนี้ นึกภาพไม่ออกเลยถ้า “ทักษิณ” บอกว่าไม่เอาประชาธิปัตย์แล้ว จะทำหน้ากันอย่างไร
ก็ไม่แน่นะครับ หากฝั่งพลังประชารัฐ “ลุง” กับ “แป้ง” จูบปากกันเรียบร้อย
มีคนเสียสุนัขแน่
ก็เพิ่งรู้ครับว่าในประชาธิปัตย์เขาแบ่งกันเองเป็น ๒ กลุ่ม
กลุ่ม ก. เป็น สส.พูดเก่ง ตำหนิเก่ง วิจารณ์เก่ง พวกนี้ทำงานไม่ค่อยเก่ง มีความคิดไม่ร่วมรัฐบาล
ส่วนกลุ่ม ข. พูดไม่เก่ง ตำหนิคนอื่นไม่เก่ง แต่ทำงานเก่ง เขาถือว่ารอโอกาสร่วมรัฐบาล จะได้สร้างผลงานให้พรรค ประเทศชาติและประชาชน ฉะนั้นกลุ่มใดมากกว่าก็เป็นฝ่ายชนะ
นี่เป็นคำพูดของ “น้าเดช” ครับ
ถึงวินาทีนี้ถอดหมด ไม่เหลือกระทั่งกางเกงในแล้ว
คนทำงานเก่งรอโอกาสร่วมรัฐบาล!
ต้องยกให้เป็นมิติใหม่ทางการเมืองเลยทีเดียวครับ
ใครทำงานเก่ง เชิญหยิบบัตรคิวต่อแถวรอร่วมรัฐบาลกันได้เลย
ไม่ต้องสนใจเรื่องสายพันธุ์
ใครเป็นรัฐบาลร่วมได้หมดอย่างนั้นหรือ
วิกฤตเหนือวิกฤตในพรรคประชาธิปัตย์จริงๆ
เที่ยวนี้เห็นว่าหากประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลจะได้เก้าอี้รัฐมนตรี ๒ เก้าอี้
พรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุด ที่ได้มีการก่อตั้งก่อนที่จะมีพระราชบัญญัติพรรคการเมือง โดยก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ ๖ เมษายน ๒๔๘๙
มีประวัติทางการเมืองอันเกรียงไกร
เป็นพรรคฝ่ายค้านรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม
เป็นพรรคฝ่ายค้านรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร
เป็นพรรคฝ่ายค้านรัฐบาลพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์
และเป็นพรรคฝ่ายค้านรัฐบาลระบอบทักษิณมาอย่างยาวนาน
มาวันนี้ เหมือนรอเศษเก้าอี้รัฐมนตรีจากรัฐบาลระบอบทักษิณ
พรรคการเมืองอายุ ๗๘ ปี ได้ถอดบทเรียนจากความผิดพลาดต่างๆ บ้างหรือไม่
ครั้งหนึ่งนายควง อภัยวงศ์ ผู้ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวไว้ว่า…
“ข้าพเจ้า นายควง อภัยวงศ์ เชื่อในพุทธภาษิตที่ว่า อฺปปาปิ สนฺตา พหเก ชินนฺติ คนดีถึงแม้มีน้อยก็เอาชนะคนชั่วหมู่มากได้”
พรรคประชาธิปัตย์จากที่เคยมี สส.นับร้อยที่นั่ง เป็นพรรคหลักใน กทม. มาวันนี้เหลือ สส.เพียง ๒๕ ที่นั่ง
อยู่ในกลุ่ม “มิสเตอร์ต่อเดช” เสีย ๒๑ คน กลุ่มนี้คือกลุ่มคนเก่ง จับบัตรคิวรอร่วมรัฐบาลอยู่
เหลืออีก ๔ คน คือกลุ่มพูดเก่ง นำโดยนายหัวชวน หลีกภัย บัญญัติ บรรทัดฐาน ผู้อาวุโสกลายเป็นชนกลุ่มน้อยในพรรค
กลุ่มนี้ไม่เผาผีกับระบอบทักษิณ การร่วมรัฐบาลอุ๊งอิ๊งเท่ากับทรยศประชาชน
คราวนี้คำพูด “นายควง” คงจะช่วยอะไรไม่ได้
คนดีน้อยเกินไป!
ในพรรคประชาธิปัตย์เองพูดเรื่องนี้กันเยอะครับ
จากที่ “เชาว์ มีขวด” อดีตโฆษกพรรค เขียนไว้ก็ครอบคลุม
“…กระแสข่าวเกี่ยวกับการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนี้ ได้รับความสนใจจากสมาชิกพรรคและพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก
ซึ่งผมเชื่อว่าเสียงส่วนใหญ่ของผู้ที่สนับสนุนพรรค ไม่ต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เพราะอุดมการณ์ทางการเมืองต่างกันอย่างสิ้นเชิง
โดยเฉพาะเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ต่อสู้ตั้งแต่ยุคพ่อจนมาถึงยุคลูก ที่มีสัญญาณว่าระบอบทักษิณกำลังจะฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
แม้ สส.ส่วนใหญ่ ๒๑ คนในปีกของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค จะเห็นดีเห็นงามกับการเข้าร่วมวงอำนาจใน ครม.อุ๊งอิ๊ง และอหังการอ้างเสียงข้างมาก ไม่เห็นหัวเสียงข้างน้อย เมินอุดมการณ์พรรค
อยู่ในโหมด “ข้าจะทำอะไรกับพรรคนี้ก็ได้”
เป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวและมักง่ายในทางการเมือง กระสันแต่อำนาจ ไม่คำนึงถึงพรรค เป็นยุคที่ใครๆ ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘ตกต่ำที่สุดแล้ว’
ไม่มีใครเถียงกับพวกท่านเรื่องกุมเสียงข้างมาก สั่งซ้ายหันขวาหันได้
แต่อย่าลืมว่าประชาชนดูอยู่ พรรคไม่ได้เป็นของ สส.หรือผู้บริหาร แต่เป็นของประชาชน
ถ้าพวกท่านแน่จริง ก็ให้สมาชิกพรรคตัดสินว่าจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ ด้วยการจัดทำไพรมารีโหวต ซึ่งจะเป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.๒๕๖๐ มาตรา ๒๐ ให้สมาชิกมีส่วนร่วมและรับผิดชอบอย่างแท้จริงด้วย
หากดึงดันเอา ปชป.เข้าร่วมวงอำนาจ นอกจากจะไม่ทำให้พรรคกลับมาชนะเลือกตั้งได้แล้ว จะทำให้พรรคพ่ายแพ้ซ้ำซาก และพวกท่านจะถูกจดจำว่าเป็นผู้ทำลายพรรค…”
ว่ากันตามตรงนะครับ ไม่มีสถานการณ์เข้าร่วมรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง พรรคประชาธิปัตย์ก็สาหัสอยู่แล้ว
มาเจอวิกฤตซ้อนวิกฤตอย่างนี้ สาวกที่ยังมั่นคงในพรรคประชาธิปัตย์มาหลายสิบปี จะหายเกลี้ยง
เลือกตั้งครั้งหน้าขอแค่ ๒๕ เสียงเท่าเดิม จะเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญ
การฟื้นพรรคประชาธิปัตย์ในเวลานี้แทบจะเป็นไปไม่ได้
จำต้องรอให้ลงไปถึงจุดที่ต่ำที่สุดก่อน
และการเข้าร่วมรัฐบาลระบอบทักษิณคือตัวเร่งให้ไปถึงจุดต่ำสุดเร็วขึ้น
การฟื้นตัวครั้งนี้จะยากกว่าการก่อตั้งพรรคเมื่อ ๗๘ ปีมากโขทีเดียว
นายควงเคยบอกไว้ว่า “วาจาสัตย์เท่านั้นที่จะไม่ทำให้เราตกต่ำ”
คล้ายกับคำขวัญพรรค สจฺจํ เว อมตา วาจา คำสัตย์แลเป็นวาจาไม่ตาย
ตอนสู้กับระบอบทักษิณบอกกับประชาชนไว้อย่างไร
ลองกลับไปทบทวนดูครับ