ผักกาดหอม
ชักจะเลอะไปกันใหญ่….
ไม่รู้ “ช่วยคลัง” จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ลืมเขย่าขวดก่อนกินยา หรือกินยาเกินขนาด ถึงได้ออกมาพูดไม่อยู่กับร่องกับรอย
วานนี้ (๑๗ มกราคม) แรงกระเพื่อมจากเอกสารข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตให้ประชาชนหัวละหมื่นบาท ใช้งบประมาณราว ๕ แสนล้านบาท ที่รัฐบาลตัดสินใจบนความเร่งด่วนของรัฐบาลเองด้วยการออกเป็นพระราชบัญญัติ แทนที่จะเป็นพระราชกำหนด ถือว่าสร้างแรงสั่นสะเทือนให้รัฐบาลมากทีเดียว
เป็นเหตุให้ “ช่วยคลัง” เพ้อเจ้อราวกับว่าประเทศไทยกำลังจะล่มสลาย
“…วิกฤตนี้ไม่ใช่เรื่องโครงสร้างทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่เป็นวิกฤตการเห็นอกเห็นใจพี่น้องประชาชนที่มีความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจ
คือทุนนิยมที่ไม่มีหัวใจจะไปเข้าใจผู้ที่เดือดร้อน มันแสดงให้เห็นมาตลอดว่าล้มเหลว
รัฐบาลชุดปัจจุบันเราเดินทางไปทั่วประเทศ เราเห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะในต่างจังหวัด เราไม่ได้ทำงานในห้องแอร์ วันนี้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศต้องการการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่….”
ต้องการสื่ออะไร
ปลุกชาวบ้านขึ้นมาชนกับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตอย่างนั้นหรือ
หรือไม่พอใจทุนนิยม
เปลี่ยนโครงสร้างใหม่ เอาเศรษฐกิจสังคมนิยมดีมั้ย
ถ้าบอกว่าทุนนิยมคือตัวปัญหา ฉะนั้นต้องแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตให้ประชาชนหัวละหมื่น มันก็งูกินหางสิครับ
เว้นเสียว่า รัฐบาลจะมีข้อห้าม มิให้นำเงินดิจิทัลวอลเล็ตไปซื้อของในห้างสรรพสินค้า ในร้านสะดวกซื้อ เพราะมันคือตัวแทนทุนนิยมทั้งนั้น
ถ้าจะขจัดทุนนิยมต้องกำหนดเลยครับ ซื้อได้เฉพาะร้านขายของชำ ร้านอาหารริมทาง เท่านั้น
ก็ไม่เข้าใจความคิดว่า “ช่วยคลัง” คิดอะไรอยู่
หรือเริ่มคิดว่าใช้ เศรษฐกิจสังคมนิยม ดีกว่า เพราะรัฐควบคุมได้มากกว่า
เป็นความมักง่ายของนักการเมืองครับ
ถูกต้อนเข้ามุมมากขึ้นเพราะข้อกฎหมายไม่เป็นใจ ก็ใช้ประชาชนมาเป็นเกราะป้องกันตัวเอง
“วันนี้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศต้องการการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่”
การพูดทำนองนี้ พูดแล้วต้องรับผิดชอบด้วย อย่าสักแต่ว่ามีปากแล้วพูดอะไรก็ได้
ประชาชนทั่วประเทศบอกแบบนั้นจริงหรือ?
ที่ผ่านมาคนที่บอกว่าต้องกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่น่าจะมีเพียงรัฐบาลเท่านั้น
ก็แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตที่แหละครับที่รัฐบาลบอกว่า ไม่ใช่การสงเคราะห์ประชาชนผู้ยากไร้ ไม่ใช่การแจกเงินเพื่อช่วยเหลือคนจนโดยตรง
แต่เป็นการแจกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ถึงได้แจกกันมโหฬาร ๕ แสนล้านบาท
หากรัฐบาลเห็นว่าจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเศรษฐกิจไทยกำลังวิกฤตจริง จะไปสนใจคำพูดคนนอกรัฐบาลทำไม
เดินหน้าเลย!
เศรษฐกิจวิกฤตจริงหรือไม่มันเป็นวิทยาศาสตร์ รับรู้ได้ด้วยตัวเลข หากรัฐบาลมีตัวเลขว่าประเทศกำลังจะฉิบหายจริง ไม่เห็นต้องไปสนใจว่าใครจะพูดอะไร
แจกเลยครับ มัวแต่เงื้ออยู่ทำไม
นี่ไม่เงื้อเปล่ายังมั่วอีกต่างหาก
เพราะรัฐบาลแทบไม่มีข้อมูลที่เป็นเรื่องจริงว่าเศรษฐกิจกำลังจะพินาศอยู่ในมือเลย
รัฐบาลตอบไม่ได้ด้วยซ้ำว่า ความจำเป็นเร่งด่วน ที่ต้องออกพระราชบัญญัติกู้เงิน ๕ แสนล้านบาท อยู่ตรงไหน
ที่เห็นตอนนี้คือท้าตีท้าต่อยไปเรื่อย
ป.ป.ช. กับ แบงก์ชาติ ก็กำลังจะซวย เพราะ “ช่วยคลัง” กำลังทำให้กลายเป็นผู้ร้าย
“…ตอนที่เราได้เห็นหนังสือของคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นคำตอบเชิงกฎหมาย ไม่มีไฟเขียวไฟแดง และไม่ได้สั่งการให้เดินหน้า มีแต่ความเห็นเรื่องกฎหมาย ซึ่งเรามีหน้าที่รับฟังและปฏิบัติตาม แต่เมื่อมีหนังสือของ ป.ป.ช.มา ก็ค่อนข้างชัดเจนว่ามีการวางธงไม่ให้โครงการนี้เดินหน้า
แม้นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตจะได้รับการรับรองจากประชาชนผ่านการเลือกตั้ง และได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว ก็ยังมีความเห็นขององค์กรอื่น อาทิ ป.ป.ช. หรือแบงก์ชาติ ที่แตกต่าง ซึ่งอาจยังไม่เข้าใจในสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำ
ผมต้องเรียนว่าวันนี้ถ้าดูกรอบเวลาไม่น่าทันเดือนพฤษภาคม รัฐบาลยืนยันว่าต้องดำเนินนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตต่อไป ถึงแม้จะไม่สามารถทันกรอบเวลาในเดือนพฤษภาคม เพราะเมื่อดูจากข้อคิดเห็นจากสิ่งที่ออกมา
ต่อจากนี้เราคงต้องรอให้ทาง ป.ป.ช.ส่งหนังสือมาทางเรา และต้องเชิญคณะกรรมการนโยบายมาประชุม เพื่อนำเอาความเห็นของทั้ง ป.ป.ช.และกฤษฎีกามาพิจารณาในครั้งเดียวกัน และเริ่มกระบวนการรับฟังความคิดเห็นเพิ่มเติมในการทำความเข้าใจกับหน่วยงานหรือองค์กรใดๆ ก็ตามที่ยังไม่เห็นถึงเจตนาดี ที่รัฐบาลพยายามทำ
เราต้องสื่อสารจนทุกฝ่ายมีความเข้าใจตรงกัน และเดินหน้านโยบายนี้ให้ได้ในที่สุด…”
ฉิบหายสิครับถ้าแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจกันแบบนี้
ก่อนอื่น “ช่วยคลัง” ต้องเข้าใจ หากเศรษฐกิจวิกฤตจริง รัฐบาลคือผู้ที่ต้องตัดสินใจแก้ไขปัญหาอย่างปัจจุบันทันด่วน
ถ้าจะกู้เงิน ๕ แสนล้านก็ต้องออกเป็นพระราชกำหนด ถึงจะมีเงินมาแก้ปัญหาทันท่วงที
ไม่ใช่เดินไปขอความเห็นหน่วยงานอื่นจนเข้าใจตรงกันก่อนแล้วค่อยลงมือแก้ไข
แบบนี้ไม่ต้องมีรัฐบาลครับ
การอ้างเหตุว่า ป.ป.ช.มีธง ไม่เข้าใจสิ่งที่รัฐบาลทำ จนต้องเลื่อนกรอบเวลาออกไป ไม่สามารถแจกเงินดิจิทัลในเดือนพฤษภาคมนี้ นี่ก็เป็นอีกความมักง่ายทางการเมือง
กลายเป็นว่าหลังจากนี้หากไม่สามารถแจกเงินดิจิทัลได้ ให้ประชาชนไปด่า ป.ป.ช. ด่าแบงก์ชาติ อย่าด่ารัฐบาล
ป.ป.ช. กับ แบงก์ชาติ เขาถือกฎหมาย ถือตัวเลข มาบอกรัฐบาล
แล้วรัฐบาลมีอะไรอยู่ในมือ นอกจากแอบอ้างว่าประชาชนทั้งประเทศอยากให้แจก ๕ แสนล้านเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
รัฐบาลเลิกทำตัวแบบเด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอนเสียทีเถอะครับ
ภาวะเศรษฐกิจมันเป็นเรื่องข้อเท็จจริง ไม่ใช่เรื่องอยากให้เป็น
ถ้าอยากแจกอ้างว่าเศรษฐกิจวิกฤตก็แจกด่วนเลย ไม่ต้องฟังเยอะ
ทีเรื่อง “น.ช.ทักษิณ” ควรต้องฟัง กลับไม่ฟัง
“ราชทัณฑ์” ขยันเหลือเกิน บอกว่า “ทักษิณ” เข้าเกณฑ์พักโทษกรณีพิเศษ คุณสมบัติ สูงวัย เจ็บป่วย แล้ว ก็เอาสิครับ
คนป่วยโคม่าจะไปไหนได้ พักโทษแล้ว ก็นอนติดเตียงอยู่ชั้น ๑๔ นั่นแหละ
ลงมาเมื่อไหร่ บอกได้คำเดียว รัฐบาลวิกฤตทันที