สันต์ สะตอแมน
เพลงเดียว..เสียว-ซึ้งไปทั้งประเทศ!
นี่..ถ้าส่งเข้าประกวด “สีสันอวอร์ด” ของคุณพี่ทิวา สาระจูฑะ ไม่แน่นะ อาจคว้ารางวัลใดรางวัลหนึ่งมาก็ได้
ผมหมายถึงเพลงฮิตติดหู “คิดถึงลุงตู่” ดังกระหึ่มว่อนอยู่ในขณะนี้ไง เพราะเอียงหูไปทางไหนก็ดูเหมือนจะพูดถึงแต่เพลงนี้กัน..
ทั้งชื่นชอบ ทั้งหมั่นไส้ ทั้งอิจฉา สารพัดคำวิพากษ์วิจารณ์ ขนาดคุณนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง ก็ยังหยิบมาโพสต์..“ประชาธิปไตย ที่ยังไม่หย่านม
คิดถึง “ลุงตู่” ได้ครับ แต่จะคิดถึงแบบจะเอาท่านกลับมาบริหารราชการแผ่นดินอีก มันล้าหลังเกินไป เราจะเหมือนเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
เอะอะก็วิ่งไปฟ้องพ่อ-ฟ้องแม่ แทนที่จะต่อสู้ด้วยลำแข้งลำขาของตนเอง
หากไม่ชอบรัฐบาลนี้ ก็หันไปเลือกพรรคที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล หากไม่ชอบพรรคที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาลอีกก็ใช้สิทธิ์ไม่เลือกพรรคไหน (เหมือนผม) ก็แค่นั้นเอง
หากคิดว่าบ้านเมืองวุ่นวายเพราะ คุณทักษิณ เป็นเหตุ แล้วยิ่งโหยหาลุง ก็ลองคิดดู เพราะ ลุงตู่ ไม่ใช่หรือที่ทำให้ คุณทักษิณ ผงาดอยู่ได้จนทุกวันนี้
หรือจะเถียงว่าไม่จริงก็ยกเหตุผลมาเถียงกัน
หากเรายังโหยหา ลุงตู่ อยู่ เราก็เป็นได้เพียงนักประชาธิปไตยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ หรือยังไม่หย่านมเท่านั้นเอง”
ครับ..ก็คิดและตีความกันดู ว่าคุณนิพิฏฐ์ต้องการสื่อความอะไร-อย่างไร ส่วนผมมองบทเพลง “คิดถึงลุงตู่” แค่เพียงความรู้สึก ความในใจของคนๆ หนึ่ง..
ที่อาจรัก ปลื้ม ศรัทธาในตัวอดีตนายกรัฐมนตรี แล้วได้กลั่นความรู้สึกนั้นผ่านท่วงทำนองดนตรีและเนื้อหาเพลงแบบกระชับง่ายๆแต่ลุ่มลึกถึงอารมณ์ ก็เท่านั้น!
เชื่อว่า ผู้แต่ง-คนร้องคงไม่ได้หวังหรือโหยหาให้ลุงตู่กลับมาเป็นนายกฯ อีก แม้ในทางเป็นไปได้จะยังมีอยู่ แต่เขาก็ไม่ใช่เด็กยังไม่หย่านม
และก็คงไม่ใช่เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ไม่งั้นจะคิดเพลง-ท่วงทำนองดนตรีให้ผู้คนตื่น (เต้น) กันทั้งประเทศได้เช่นนี้หรือ?
ฉะนั้น ความในใจที่เปล่งผ่านเสียงเพลง “คิดถึงลุงตู่” จึงน่าจะเป็นเพียงความซื่อใสของคนที่มีความรู้สึกที่ดีต่ออดีตนายกฯ..
อยากสื่อให้ลุงตู่รู้..ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งแห่งหนใด ก็ยังคงระลึกนึกถึงกันอยู่เสมอ!
ซึ่งก็บังเอิญ ไปตรงกับความรู้สึกคิดถึงลุงตู่ของคนอีกจำนวนมาก ก็เลยเกิดเป็นกระแส “ลุงตู่ฟีเว่อร์” ขึ้นมาในท่ามกลางประเทศชาติกำลังยากลำบากอยู่พอดี
ผมไม่รู้หรอกใครทำให้นายทักษิณผงาดอยู่ในเวลานี้ แต่ถ้าคุณนิพิฏฐ์มองว่าลุงตู่เป็นตัวการ ผมก็จะไม่เถียง เพราะคงไม่มีปัญญาต่อปากต่อคำกับนักปราชญ์อย่างท่านได้
กระนั้น ก็ไม่อยากให้คุณนิพิฏฐ์สรุปเอาตามอำเภอใจ ว่า “หากเรายังโหยหา ลุงตู่อยู่ เราก็เป็นได้เพียงนักประชาธิปไตยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ หรือยังไม่หย่านมเท่านั้นเอง”
เพราะคล้ายจะเป็นการดูแคลน-ไม่ยุติธรรมนักกับคนที่เขาคิดถึงลุงตู่ด้วยใจบริสุทธิ์ไม่ได้มีเรื่องของการเมืองเข้ามาเจือปน!
แต่ถ้าคุณนิพิฏฐ์จะหมายถึงคนที่มีนิ้วไม่ครบ หรือคนที่เคยด่าทอลุงตู่แล้วเกิดดวงตาเห็นธรรม คิดถึงลุงตู่ขึ้นมา..
แล้วกล่าวหาว่า “เป็นเพียงนักประชาธิปไตยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ” ก็แล้วไป!
สรุป..ยืนยันผมไม่ได้เถียง (ไร้ปัญญา) เพียงแต่ก็เป็นอีกคน ที่..
คิดถึงลุงตู่ ..อะอาอะอ่า!