3 พฤศจิกายน 2564 – ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ทำเนียบรัฐบาล พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค ในฐานะผู้ช่วยรองโฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7,679 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 7,136 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 6,864 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 272 ราย มาจากเรือนจำ 536 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 7 ราย
ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 1,935,442 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 8,482 ราย ทำให้มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 1,818,463 ราย อยู่ระหว่างรักษา 97,585 ราย อาการหนัก 2,205 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 483 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 56 ราย เป็นชาย 28 ราย หญิง 28 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 42 ราย มีโรคเรื้อรัง 11 ราย พบผู้เสียชีวิตมากสุดอยู่ใน กทม. 7 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 19,394 ราย
“ภาพรวมในประเทศลดลงทุกพื้นที่ รวมถึง 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ตัวเลขลดลง เหลือเพียง จ.ปัตตานีที่ตัวเลขยังทรงตัว ซึ่งต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยขอให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงเร่งเข้าฉีดวัคซีน ทั้งนี้ ยังพบคลัสเตอร์ใหม่ๆ ในหลายพื้นที่
อาทิ ที่ จ.ชลบุรี พบคลัสเตอร์ทหารเกณฑ์ของกองทัพเรือ ส่วน จ.เชียงใหม่ พบคลัสเตอร์แคมป์คนงานและชุมชน จ.แม่ฮ่องสอนพบคลัสเตอร์งานศพและหอพักนักเรียน จ.จันทบุรีพบต่างชาติลักลอบข้ามแดนผิดกฎหมาย ขณะที่คลัสเตอร์เรือนจำพบในหลายจังหวัดคือ สุรินทร์ ขอนแก่น กทม.
อย่างไรก็ตาม สำหรับพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว หรือพื้นที่สีฟ้า ที่อยากให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษคือ จ.เชียงใหม่ เพราะพบการระบาดหลายคลัสเตอร์ โดยในพื้นที่ดังกล่าวมีการเข้มงวดเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์มากกว่าพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวอื่นๆ เนื่องจากยังห้ามดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารและภัตตาคาร รวมถึงยังจำกัดเวลาการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้แค่ 21.00 น.”
พญ.สุมณี กล่าวตอนท้ายว่า เดือน พ.ย.นี้มีประเพณีสำคัญทั้งงานกฐินและลอยกระทง การจัดกิจกรรมต่างๆ ในช่วงเปิดประเทศ มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตปกติภายใต้วิถีใหม่ ขอให้จัดงานตามความเหมาะสมภายใต้ความปลอดภัย เพื่อขับเคลื่อนงานต่างๆ ไปได้ตามแผนไปถึงปีใหม่อย่างราบรื่นและไร้โรค