‘ครอบงำ’ หัวจรดเท้า – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

“พรรคของท่าน ท่านก็มีสิทธิ์ที่จะไป”

วานนี้ (๒๖ มีนาคม) นายหัวชวน หลีกภัย พูดถึง “นักโทษชายทักษิณ” ผู้ป่วยที่เดินแทบไม่ได้เมื่อเดือนที่แล้ว ไปเหยียบที่ทำการพรรคเพื่อไทย ด้วยท่าทีกระฉับกระเฉง

ก็จริงนะ…

เพราะหลักฐานทางกายภาพ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย อยู่ในตึก “โอ๊ค เอม อิ๊งค์” OAI Tower

ชื่อนี้ “นักโทษชายทักษิณ” คิดเอาไว้ตั้งแต่ร่วมๆ ๓๐ ปีก่อนโน้น

แถมหัวหน้าพรรคยังเป็นเจ้าของตึก

ไปเหยียบแล้วใครจะทำไม

“นักโทษชายทักษิณ” ส่งต่อธุรกิจให้ลูกๆ ทั้ง ๓ คน แบ่งกันตามความสามารถ แต่การเมืองดูเหมือนจะยังกินรวบอยู่

เป็นเรื่องน่าเศร้าใจซ้ำซ้อนจากปาก “ทวี สอดไส้” เสนาบดียุติธรรม ให้สัมภาษณ์ราวกับว่า วันนี้ “นักโทษชายทักษิณ”

เป็นอิสระแล้ว!

“…ความเคลื่อนไหวอย่างอื่นในเรื่องการคุมประพฤติ ก็จะมีข้อห้ามไปมั่วสุมกับยาเสพติด ห้ามไปเยี่ยมนักโทษด้วยกัน ถือเป็นการปฏิบัติตามปกติของประชาชน ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็มีสิทธิเสรีภาพทั้งหมด เป็นหน้าที่ของกรมคุมประพฤติที่เป็นผู้ดูแล…”

“…เราเคารพในความคิดเห็นที่หลากหลาย ถือเป็นสิ่งที่ดี แต่กระทรวงยุติธรรมไม่มีหน้าที่ไปกำหนดในเรื่องส่วนตัว นอกจากดำเนินภารกิจตามหน้าที่ที่เรารับผิดชอบ…”

การอยู่ระหว่าง “พักโทษ” อยู่ในความดูแลของกรมคุมประพฤติ มันต้องมีเงื่อนไข มิใช่หรือ

หรือจะปล่อยฟรี

อย่างน้อยๆ “นักโทษชายทักษิณ” ต้องทำเรื่องขออนุญาตกรมคุมประพฤติทุกครั้งที่ขอออกจากที่พักอาศัยตามที่แจ้งไว้กับเรือนจำ

แล้วได้แจ้งทุกครั้งหรือไม่

ถ้าบอกว่า “นักโทษชายทักษิณ” สามารถเคลื่อนไหวทางการเมืองได้ งั้นขอถามกลับว่า วันข้างหน้าหากมี นักโทษ ซึ่งอยู่กับตรงข้ามกับรัฐบาล ได้รับการพักโทษ แล้วออกไปเคลื่อนไหวทางเมือง กรมคุมประพฤติจะอนุญาตให้ทุกครั้งโดยไม่ต้องตรวจสอบใดๆ เลยใช่หรือไม่

หรือสำหรับ “นักโทษเทวดา” แล้ว ต้องใช้คนละมาตรฐานกับนักโทษคนอื่นๆ

เรื่องความเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทยของตระกูลชินวัตร ไม่อาจหาเหตุผลใดๆ มาโต้แย้งได้เลย

นับตั้งแต่ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เปิดตัวเล่นการเมืองเพียง ๔๙ วัน ก็สามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ จนมาถึง การเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยของ “แพทองธาร ชินวัตร” ต่างก็เป็นการส่งสัญญาณความเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทยของ “นักโทษชายทักษิณ”

เพราะล้วนเป็นการดำรงตำแหน่งทางสายเลือด เช่นเดียวกับการสืบทอดอำนาจผู้นำของเกาหลีเหนือ

ไม่ยึดโยงความรู้ ความสามารถ อาวุโส ใดๆ ทั้งสิ้น

ต้องย้ำกันอีกกี่ครั้งว่า “ทักษิณ” ยังมีสถานะเป็นนักโทษอยู่

ผลของการให้นักโทษ เดินสายเป็นศูนย์รวมทางจิตใจของพรรคการเมือง นักการเมือง และมวลชน จะเป็นบรรทัดฐานต่อไปว่า นักโทษรายอื่นๆ ที่ได้รับการพักโทษก็สามารถทำได้เช่นกัน

นายกฯ เศรษฐา รู้เห็นเป็นใจให้ “นักโทษชายทักษิณ” ไปพรรคเพื่อไทย ปล่อยรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ไปแสดงความนอบน้อมกับนักโทษ แล้วบอกว่า ไม่ได้ครอบงำ

“…คนเราก็มองได้หลายเรื่อง ก็แล้วแต่ความคิดเห็น แต่ว่าผมในฐานะนายกรัฐมนตรีมองว่าท่านไม่ได้มาครอบงำรัฐบาล…”

เป็นการยืนยันในฐานะ นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย

ก็ไม่ทราบว่า สส.และ สว. ที่ลงมติเลือก “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นนายกรัฐมนตรี จะคิดอ่านประการใด

วันนี้เรามาไกลมาก

มากถึงขนาดรัฐมนตรี สส. พากันเข้าแถว กุมเป้าแสดงความเคารพ “นักโทษคดีคอร์รัปชัน” อย่างหน้าชื่นตาบาน

โดยที่ผู้นำประเทศเห็นดีเห็นงามด้วย

พฤติกรรมไม่แคร์สายตาประชาชนเช่นนี้ จะแสดงผลลัพธ์ในอนาคตอย่างแน่นอน

ประเด็น “นักโทษชายทักษิณ” ครอบงำ พรรคเพื่อไทยหรือไม่ คำตอบอยู่ที่บรรยากาศที่พรรคเพื่อไทยวานนี้นั่นแหละครับ

ไม่ได้ครอบงำพรรค

แต่ครอบงำจิตวิญญาณรัฐมนตรีและ สส.ของพรรคเพื่อไทยทุกคน

ดูสีหน้าแต่ละคนสิครับ ไม่ได้มอง “ทักษิณ” ว่าเป็นนักโทษ

แต่เป็น “เจ้านาย”

ไม่ใช่ชายแก่กลับมาเยี่ยมบ้าน

แต่เป็นผู้มีอำนาจมายืนยันอำนาจที่ตนมี

ใครในพรรคเพื่อไทยที่บอกว่าไม่ครอบงำ ลองเผยอหน้ามาดูว่า กล้าหือกับ “นักโทษชายทักษิณ” หรือไม่

ขนาดตอนยังป่วยหลอกๆ อยู่ห้องวีวีไอพีโรงพยาบาลตำรวจ ก็อยากจะให้เป็นที่ปรึกษา ให้คำแนะนำรัฐบาลกันแล้ว

ตัวนายกฯ เศรษฐาเองก็พูดชื่นชมตลอด เป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล

คำพูดเหล่านี้สะท้อนการเรียงลำดับอำนาจ

“นักโทษชายทักษิณ” อยู่เหนือทุกคนในพรรคเพื่อไทย

ถ้าถามเรื่องการครอบงำก็นี่แหละครับ

ครอบงำลึกไปถึงระดับดีเอ็นเอ

ถ้าคิดว่าไม่จริง งั้นขอถามว่า ตอนตั้ง “อุ๊งอิ๊ง” เป็นหัวหน้าพรรค มีใครค้านสักคนหรือไม่

คงจะมีแบบเงียบๆ แต่ไม่กล้าพูดออกมา

เพราะครอบงำตั้งแต่ตอนเป็นสัมภเวสีแล้ว

ได้ฟัง “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” เจ้ากระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ ก็ยิ่งเห็นอิทธิพลของ “นักโทษชายทักษิณ” ที่อยู่เหนือรัฐบาล

“…สมัยที่ท่านทักษิณเป็นหัวหน้าพรรค และผมเป็นเลขาธิการพรรค ท่านทักษิณได้ให้นโยบายต่างๆ ทำให้กระทรวงคมนาคมมีผลงานที่โดดเด่น

เช่น การสร้างสนามบินสุวรรณภูมิที่เสร็จตามกำหนดเวลา และกลายเป็นสนามบินอันดับต้นๆ ของโลก

จึงคิดว่าหากมีโอกาส ในส่วนของกระทรวงคมนาคมก็จะขอคำปรึกษาจากท่านว่าจะทำอย่างไร ในการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิให้กลับมาติดอันดับโลก…”

พูดแบบไม่เห็นหัวประชาชนเลย

ถ้ารัฐมนตรีคมนาคมไม่มีปัญญาจะแก้ปัญหาสนามบินสุวรรณภูมิ ก็ควรออกไปเสีย

นายกรัฐมนตรีควรปรับออก เพราะไม่มีความรู้อะไรเลย

ยุค “ทักษิณ-สุริยะ” สร้างสนามบินสุวรรณภูมิ เต็มไปด้วยเรื่องคอร์รัปชันอื้อฉาว

อยากย้อนรำลึกอดีตอย่างนั้นหรือ?

Written By
More from pp
“มาเหนือเมฆ” เรื่องราวบนเส้นทางการเมืองของ “ลุงตู่” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทหารเสือราชินีผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของประเทศไทย พร้อมให้จับจองแล้ววันนี้ในร้านหนังสือทั่วประเทศ
“ใจไม่เคยถอด ถ้าเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์และประชาชน ไม่เคยถอดใจเรื่องเหล่านี้ เพราะต้องการให้บ้านเมืองสงบสุข และพัฒนาไปตามขั้นตอนตามกฏหมายที่มีอยู่ เพราะฉะนั้น ผมยืนยันไม่มีถอดใจอยู่แล้ว”
Read More
0 replies on “‘ครอบงำ’ หัวจรดเท้า – ผักกาดหอม”