คำพูดเป็นนาย ‘ทักษิณ’ – ผักกาดหอม

วันนี้รัฐบาลทหารบริหารด้วยการรักษาเก้าอี้ รักษาสถานภาพทางการเมืองของตัวเอง เขายอมทำทุกอย่าง  เป็นที่รู้กันว่าเวลาจะโหวตเนี่ยนะก็จะซื้อกล้วยแจก แจกแบบไม่อายกันแล้ว แล้วก็ไปซื้อ ส.ส. ซื้อแบบไม่อายกันแล้ว

พวก ส.ส.ก็ไปแบบไม่อายแล้วเหมือนกัน คือวันนี้กลายเป็นว่า อยากได้อำนาจโดยไม่สนใจความชอบธรรม  อยากอยู่ในอำนาจจนไม่สนใจประชาชน

ผมเสียดายบ้านเมือง ผมเสียใจแทนประชาชนจริงๆ  ยิ่งมาปฏิวัติอย่างนี้ กระชับอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลางโดยไม่กระจายอำนาจสู่ประชาชน ผมว่าบ้านเมืองเราจะล้าหลังไปอีกนาน…”

“ทักษิณ” เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ ๕ ปีกับอีก ๒๒๒ วัน  มีการกระจายอำนาจการปกครองอย่างกว้างขวางอย่างนั้นหรือ?

เรื่องจริงคือ ขนาดนักวิชาการบางคนที่ก้มหัวให้ระบอบทักษิณ พยายามบอกว่านโยบายประชานิยม แจกเงินไปทุกอำเภอ คือการกระจายอำนาจด้วยซ้ำ

จึงไม่แปลกที่ “ทักษิณ” จะทึกทักไปว่า สมัยที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรีมีการกระจายอำนาจสู่ประชาชน

ก่อนอื่นอยากให้ย้อนเวลาไป ไม่ไกลครับวันที่ ๕  มิถุนายนที่ผ่านมานี่เอง

พรรคเพื่อไทยจัดกิจกรรม “ครอบครัวเพื่อไทย เพื่อชาวนาไทย” ที่จังหวัดสุรินทร์

แกนนำพรรคไปกันพร้อมหน้า แต่ “อุ๊งอิ๊ง” หัวหน้าครอบครัวไม่ได้ไป เพราะติดโควิด

ถึงติดโควิด “อุ๊งอิ๊ง” ไม่ได้นิ่งเฉยครับ ส่งตัวแทนไปร่วมงานครอบครัวเพื่อไทย

เป็นตัวแทนจากครอบครัวนั่นคือ “พานทองแท้ ชินวัตร”

ถ้าใครนึกถึงภาพการกระจายอำนาจออก จะรู้สึกไม่สบายใจที่ พรรคเพื่อไทยปกครองโดยครอบครัวชินวัตร

แต่ถ้าในสมองไม่เคยคิดถึงการกระจายอำนาจเพื่อประชาชนเลย ก็ไม่คิด ไม่รู้สึกอะไรครับ

ฉะนั้นแกนนำพรรคเพื่อไทยที่ไปร่วมงานกันเนืองแน่น รู้สึกอะไรกันบ้างหรือเปล่า

นายใหญ่ส่งลูกสาวมาเป็นหัวหน้าครอบครัว ลูกสาวไม่สบายส่งพี่ชายมาแทน นี่มันบริหารพรรคการเมืองแบบ  “กงสี” ชัดๆ

ถ้าเป็นธุรกิจก็มั่งคั่งกันในครอบครัว

เป็นพรรคการเมือง อำนาจมันก็วนอยู่ในครอบครัว

ไม่ใช่ครอบครัวเพื่อไทย

แต่เป็นครอบครัวชินวัตร

วันนี้เมื่อ “ทักษิณ” พูดถึงการกระจายอำนาจไปสู่ประชาชน มันก็ย้อนเข้าตัว เพราะในพรรคเพื่อไทยเอง ยังรวบอำนาจโดยตระกูลชินวัตรอยู่ แล้วพรรคเพื่อไทยจะกระจายอำนาจให้ประชาชนได้อย่างไร

ย้อนกลับไปยุคพรรคไทยรักไทยอยู่ในอำนาจ รัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐ กำหนดกฎหมายกระจายอำนาจสำคัญอยู่ ๒ ฉบับ

๑.พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๒๕๔๒

๒.พ.ร.บ.ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น ๒๕๔๒

สาระสำคัญคือกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  (อปท.) มีรายได้เพิ่ม ในปี ๒๕๔๔ คิดเป็นสัดส่วนรายได้รัฐบาลไม่น้อยกว่า ๒๐%

และไม่เกินในปี ๒๕๔๙ มีรายได้ไม่น้อยกว่า ๓๕%  ของรายได้รัฐบาล

มีการแก้กฎหมายเกี่ยวกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายฉบับครับ เพื่อให้สอดคล้องกัน

แต่…รัฐบาลทักษิณ ไม่สนใจกฎหมายที่ออกมาเลย

ปีงบประมาณ ๒๕๔๘ รัฐบาลไทยรักไทย มีเงินให้ อปท.เพียง ๒๓.๕๐% เท่านั้น

ปีงบประมาณ ๒๕๔๙ ได้แค่ ๒๔.๐๕%

ขณะเดียวกัน การบริหารประเทศของ “ทักษิณ” กลับขึ้นชื่อเรื่องการรวบอำนาจ รัฐมนตรีร่วมรัฐบาลแทบไม่มีบทบาทอะไรมากนัก

เพราะเบื้องหลังรัฐมนตรีมีเงาของคนในตระกูลชินวัตรคอยชี้นิ้ว

วันนี้ “ทักษิณ” โจมตี “รัฐบาลลุงตู่” ว่า ยอมทำทุกอย่าง

ซื้อกล้วยแจก แจกแบบไม่อายกันแล้ว แล้วก็ไปซื้อ ส.ส. ซื้อแบบไม่อายกันแล้ว เพื่อรักษาสถานภาพทางการเมืองของตัวเอง

ก็ย้อนเข้าตัวอีก!

“ทักษิณ” เป็นเจ้าแห่งการดูด ส.ส.

เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบรวมพรรคการเมือง

ซื้อยกพรรค คือผลงานของ “ทักษิณ”

ถามว่ารัฐบาลปัจจุบันมีแจกกล้วยหรือเปล่า ก็อย่างที่เห็นเป็นข่าวฉาว

แต่สมัย “ทักษิณ” ไม่ใช่แค่แจกกล้วยกันในสภา

เพราะ “ทักษิณ” บริหารประเทศแบบรวมศูนย์อำนาจ  การครอบงำ จึงขยายวงกว้างไปถึงวุฒิสภา มีการแจกกล้วยรายเดือนให้สมาชิกวุฒิสภาบางส่วนด้วย

หลักแสนบาท!

องค์กรอิสระบางแห่งถูกดูดจนเสียสูญ บางคนต้องติดคุก

ศาลยุติธรรมก็ไม่เว้น เกิดตำนานถุงขนม ๒ ล้านบาท   ทนายความทักษิณ เจอคุกไป ๖ เดือน

แจกกล้วยยุคนี้จึงดูเด็กๆ ไปเลย

ก็ไม่รู้อายกันบ้างหรือเปล่า “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องหนีเพราะโกง

การโกงเป็นเรื่องน่าอับอายขายหน้า คนในวงศ์ตระกูลน่าจะอยู่อย่างขมขื่น

เพราะโกงมีความหมายชัดเจนนะครับ หมายถึงการใช้อุบาย หรือเล่ห์เหลี่ยมหลอกเพื่อเอาเปรียบ หรือเอาผลประโยชน์มาเป็นของตน

วันนี้ถ้า “ทักษิณ” สงสารประเทศจริงก็แค่หยุดลงทุนกับพรรคเพื่อไทย ปล่อยให้พรรคการเมืองนี้เป็นอิสระจากตระกูลชินวัตร

ปล่อยให้หมอชลน่าน ศรีแก้ว เป็นหัวหน้าพรรคตัวจริง และเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อย่างสมศักดิ์ศรี

ไม่ใช่ถูกลัดคิวโดย “อุ๊งอิ๊ง”