วิกฤตจากปากรัฐบาล – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

งงกับรัฐบาลจริงๆ

ในเมื่อยืนยันว่า นโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ตไม่มีโกง ไม่ผิดกฎหมาย สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงก็รีบแจกสิครับ มัวรีรออะไรอยู่

นี่กลายเป็นว่าปากกล้าขาสั่น ลังเล ไม่มั่นใจในนโยบายของตัวเองเลย

รอตั้งแต่ความเห็นแบงก์ชาติ สภาพัฒน์ กฤษฎีกา มาถึง ป.ป.ช. ก็ยังรอต่อ

รอตั้งแต่รัฐบาลบอกว่าเศรษฐกิจประเทศเข้าสู่วิกฤตแล้ว พูดจาเรื่อยเปื่อยมาวันนี้บอกว่าถ้าไม่แจกเงินหมื่น ไทยอาจประสบปัญหาวิกฤตที่แท้จริง

ตกลงวิฤตแล้วหรือกำลังเข้าสู่วิกฤต

ตัวนายกฯ เศรษฐานี่ผีเจาะปาก เถียงหมดไม่สนใจว่าใครมีหน้าที่ทำอะไร

นายกฯ เศรษฐา ไปค่อนแคะ ป.ป.ช. ว่ามีหน้าที่ตรวจสอบทุจริตประพฤติมิชอบใช่หรือไม่ ส่วนออกนโยบายเป็นหน้าที่ของรัฐบาล

ภาษาชาวบ้านคือ “อย่าเสือก” นั่นแหละครับ

ณ วันนี้ ป.ป.ช.เขาทำตามหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑

มาตรา ๓๒ บัญญัติว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหน้าที่และอำนาจเสนอมาตรการ ความเห็นและข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี รัฐสภา ศาล องค์กรอิสระ หรือองค์กรอัยการในเรื่องดังต่อไปนี้

(๑) ปรับปรุงการปฏิบัติราชการ หรือวางแผนงานโครงการของส่วนราชการรัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ เพื่อป้องกันหรือปราบปรามการทุจริต การกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม

(๒) จัดให้มีมาตรการและกลไกที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนอย่างเข้มงวด

(๓) เสนอแนะให้มีการปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือมาตรการใดที่เป็นช่องทางให้มีการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ หรือเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดผลดีต่อราชการได้

ในการจัดทำมาตรการ ความเห็น และข้อเสนอแนะตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการ ป.ป.ช.อาจจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะในเรื่องที่กระทบต่อประโยชน์สาธารณะก็ได้ ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.กำหนด

เมื่อองค์กรตามวรรคหนึ่งได้รับแจ้งมาตรการ ความเห็น และข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช.แล้ว หากเป็นกรณีที่ไม่อาจดำเนินการได้ ให้แจ้งปัญหาและอุปสรรคต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ทราบต่อไป ทั้งนี้ ไม่เกินเก้าสิบวันนับแต่ได้รับแจ้งจากคณะกรรมการ ป.ป.ช

จะเห็นว่า ไม่เฉพาะรัฐบาลเท่านั้น แต่รัฐสภา ศาล องค์กรอิสระ ล้วนอยู่ในข่ายที่ ป.ป.ช.สามารถมีข้อเสนอแนะมีเป้าหมายเพื่อป้องกันหรือปราบปรามการทุจริตได้

กรณี ป.ป.ช.ออกข้อเสนอแนะในนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ป.ป.ช.ได้แตะที่ตัวนโยบาย แต่ชี้ให้เห็นช่องโหว่ว่าอาจนำไปสู่การทุจริต และความเสี่ยงว่าอาจขัดต่อกฎหมายได้

โดยเฉพาะการออกพระราชบัญญัติกู้เงิน ที่รัฐบาลต้องทำตามมาตรา ๕๓ ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑

มีเงื่อนไขสำคัญคือ เฉพาะกรณีที่มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน และอย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติของประเทศโดยไม่อาจตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ทัน

รัฐบาลโหมปลุกกระแสวิกฤตเศรษฐกิจ จนสื่อต่างประเทศจับไปเป็นประเด็นขยายความต่อด้วยความสุดทึ่ง!

ไฟแนนเชียลไทมส์ ตีพิมพ์สัมภาษณ์ ปีเตอร์ มัมฟอร์ด หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของบริษัท ยูเรเชีย กรุ๊ป (Eurasia Group) ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“นี่ (นายกฯ เศรษฐา) ต้องเป็นหนึ่งในผู้นำโลกเพียงไม่กี่คน ที่พยายามโน้มน้าวประชาชนของตัวเองให้เชื่อว่าเศรษฐกิจของประเทศเลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่”

มันเหลือเชื่อ!

รัฐบาลที่เอาแต่พูดว่าเศรษฐกิจวิกฤตแล้ว ในขณะที่ภาคเอกชนตั้งเป้าโกยกำไรในปี ๒๕๖๗ แบบนี้หมายความว่าอย่างไร

เอกชนที่ว่าไม่ใช่อื่นไกล คือ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ของนายกฯ เศรษฐานี่แหละครับ

ไม่กี่วันก่อนผู้บริหารแสนสิริยกแผงแถลงข่าว ฟังดูแล้วผู้ถือหุ้นน่าจะเคลิ้มงานนี้ เป๋าตุง!

เอาผลประกอบการปี ๒๕๖๖ ก่อน

“อภิชาติ จูตระกูล” ซีอีโอแสนสิริ แถลงว่า…

“…ตั้งเป้าหมายกำไรสุทธิ คาดว่าแสนสิริจะสร้างประวัติศาสตร์ใหม่กับผลประกอบการที่ดีที่สุดในรอบ ๔๐ ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท โตอย่างมั่นคงจากปี ๒๕๖๖

ที่ผ่านมา บริษัทสามารถเปิดตัวโครงการใหม่ ๔๔ โครงการ มูลค่ารวมสูงถึง ๖๕,๐๐๐ ล้านบาท สร้างสถิติใหม่ ALL-Time High เติบโตจากปีก่อนหน้า ๕๐% และโตจากช่วงเกิดโควิดถึง ๑๐ เท่า ครอบคลุมทุกโปรดักต์ ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม ทุกเซ็กเมนต์ระดับราคารองรับทุกความต้องการ และครอบคลุมในทุกทำเล เจาะกลุ่มที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยจริง…”

อีกคนคือ “อุทัย อุทัยแสงสุข” ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ ของ แสนสิริ

“…ปี ๒๕๖๗ มุ่งขยายธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน วางแผนเปิดตัวรวม ๔๖ โครงการ มูลค่ารวม ๖๑,๐๐๐ ล้านบาท บนทำเลศักยภาพในกรุงเทพฯ และตลาดต่างจังหวัด โดยเพิ่มสัดส่วนของโครงการบ้านลักชัวรีมากขึ้น

ตั้งเป้ายอดขาย ๕๒,๐๐๐ ล้านบาท และยอดโอนที่ ๔๓,๐๐๐ ล้านบาท เริ่มจากกลุ่มธุรกิจแนวราบ วางแผนเปิดตัวรวม ๒๖ โครงการ มูลค่ารวม ๓๕,๐๐๐ ล้านบาท…”

คนนี้เด็ดสุด “ภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ” ประธานผู้บริหารสายงานกลยุทธ์ แสนสิริ

“…เมื่อรวมโครงการเปิดใหม่ในปีนี้ แสนสิริจะมียูนิตพร้อมขายทั่วประเทศรวมมูลค่า ๑๔๖,๐๐๐ ล้านบาท ส่งผลให้แสนสิริจะมีรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องใน ๓ ปีข้างหน้า…”

“แสนสิริ” ตั้งเป้าโตต่อเนื่อง ๓ ปี ยอดขายปีที่้แล้วยันปีนี้ถล่มทลาย

แต่รัฐบาลเอาแต่ท่อง วิกฤตเศรษฐกิจๆๆๆๆ

นายกฯ เศรษฐาน่าจะรู้ว่า อสังหาริมทรัพย์กับวิกฤตเศรษฐกิจ ยิ่งกว่าไฟกับน้ำมัน

ดูวิกฤตซับไพรม์ที่อเมริกา ช่วงปี ๒๕๕๐- ๒๕๕๑ เป็นตัวอย่าง

วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในจีนช่วงปีสองปีที่ผ่านมา ก็เกือบช็อกไปทั้งภูมิภาค

“แสนสิริ” ไปเอาข้อมูลมาจากไหนว่าเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว ไม่ได้เข้าสู่วิกฤตเศรษฐกิจ น่าจะเอาข้อมูลไปแบ่งรัฐบาลบ้าง

เมื่อรัฐบาลกรอกหูประชาชนทุกวันว่า ประเทศกำลังเข้าสู่วิกฤตเศรษฐกิจ โดยที่รัฐบาลเอาแต่รีรอเลื่อนการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตออกไปอย่างไม่มีกำหนด

ก็ไม่ต่างจากกัปตันเรือบอกว่า เรือจะจมแล้ว แต่ไขกุญแจเอาเสื้อชูชีพมาแจกไม่ได้ ต้องรอประชุมลูกเรือเพื่อโหวตกันก่อน

อ้างวิกฤต ไม่ยอมออกพระราชกำหนด แต่ดันทะลึ่งจะออกพระราชบัญญัติ

นโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตจึงเต็มไปด้วยความย้อนแย้งจากฝีมือรัฐบาลเองทั้งสิ้น

วิกฤตเศรษฐกิจมันเกิดขึ้นแล้วช่วงโควิด-๑๙ ระบาดไปทั่ว ขณะนี้ทุกประเทศทั่วโลกอยู่ในช่วงของการฟื้นฟู

แต่วิกฤตทางการเมืองรัฐบาลกำลังจะเกิด

มีนักโทษเทวดาเป็นชนวนชั้นดีเลยทีเดียว

Written By
More from pp
ความคืบหน้าผลการสอบสวนและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กรณีเด็ก 2 ขวบชาวเมียนมา ตรวจพบการติดเชื้อโควิด 19 หลังกลับจากไทย ประจำวันที่ 21 กันยายน 2563
วันนี้ (21 กันยายน 2563) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานความคืบหน้าผลการสอบสวนและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กรณีเด็ก 2 ขวบชาวเมียนมา...
Read More
0 replies on “วิกฤตจากปากรัฐบาล – ผักกาดหอม”