เอาอย่าง “ไอ้ขวัญ-อีเรียม” – สันต์ สะตอแมน

สันต์ สะตอแมน

ตอนเป็นสส.-นักการเมืองไม่ค่อยเห็นความปราดเปรื่องสักเท่าไร

แต่..หลังเป็นนักโทษ-พ้นคุกออกมา คุณเทพไท เสนพงศ์ ดูจะเก่ง-รอบรู้ไปเสียทุกด้านแต่งเพลงก็เป็น ร้องเพลงก็เพราะ พูดการบ้าน-การเมืองก็มีเหตุ-มีผล มีขันติ

แล้วนี่ วานซืน คุณเทพไทได้อวดภูมิโพสต์น่าใคร่ครวญ.. “ผมเห็นข่าวรัฐบาลประกาศให้การเกิดเป็นวาระแห่งชาติ ก็รู้สึกตกใจ

ไม่คาดคิดว่า ปัญหาการขาดเด็กเกิดใหม่ในยุคนี้ จะต้องถึงขั้นประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ เป็นการให้ความสำคัญขั้นสูงสุด

ซึ่งแตกต่างกับในยุคสมัยผมเป็นเด็ก ครอบครัวผม มีพี่น้องพ่อแม่เดียวกัน 8 คน และแต่ละครอบครัวก็มีลูกจำนวนหลายคนเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนั้น

แต่ตอนนี้กลับตาลปัตรกัน ในยุคนั้นต้องรณรงค์ให้มีการคุมกำเนิด และคนที่มีบทบาทมากที่สุด ก็คือคุณมีชัย วีระไวทยะ เจ้าของฉายาถุงยางอนามัย ที่เรียกกันว่า ถุงมีชัย

รวมถึงสโลแกน ในการรณรงค์เรื่อง “ลูกมากจะยากจน” หรือ “ลูกหนึ่งคนจนไป 7 ปี” หรือ ชีวิตดีมีลูกแค่ 2 คน หญิงก็ได้ชายก็ดี“

วันนี้สังคมเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน ความคิดคนก็เปลี่ยนไปด้วย ด้วยอาจจะเหตุผลหลายประการ ทั้งภาวะเศรษฐกิจ ปัญหาสังคม และสิ่งแวดล้อม

จึงทำให้คนรุ่นใหม่ รู้สึกเบื่อหน่าย ไม่อยากมีลูก คิดว่าการมีลูกเป็นภาระ เป็นการสร้างบาปให้ลูกที่เกิดมาเผชิญกับสังคมที่เลวร้าย

จนทำให้คนรุ่นใหม่ไม่อยากจะมีบุตร ซึ่งทำให้สังคมไทยขาดแคลนเด็กเกิดใหม่ในแต่ละปี

ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติก็ได้ เพียงแต่รัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ปัญหา จัดโปรโมชั่น มีแรงจูงใจให้เป็นที่น่าเชื่อถือของสังคม

เพราะที่ผ่านมาโครงการที่เกี่ยวข้องกับแม่และเด็กล้มเหลว พรรคการเมืองไม่ได้นำนโยบายที่ใช้หาเสียงมาปฏิบัติให้เป็นจริง

เช่น นโยบายมารดาประชารัฐ นโยบายดูแลเด็กอ่อน นโยบายเรียนฟรีอย่างแท้จริง ฯลฯ

ถ้าหากจะส่งเสริมให้มีการเกิดให้มากขึ้นจริง รัฐบาลต้องมีแรงจูงใจ สร้างหลักประกันได้ว่า เด็กเกิดใหม่ จะไม่เป็นภาระของพ่อแม่และครอบครัว เช่น

1.รัฐดูแลสวัสดิการตั้งแต่วันตั้งครรภ์ จ่ายค่าบำรุงครรภ์ ค่าฝากครรภ์ ค่าทำคลอด 2.เมื่อคลอดมาแล้ว ดูแลเรื่องอุปกรณ์การเลี้ยงเด็กอ่อน ค่านมเด็กอ่อน

3.มีเงินเดือนให้กับเด็กอ่อน และค่าเงินเดือนพี่เลี้ยง 4.จัดเงินทุนหรือทุนการศึกษา ตั้งแต่อนุบาลจนจบปริญญาตรี

เพราะฉะนั้นถ้าหากว่า ครอบครัวใหม่หรือชีวิตคู่ใหม่ มีความมั่นใจในสวัสดิการแห่งรัฐ ก็จะตัดสินใจมีลูกขึ้นมาทันที

แต่เบื้องต้นก่อนที่จะรณรงค์ให้มีการคลอดลูกและเลี้ยงดูอย่างมีคุณภาพ ขอให้รัฐบาลเข้าไปดูแลเด็กเกิดใหม่ ที่พ่อแม่ไม่มีปัญญาเลี้ยงดู ทิ้งขว้างตามที่สาธารณะ

หรืออยู่ในสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้าให้ดีเสียก่อน เพื่อสร้างหลักประกันและความมั่นใจ หรือเป็นแรงจูงใจให้กับคนที่ตัดสินใจจะมีลูก โดยไม่จำเป็นต้องยกให้เป็นวาระแห่งชาติก็ได้.”

ครับ..ใครจะคิดเห็นอย่างไรไม่ทราบ สำหรับผมเห็นจะไม่เอาด้วยหรอก เพราะถ้าหากจะส่งเสริมให้มีการเกิดให้มาก แล้วให้รัฐแบกอุ้มภาระทุกอย่าง 1-2-3-4 แทนพ่อแม่ มีหวัง..

นอกจากเด็กจะเต็มบ้าน-ล้นเมือง ทุกครัวเรือนก็คงตั้งหน้าตั้งตาเอาอย่างไอ้ขวัญ-อีเรียม..

ลงเล่น..เช้า สาย บ่าย เย็น สนุกล่ะ!

Written By
More from pp
“เจริญ จรรย์โกมล” ควงลูกชาย พร้อมทีมงาน เข้าพรรคไทยสร้างไทย เตรียมจัดทีมชัยภูมิ ลุยกวาด ส.ส. มั่นใจ ปักธงได้แน่
"เจริญ จรรย์โกมล" ควงลูกชาย พร้อมทีมงาน เข้าพรรคไทยสร้างไทย เตรียมจัดทีมชัยภูมิ ลุยกวาด ส.ส. มั่นใจ ปักธงได้แน่ ชูไทยสร้างไทย คือทางออก...
Read More
0 replies on “เอาอย่าง “ไอ้ขวัญ-อีเรียม” – สันต์ สะตอแมน”