สันต์ สะตอแมน
หมดยุคหนังฝรั่ง!
บางคนว่าเข้านั่น หลังจากที่เห็นหนังไทยโกยรายได้เกิน 100 ล้านบาทเป็นว่าเล่นติดต่อกันมา 3-4 เรื่องในห้วงไตรมาสสุดท้ายของปี66
และบ้างก็มอง..เป็นเพราะรัฐบาลเก่าไป-ใหม่มา ชาวประชาหน้าใส อิ่มปาก-อิ่มท้องกันทั่วหน้า เศรษฐกิจคึกคัก เลยพากันทะลักเข้าไปดูหนังไทยด้วยความสนุกสนานบันเทิง!
ซึ่งฟังทัศนะแรกแล้วก็ให้เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะแม้หนังฝรั่ง-ฮอลลีวู้ดจะเริ่มเสื่อม ไม่ค่อยเป็นที่นิยมของคนดูเหมือนแต่ก่อน..
แต่หากหนังไทยไม่พัฒนาคุณภาพ หรือพล๊อตเรื่องไม่โดดเด่นโดนใจ คนดูหนังก็เห็นจะไม่ยอมควักเงินเข้าโรงไปนั่งให้รำคาญ-หงุดหงิดใจเป็นแน่!
พูดง่ายๆ ไม่มีหนังฝรั่งดีๆให้ดู (กู) ก็ไม่ยอมเสียเงินดูหนังไทยห่วยๆหรอกนะ..ผมเห็นเป็นอย่างนั้น!
ส่วนมุมมองหลัง..น่าจะเป็นการพูดตลก-เอาสนุก หรือไม่ก็เสียดสีเสียมากกว่า เพราะเท่าที่เห็นและสัมผัส เวลานี้ชาวประชาดูหน้าละห้อย เหมือนกินไม่อิ่ม-นอนไม่หลับ..
จะด้วยรอลุ้นรอรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่เขาล่อไว้ตอนหาเสียง หรือจะคิดถึงนายกฯลุงตู่ ก็ไม่รู้..ไม่อยากเดา!
ก็..เอาว่า ยินดีกับหนังไทยทุกเรื่องที่รวยกันโครมๆ ล่าสุด “4King2” (กำลังฉาย) เห็นรายได้เข้าฉายวันแรก 19 ล้านแล้ว ก็พอจะเชื่อขนมกินได้..
ขี้หมู-ขี้หมา กำไรไม่น่าต่ำกว่า 100 ล้านบาท..ชัวร์!
เออ..แล้วนั่น จะเชื่อขนมกินได้รึเปล่าไม่รู้ ขนาดคนในพรรคประชาธิปัตย์ที่เคยมั่นอก-มั่นใจ หัวหน้าพรรคคนใหม่ต้องชื่อ “นราพัฒน์ แก้วทอง” เท่านั้น
แต่ตอนนี้ดูเหมือนหลายปากพูดคล้ายๆ กัน “มาดามเดียร์” ก็มีสิทธิ์เป็นไปได้ขึ้นมาแล้ว ด้านคุณเทพไท เสนพงศ์ เจ้าของผลงานเพลงแหล่ “สดุดีลุงตู่” ได้โพสต์..
“อภิสิทธิ์ คือทางรอดของ ประชาธิปัตย์” โดยให้เหตุผล (เอาแค่3-4 ข้อก็แล้วกัน)..
ข้อแรก..เป็นคนที่มีจุดยืนทางการเมืองชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องหลักการประชาธิปไตย ซึ่งตรงกับอุดมการณ์ของพรรคข้อ 4
คือ ต่อสู้กับเผด็จการทุกรูปแบบ และมีบุคคลิกตรงกับสโลแกนเดิมของพรรค คือ ประชาธิปัตย์ซื่อสัตย์ มืออาชีพ
ข้อ2..เป็นคนมีสัจจะวาจา “คำไหน คำนั้น” ตัวจริง เมื่อพูดหรือประกาศทางการเมืองอย่างไร ก็ปฏิบัติอย่างนั้น ไม่มีการเลี่ยงบาลี หรือศรีธนญชัย แต่อย่างใด
ข้อ3…สามารถเชื่อมต่อ เติมเต็มช่องว่างของกลุ่มคนภายในพรรค ได้ทุกกลุ่ม ไม่ว่าคนรุ่นเก่า รุ่นกลางหรือรุ่นใหม่ เป็นที่ยอมรับ มีบารมี หรือภาวะผู้นำเพียงพอ ให้คนในพรรคยอมรับได้
ข้อ4..คะแนนนิยมหรือฐานเสียงของพรรค ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพ และภาคใต้ ซึ่งคุณอภิสิทธิ์ ยังเป็นที่นิยม ซึ่งสามารถดึงฐานเสียงเหล่านี้ กลับมาสู่พรรคได้โดยเร็ว”
ครับ..ผมน่ะเห็นด้วยกับคุณเทพไททุกเหตุผล ยกเว้นก็แต่ข้อ3..เพราะเท่าที่ฟังสมาชิก-คนในพรรคมาตั้งแต่ยุคเป็นนายกฯนู้น..
มีแต่เสียงบ่น เสียงตำหนิ ว่าคุณอภิสิทธิ์ไม่ค่อยจะเชื่อมต่อกับคนรุ่นเก่า เอาแต่คนใกล้ตัว!
และด้วยเหตุนี้กระมัง ถึงได้เกิดปฏิกิริยากีดกั้นขึ้นมาภายในพรรค จนทำให้คุณอภิสิทธิ์ขาดความมั่นใจ ไม่กล้าที่จะลงชิงหัวหน้าพรรค..
มาดามเดียร์เลยต้องพลีชีพแทน!